การคิดเชิงบวก

สรุปเนื้อหา คิดเชิงบวก ...พลังสร้างความสำเร็จ นายสุทธิชัย ปทุมทอง

คิดเชิงบวก ...พลังสร้างความสำเร็จ

การสร้างแรงบันดาลใจ ช่วยสร้างขุมพลังทางความคิดในเชิงสร้างสรรค์ เป็นแนวทางของการดำเนินชีวิตให้ก้าวผ่านความล้มเหลว ไปสู่ความหวังให้คุณไขว่คว้า หาความสำเร็จ จงคิดเสมอว่า ความสำเร็จไม่ได้เดินทางมาหาเรา มีแต่เราเท่านั้นที่เดินทางไปหาความสำเร็จหากเราทำได้อย่างนี้ “ความสำเร็จ”ก็อยู่ไม่ไกลเกินใจจะเอื้อมถึง ถ้าเราคิดดี พูดดี และทำดี พร้อมกับสร้างแรงจูงใจต่อการทำงาน คือ เตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับโอกาสที่มาถึง...นั้นหละคือ ความลับของความสำเร็จ การสรุปผลจากการศึกษาครั้งนี้ จึงมีข้อคิด ดีดี ตามโครงการ เรื่องดีๆ มีไว้แบ่งปัน ....คิดเชิงบวกเป็นพลัง สร้างความสำเร็จได้....ดังนี้


- “To handle yourself, use your haed;To handle others, use your heart”
( จงใช้ความคิดเพื่อที่ควบคุมตัวเอง แต่จงใช้หัวใจเพื่อควบคุมคนอื่น)
- “ you can’ t change the past but you can change the future into a better past” (คุณไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนอดีตได้ แต่สิ่งที่คุณสามารถเปลี่ยนได้ คืออนาคตเพื่อที่จะเป็นอดีตที่ดีกว่า”
- “ the determined man finds the way, the other finds an excuse or alibi.” ( ผู้ที่แน่วแน่และมุ่งมั่น จะหาหนทางแก้ปัญหา ในขณะที่คนอื่นจะหาหนทางแก้ตัว”
- “ the best and most beautiful things in the world cannot be seen or even touched. They must be felt with the heart.” (สิ่งที่ดีและสวยงามที่สุดในโลก มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ แต่จะรู้สึกได้จากหัวใจ)
- “Great minds must be ready not only to take opportunity, but to make them.” ( ความคิดที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่แต่เตรียมพร้อมต่อโอกาส แต่ยังพร้อมที่จะลงมือทำ)
- คิดในเชิงบวก : ชีวิตเราก็เหมือนกับการผจญภัย ซึ่งจะเผชิญหน้ากับปัญหาและสิ่งที่ท้าทาย คล้ายกับคนที่มีความคิดในแง่ลบที่ต้องเผชิญ กับสิ่งเลวร้ายที่คุกคาม หรือนักผจญภัยที่มักจะตื่นเต้นต่อสิ่งที่ท้าทาย เมื่อคุณเผชิญกับปัญหา ไม่ต้องกังวลกับอุปสรรคจนต้องล้มเลิกกับปัญหาเหล่านั้น
พยายามตั้งสติจัดลำดับถึงสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อแก้ปัญหานั้น พยายามรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ในการตัดสินใจ หรือการกระทำบางอย่างที่จำเป็น ซึ่งอาจจะต้องอาศัยการค้นคว้า การอ่าน หรือปรึกษากับคนอื่นที่เชื่อถือได้ และตั้งสมาธิในสิ่งที่คุณปฎิบัติได้ อย่าเสียเวลาและพลังงานให้กับสิ่งที่คุณไม่สามารถปฎิบัติได้ การกังวลเป็นสิ่งนำพาไปสู่ความล้มเหลว เมื่อคุณเริ่มฝึกการใช้ทัศนคติในทางที่สร้างสรรค์ คุณอาจจะพบว่าเป็นเรื่องยุ่งยากในการเริ่ม และอาจจะพบว่าเป็นเรื่องยุ่งยากในการเริ่ม และอาจจะพบว่าพฤติกรรมที่สนองตอบต่อสถานการณ์ที่คุกคามเป็นไปในทางลบเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะการคิดในแง่ลบ สามารถทำได้ง่ายกว่าในสถานการณ์ที่ยุ่งยาก เพราะคุณไม่จำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อแก้ปัญหา จึงเป็นการง่ายที่จะวิ่งหาการตอบสนองในแง่ลบ นั้นเอง

ข้อคิดดีดีในเชิงบวก.....ที่น่าสนใจ ได้แก่

- การคิดเป็นงานที่ยากที่สุดและเป็นเหตุผลที่ทำให้คนเราไม่ค่อยคิด
- ความสงสัยของเรา..เป็นสิ่งที่ทำลายและทำให้สูญเสียโอกาสดีๆ ในชัยชนะ
- ความเคร่งขึมไม่พูดไม่จา..เป็นสิ่งสกัดกั้นคนเราจากความพยายามเริ่มแรก
- สิ่งเลวร้ายเป็นตัวดึงความสามารถของเราออกมาใช้ได้ในสถานการณ์ที่ปกติ
- ความรักและความกลัวไม่สามารถอยู่ในชามเดียวกันได้
- เคล็ดลับของความสำเร็จคือการเดินทางอย่างต่อเนื่องไปสู่จุดหมาย
- ไม่มีความตื่นเต้นในความซ้ำซากจำเจ
- เมื่อคุณต้องการความรู้ เหมือนกับที่คุณต้องการอากาศเมื่อนั้นคุณก็จะได้มัน
- สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งใจกับตัวเองและลงมือทำ
- ไม่มีสิ่งใดๆ ในโลกที่ดีหรือเลวมีแต่ความคิดของเราเท่านั้นที่ทำให้เกิดความดีและความเลว
- การคำนึงถึงจุดบกพร่องไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ต่อการถูกครอบงำต่างหากที่ใช่
- ไม่มีสิ่งใดในโลกที่สามารถทดแทนที่การต่อสู้ให้ถึงที่สุด และการตัดสินใจนั้นที่ทำให้ทุกอย่างสำเร็จ
- เคล็ดลับของความสำเร็จคือ ความแน่วแน่ในจุดประสงค์
- เวลาเป็นทรัพยากรที่ยากที่สุดและหากเราไม่จัดสรรเวลา เราก็ไม่สามารถจัดสรรอย่างอื่นได้เลย
- เราหลายคนนอนไม่หลับในตอนกลางคืน เพราะจิตใจของเรามัวมัวแต่วนเวียนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
- เราทุกคนควรคำนึงถึงอนาคตของตนเอง เพราะเราจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือในอนาคต
- คนที่ไม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย
- ความลับของความสำเร็จคือเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับโอกาสที่จะมาถึง
- ใครก็ตามไม่ควรหันหลังและวิ่งหนีอันตรายที่คุกคาม
- บางคนฝันที่จะประสบผลสำเร็จอย่างสวยหรูในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ
- อย่าขาดความมั่นใจในตัวเองและตระหนกตกใจในสิ่งที่คุณทำทุกๆ สิ่งคือประสบการณ์
- ทัศนคติเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าความจริง
- ความต่อเนื่องของจุดประสงค์เป็นส่วนที่จำเป็นที่สุดของความสุข
- ความกระตือรือร้นเป็นกุญแจที่นำไปสู่ความเป็นผู้นำ และเป็นสิ่งสำคัญสำหรับจิตใจที่เข้มแข็ง และเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นภาพในอนาคต เป็นสิ่งจูงใจสำหรับความกระตือรือร้น
- ความพยายามที่ดีเป็นสิ่งที่คุ้มค่าต่อทุกสิ่ง
- เมื่อคุณเห็นการมีชีวิตเป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัส ลองพยายามอดกลั้นและต่อสู้กับมัน จงอย่าวิ่งหนีปัญหาใดๆ ที่คุณเผชิญอยู่และเชื่อใจในตัวเองว่าสองมือของคุณสามารถทำให้คุณฝ่าฟันช่วงวิกฤตและผ่านมันไปได้
- เส้นบางๆ ที่คั่นระหว่างความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้คือ การตัดสินใจของเรา
- คนที่ประสบผลสำเร็จ ไม่ว่าจิตสำนึกของพวกเขาจะตระหนักถึงความสำเร็จนั่นหรือไม่ก็ตาม พวกเขาก็แสดงให้เห็นความจริง
- จิตใจคือชะแลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและความคิดของมนุษย์คือกระบวนการ ซึ่งตอบรับมุ่งหมายของมนุษย์
- ไม่มีนกตัวใดบินสูงเกินไป ถ้ามันบินด้วยปีกของมันเอง
- ปัญหาทางใจและอารมณ์ที่อ่อนแอ ซึ่งรบกวนคนทั่วไปนั่นคือ ข้อจำกัดต่อการปฏิบัติหน้าที่ของมนุษย์ที่มีอำนาจที่สุด
- สิ่งที่เรามองเห็นจะเป็นเช่นไรขึ้นอยู่กับว่าเรามองหาอะไร
- มีเพียงสิ่งเดียวในชีวิตที่จะสามารถพิชิตได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายคือความล้มเหลว
- ยิ่งมีความขยันเท่าไหร่ ก็ยิ่งประสบความสำเร็จเร็วเท่านั้น
- การกระทำตัดสินเราเท่าๆ กับที่เราตัดสินใจกระทำ
- อุปสรรคคือสิ่งที่น่าตกใจก็ต่อเมื่อคุณไม่ได้มองไปที่จุดหมายปลายทาง
- คนที่ทำงานไม่เหมาะสมกับตนเอง และล้มเหลวในงานนั้นตลอดเวลา ย่อมพบกับความยากลำบากมากกว่าคนที่ทำงานที่เหมาะสมกับตนเองแล้วประสบความสำเร็จ
- ไม่มีใครฉลาดโดยปราศจากการได้รู้จักความโง่เขลามาก่อน
- ใครที่รู้อะไรนิดหน่อยก็มักจะคุยโวถึงมัน
- ก่อนที่จะพูดอะไรออกไป หวนกลับมาคิดเสียก่อนว่า..ไม่ได้พูดในสิ่งที่คิดได้โดยบังเอิญ
- สิ่งหนึ่งที่คุณไม่สามารถสอนคนอื่นคือสามัญสำนึก
- คุณจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของคนอื่นเมื่อคุณได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดของคุณไป
- คำแนะนำเหมือนหิมะที่โปรยปรายลงมายิ่งบางเบาเพียงใดก็ยิ่งแตะเพียงเปลือกนอกและยิ่งหนักหนาเท่าใดก็ยิ่งลึกถึงความรู้สึกเท่านั้น
- มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจของคุณซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้แม่เหล็กชนิดนี้คือ ..ความไม่เห็นแก่ตัวและการคิดถึงคนอื่นก่อน เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ
- ความใกล้ชิดสนิทสนมเป็นบ่อเกิดแห่งความเกลียด
- ยิ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ ยิ่งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีมากขึ้นเท่านั้น
- คุณสามารถหาเพื่อนได้ภายในสองเดือนด้วยการสนใจในสิ่งที่คนอื่นกระทำมากกว่าการหาเพื่อนภายในสองปีด้วยการทำให้คนอื่นสนใจในการกระทำของคุณ
- หนทางที่จะทำให้คุณมีความสุขคือการทำให้คนอื่นมีความสุขเช่นคุณ
- ชีวิตเหมือนภาพเขียนขนาดใหญ่และคุณควรจะใช้สีทั้งหมดที่คุณมีสร้างสรรค์มันขึ้นมา
- ถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จมากขึ้นหนึ่งเท่าตัวจงเพิ่มความล้มเหลวเป็นสองเท่าตัว
- บุคคลที่มีชีวิตอยู่อย่างถูกต้องและเหมาะสมแม้อยู่ในความเงียบก็แลมีอำนาจกว่าผู้อื่น
- จิตใจที่ยิ่งใหญ่วิพากษ์วิจารณ์ความคิดจิตใจสามัญวิพากวิจารณ์เหตุการณ์แต่จิตใจที่ต่ำต้อย นั้น วิจารณ์เพียงผู้คน
- เพื่อนคือคนที่รู้จักเราและรักเราไม่ว่าจะเป็นอย่างไร
- สิ่งที่ต้องกระทำตลอดช่วงชีวิตคือ...การซื่อสัตย์กับตัวเอง
- ไม่ยุติธรรมเลยที่คุณจะขอร้องให้คนอื่นทำในสิ่งที่คุณไม่ต้องการทำ
- คุณหลอกคนทุกคนได้ในบางเวลาและหลอกบางคนได้ตลอดเวลาแต่คุณไม่สามารถหลอกทุกคนได้ตลอดเวลา
- จงระวังสิ่งเล็กๆน้อยๆ เช่นรอยรั่วเล็กๆ อาจทำให้เรือร่มได้
- ชีวิตผ่านไปอย่างรวดเร็ว..ถ้าคุณไม่หยุด..และมองไปรอบๆบ้าง.คุณอาจจะพลาดบางอย่างไป
- จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่นเพราะเราไม่สามารถเรียนรู้ความผิดพลาดนั้นได้ ทั้งหมดในช่วงชีวิตของเราเอง
- ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน
- ไม่มีสิ่งใดๆ ในชีวิตที่น่ากลัว...มีแต่สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ
- ถ้าคุณไม่อดทนต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง...คุณก็จะล้มเหลวในทุกๆ สิ่ง
- การเดินทางทุกครั้ง ย่อมจะต้องมีก้าวแรกก่อนเสมอ
“ คิดเชิงบวก.............พลังสร้างความสำเร็จ สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันและ หน้าที่การงานได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำข้อคิดต่างๆ ไปดำเนินชีวิตเพื่อความสำเร็จของท่าน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ก่อนทำ เรียนรู้ขณะทำ หรือหลังเรียนรู้จากการกระทำ แต่เชื่อแน่ว่า ผลลัพธ์ของการได้ศึกษาจากหนังสือเล่มนี้ ย่อมมีส่วนที่จะเป็นแรงผลักดันนำไปสู่การค้นหาวิธีแก้ปัญหา และรวมทั้งการแสวงหาวิธีปฏิบัติตนให้สู่เป้าหมายหลักชัยแห่งชีวิต ได้เป็นอย่างดี”
...............................................................
อ้างอิง
สามารถศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม/หนังสือ/อ้างอิง
คิดเชิงบวก ...พลังสร้างความสำเร็จ โดย นายสุทธิชัย ปทุมทอง

สรุปเนื้อหาโดย นายเกียรติศักดิ์ สีหนันทวงศ์ นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครราชสีมา สถาบันการพัฒนาชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน

คิดบวก ( Positive Thinking )

การที่คนเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าจะเป็นในด้านการงาน , อาชีพ หรือครอบครัวนั้น อาจต้องอาศัยมูลเหตุมาจากหลากหลายปัจจัย เช่น คุณต้องมีความคิด ต้องวางแผน เมื่อคิด หรือวางแผนแล้วต้องลงมือทำตามแผนนั้น จึงจะประสบความสำเร็จได้ หรือ เมื่อมีโอกาส และคุณเองก็มีความสามารถพร้อมที่จะไขว่คว้าโอกาสนั้น ขณะที่คนอื่นๆ ไม่สามารถทำได้ คุณก็ย่อมมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าคนอื่น

สำหรับผมคิดว่า การคิดบวก ( Positive Thinking ) ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนเราประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน หลายคนอาจจะมีคำถาม ว่าทำไมการคิดบวกจึงมีส่วนช่วยให้เราประสบความสำเร็จ ตามทัศนะของผมเอง มีความเห็นว่า การคิดบวกในสถานการณ์ต่าง ๆ มักทำให้เราเห็นโอกาสที่แฝงอยู่ในวิกฤตเสมอ ทำให้เราสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองได้ทุก ๆ สถานการณ์ ทำให้เกิดความสบายใจ และเป็นสุข เป็นการเปลี่ยนมุมมองความคิดที่ต่างจากคนทั่วไป เช่น

“เวลาเราเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ”

หรือ
“เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต”

เป็นต้น

“การคิดบวก” เป็นสิ่งที่คนเราสามารถที่จะนำมาปฏิบัติได้ไม่ยากมากนัก แต่สิ่งที่อาจเป็นปัญหาสำหรับหลาย ๆ คน ก็คือ จะทำอย่างไรให้สามารถที่จะคิดบวกได้ทุกขณะที่เกิดปัญหา หรือเหตุการณ์ต่างๆ อันไม่พึงประสงค์ ในชีวิตของเรา เพราะโดยธรรมชาติของคนเราที่ยังฝึกฝนตนเองได้ไม่ดีพอ มักจะคิดไปในทางลบ หรือ ทำลาย มากกว่า ทางบวก หรือ สร้างสรรค์

มีคำกล่าวตามพุทธภาษิตที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ พอจะสรุปได้ความดังนี้

“จิตนี้ประภัสสร คือ มีความสะอาด สว่าง และสงบ แต่ที่จิตนี้มีความทุกข์ ความเศร้าหมอง เกิดจากความไม่รู้ในความเป็นจริง และกำลังของสติมีไม่พอ เมื่อมีสิ่งใดเข้ามากระทบย่อมเกิดความทุกข์” ซึ่งนั่นก็หมายความว่า จิตใจของคนเราโดยเนื้อแท้ เป็นจิตที่บริสุทธิ์ แต่ที่คิดไม่ดี เกิดจากความไม่รู้ หรือ ขาดสติ จึงทำให้คิดบวกไม่ทัน ประกอบกับบางคนที่สั่งสมแต่การคิดร้าย ไม่สร้างสรรค์ อันอาจจะเกิดจากการที่ได้รับประสบการณ์ชีวิต การงาน อาชีพที่ผ่านมาไม่ดีซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงไม่อาจที่จะคิดบวกได้ง่าย แล้วจะแก้ไขได้อย่างไรดีล่ะ ? ถ้ายังอยากจะแก้ไขตัวเองอยู่ ผมมีเทคนิคดีๆ ที่น่าสนใจ คือ “การแก้ไขที่จิตใต้สำนึก” เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่สามารถปฏิบัติแล้วเห็นผลได้จริง

คนเรามักจะไม่ค่อยรู้ หรือ สังเกตความคิดของตนเอง ว่าในขณะที่เรากำลังพูด หรือ สื่อสาร (ในใจ) กับตัวเอง ซึ่งมีเกือบตลอดเวลา หลังจากได้รับข้อมูลผ่านเข้ามา ทั้งจาก ทางตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัส และผุดขึ้นภายในจิตใจ ซึ่งมีทั้งความคิดที่ดี หรือไม่ดี สร้างสรรค์ หรือ ทำลาย สิ่งเหล่านี้ก็จะถูกบันทึกในจิตใต้สำนึกของเราเสมอ ซึ่งตัวจิตใต้สำนึกของเราไม่สามารถแยกแยะ หรือ เลือกที่จะเก็บความคิดที่ดีเพียงอย่างเดียวได้ เมื่อคุณคิด ( ทั้งดี และไม่ดี ) ก็จะถูกเก็บทั้งหมด เมื่อจิตใต้สำนึกเก็บความคิดที่เป็นลบอยู่เสมอ สิ่งที่จะเกิดผลกระทบตามมาคือ พฤติกรรมคุณก็จะเปลี่ยนไปตามที่คุณคิด ดังคำกล่าวที่ว่า “ความคิด กำหนดพฤติกรรม” เมื่อคุณคิดดี พฤติกรรมที่แสดงออกดีด้วย แต่ถ้าคุณคิดร้าย พฤติกรรมร้าย ๆ ก็จะตามมา เมื่อเราทราบเช่นนี้แล้วเราลองมาเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา โดยการเปลี่ยนความคิด ด้วยการป้อนข้อมูลที่เป็นบวกให้กับจิตใต้สำนึกกันดีกว่าครับ

วิธีการเปลี่ยนข้อมูลในจิตใต้สำนึก

1.สิ่งแรกที่สำคัญมากที่สุดในสิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ คือ คุณต้องมีศรัทธา หรือ ความเชื่อก่อนว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต ความคิด หรือ พฤติกรรมของคุณได้ จากการเปลี่ยนข้อมูลในจิตใต้สำนึก หากคุณขาดซึ่งศรัทธา ย่อมจะประสบความล้มเหลว
มีบางคนอาจจะสงสัยว่า แล้วเราจะมีความศรัทธาได้อย่างไร เพราะไม่รู้ว่าปฏิบัติแล้วจะได้ผลจริงหรือไม่ ผมอยากให้เราลองใช้หลัก “กาลามสูตร” อย่าเชื่อทั้งหมด แต่ก็อย่าตัดสินใจปฏิเสธก่อนที่จะนำมาทดลองปฏิบัติ เมื่อเห็นผลแล้วจึงค่อยเชื่อ เมื่อนั้นคุณก็จะเกิดความศรัทธาครับ

2.ทางวิทยาศาสตร์สมอง มีข้อมูลว่า เราสามารถที่จะสื่อสารกับจิตใต้สำนึกของเราได้ในขณะที่ยังมีสติอยู่ คือ ช่วงเวลาที่เรามีคลื่นสมองที่มีความถี่ระหว่าง 9 – 13 รอบต่อวินาที หรือที่เรียกว่า ช่วงคลื่นอัลฟ่า ซึ่งจะเป็นช่วงที่เราทำสมาธิ หรือ เป็นช่วงที่เรารู้สึกผ่อนคลายสุด ๆ เช่น ช่วงที่เราตื่นนอนตอนเช้าใหม่ ๆ หรือ เป็นช่วงที่เราปรับคลื่นสมองโดยการใช้เพลงบรรเลง (โมสาส) ช่วยในการปรับให้สมองมาอยู่ในระดับที่ผ่อนคลาย

คลื่นสมองของคนเราจะแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ตามความถี่ของคลื่นดังนี้

2.1 คลื่นเบต้า มีความถี่ 14-30 hertz เป็นคลื่นที่เกิดขึ้นขณะที่ตัวเราตื่นตัว มีการเคลื่อนไหว ทำกิจกรรมต่างๆ หรือเมื่อเกิดภาวะอารมณ์ที่รุนแรง เช่น เครียด ,กลัว ฯลฯ

2.2 คลื่นอัลฟ่า มีความถี่ 9-13 hertz คลื่นนี้เป็นคลื่นที่มีความสงบมากขึ้น และเป็นคลื่นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมของ มนุษย์มาก เพราะเป็นช่วงที่เราสามารถนำข้อมูลดีดีเข้าสู่ระบบการเรียนรู้ความทรงจำถาวร หรือเป็นการโปรแกรมสมองใหม่ได้ เป็นช่วงที่เรานำข้อมูล จากจิตสำนึก (Concious) ไปสู่จิตใต้สำนึก ( Subconcious) ด้วยเหตุนี้ศาสตร์แห่งการบำบัดหลายแขนงจึงพยายามหาทาง ให้มนุษย์สามารถมีคลื่นอัลฟ่า เกิดขึ้น เพื่อเป็นการล้างระบบของเสียๆออกจากฐานข้อมูลภายในแล้วนำข้อมูลดีดี เข้ามาแทน ซึ่งคนที่ไม่เข้าใจอาจทำสิ่งที่ตรงกันข้ามก็ได้

2.3 คลื่นธีต้า มีความถี่ 4-8 hertz เป็นคลื่นสมองที่เกิดตอนเราหลับ หรือทำสมาธิ(เริ่มเข้าฌาน) หรือเมื่อเราตกอยู่ในห้วงสมาธิลึกมากใจจดจ่อ จนไม่ได้ยินหรือไม่รับรู้สิ่งแวดล้อมภายนอก

2.4 คลื่นเดต้า มีความถี่ 1-3 hertz เป็นคลื่นที่เกิดในระหว่างหลับลึก ผ่อนคลาย สงบ

3.เมื่อคลื่นสมองอยู่ในช่วงที่ต้องการแล้ว ซึ่งสามารถสังเกตได้จากความสงบภายในจิตใจ รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย เพื่อที่จิตใต้สำนึกจะบันทึกข้อมูลได้ง่ายขึ้น ให้เราเลือกประโยค ข้อความ ที่เราต้องการจะแก้ไข เช่น “ฉันมีความมั่นใจในตัวเอง” หรือ “ฉันเป็นคนที่เรียนเก่ง” (สำหรับคนที่ขาดความมั่นใจ ในตัวเอง) แล้วพูดกับตัวเองในใจ ซ้ำ ๆ กัน 5- 10 รอบ เป็นประจำทุกๆ วัน ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ช่วงเช้า และก่อนเข้านอน

4.จากการวิจัยทางด้านสมองพบว่า คนเราจะเปลี่ยนความคิด หรือ พฤติกรรมได้นั้น เราจะต้องคิด หรือทำสิ่งนั้นติดต่อกันไม่น้อยกว่า 21 วันขึ้นไป แล้วผลที่เราต้องการจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้น ( เป็นช่วงระยะเวลาที่สมองได้สร้างเส้นใยมารองรับสิ่งที่เราได้เรียนรู้ )

5.สิ่งที่สำคัญอันดับสองรองลงมา คือ เราจะต้องมีสติ ระลึกรู้ให้เท่าทันจิต รู้จักที่จะจับความคิดภายในตนเองได้ทันเมื่อมีการเคลื่อนไหวความคิดไปในทางลบ ขณะเดียวกันเมื่อเราได้ยินสนทนาในทางลบให้รีบขจัดคำสนทนานั้นๆ ทันที ด้วยคำพูด “หยุด หรือ เลิกคิด” จากนั้นใส่ข้อมูลตรงข้ามที่เป็นบวกแทนที่ เช่น
จาก ฉันทำไม่ได้ (ลบ ) เป็น ฉันทำได้แน่นอน ( บวก ) หรือ จาก ฉันเป็นคนที่ไม่เอาไหน เป็น ฉันก็เป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง เป็นต้น

การคิดเชิงบวก (Positive Thinking)

การคิดเชิงบวก หรือ positive thinking เป็นทัศนคติที่มีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในด้านที่เป็นกำลังใจ มีความเห็น เห็นด้านดีของสถานการณ์ เมื่อใดก็ตามหากเรามีความคิดเชิงบวก เราจะไม่ย่อท้อ มีกำลังใจในชีวิต และเป็นพลังในการผลักดันชีวิตให้ก้าวไปข้างหน้า สิ่งที่ตรงข้ามกับการคิดเชิงบวก คือ การคิดเชิงลบ (negative thinking) หรือเห็นอะไรก็เป็นปัญหาอุปสรรคไปหมด เป็นการมองด้านเลวร้ายของสถานการณ์ ให้ให้ท้อถอย สิ้นหวัง วิธีการฝึกคิดเชิงบวก คือ การสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธาในพลังของตนเอง เชื่อในสิ่งที่ดีงามว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เข้าทำนองเชื่อว่าธรรมะย่อมชนะอธรรมในท้ายที่สุด ไม่ชนะชาตินี้ก็คงมีโอกาสชนะชาติหน้า และฝึกมองด้านตรงข้ามของสถานการณ์ที่เลวร้ายว่า ยังมีอะไรที่มีคุณค่าแฝงไว้อยู่

ผลของการคิดเชิงบวก

จะเห็นว่าการที่มนุษย์มีความคิดเชิงบวกแล้ว ผลดีก็คือ รู้จักให้อภัยตัวเองและผู้อื่น มนุษย์จะสามารถ มองโลกและชีวิตได้อย่างเข้าใจ มองอนาคตอย่างมีความหวัง และมีความสุขมากขึ้น เกิดแรงบันดาลใจ
วิธีการฝึกคิดบวก มนุษย์ เราสามารถสร้างนิสัยคิดบวกได้พอๆ กับนิสัยคิดลบ แต่นิสัยคิดลบเกิดได้ง่ายกว่า เพราะต่างทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว ฉะนั้น ลองทำตามวิธีต่อไปนี้ดู เพื่อสร้างนิสัยคิดในด้านดี และขจัดความคิดด้านร้ายให้หมดไป

วิธีการฝึกคิดบวกนั้นไม่ยาก ลองดู 12 ขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้

  1. ให้มองไปข้างหน้า อย่ามองย้อนหลัง ทุกคนเคยทำผิดมาแล้วทั้งนั้น แต่ต้องไม่จมอยู่กับอดีตที่ผิดพลาด เพราะชีวิตต้องดำเนินต่อไป จงวางเป้าหมายเล็กๆที่เป็นไปได้ และพยายามทำให้สำเร็จ
  2. รู้จักให้อภัยตัวเองและผู้อื่น สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต เป็นผลพวงมาจากการกระทำของตนเองทั้งสิ้น ในบางครั้งบางคราว เราต่างตัดสินใจผิดพลาด แต่เมื่อรู้สำนึกแล้ว ก็ต้องปล่อยให้มันผ่านไป เรียกว่าเป็นการให้อภัย และต้องให้อภัยตัวเองเมื่อทำผิดพลาด เพื่อที่จะเดินหน้าต่อไป รวมทั้งใช้ความผิดพลาดจากอดีตเป็นบทเรียน เพื่อก้าวย่างที่ดีกว่าในอนาคต
  3. ถ้าแก้วมีน้ำแค่ครึ่งเดียว จงเติมให้เต็มแก้ว การมองว่า มีน้ำเหลืออยู่ครึ่งแก้ว หรือน้ำหายไปครึ่งแก้วนั้น ถูกทั้ง 2 อย่าง อยู่ที่ว่าผู้มองเป็นคนมองโลกในแง่ดีหรือร้าย และไม่ผิดอะไรที่คุณจะเติมน้ำให้เต็มแก้ว
  4. มองหาบุคคลต้นแบบ ทุกคนควรมีบุคคลต้นแบบที่เป็นแรงบันดาลใจ คนคนนั้นอาจเป็นผู้ที่เอาชนะอุปสรรคใหญ่ๆได้สำเร็จ และประสบความสำเร็จอย่างงดงามในที่สุด หรือเป็นผู้ที่ทำงานหนักและสัมฤทธิ์ผลจงเอาคนนั้นเป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต
  5. พาตัวเองเข้าไปอยู่ในแวดวงของคนที่ประสบความสำเร็จและมอง โลกในแง่ดีมันเป็นเรื่องมหัศจรรยู์ที่พลังอำนาจของคนอื่น สามารถส่งผลกระทบต่อพลังในตัวเราได้ คนที่คิดในด้านบวกจะช่วยกระตุ้นและเป็นแรงบันดาลใจให้เรา เชื่อมั่นในตัวเองว่า เราสามารถทำสิ่งที่มุ่งมั่นไว้ให้สำเร็จได้ จำไว้ว่า..จงอยู่ให้ห่างคนที่คิดแต่แง่ร้าย ซึ่งจะขัดขวางการเดินหน้าของคุณ ดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล”
  6. เห็นคุณค่าสิ่งดีๆในชีวิต เมื่อเราพอใจกับทุกเรื่องดีๆที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม มันจะช่วยให้เราขจัดความคิดในด้านลบออกไป การโฟกัสแต่สิ่งดีๆเหล่านี้ จะทำให้อุปสรรคที่เราเผชิญอยู่ กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เราจัดการได้ง่ายขึ้น
  7. รู้จักบริหารเวลาอย่างชาญฉลาด อย่าเสียเวลากับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณตั้งเป้าไว้ในชีวิต ข้อสำคัญคือ มุ่งทำในเรื่องที่ทำให้ชีวิตของคุณเป็นไปดังที่หวังไว้ ซึ่งจะส่งผลให้คุณมีทัศนคติที่ดี
  8. จินตนาการว่ามีสิ่งดีๆเกิดขึ้น แปลกแต่จริงที่ว่า คนส่วนมากมักชอบวาดภาพเรื่องเลวร้ายกำลังเกิดขึ้น โดยมักจะพูดว่า “ถ้ามันเกิดขึ้น...” จงฝึกนึกถึงเรื่องดีๆกำลังเกิดขึ้น มองเห็นภาพงานที่กำลังทำเดินไปด้วยดี (ไม่ว่าจะเป็นงานที่บ้านหรือที่ทำงาน) และได้รับคำชมจากคนรอบข้างว่า“เยี่ยมมาก” เพราะนั่นจะเป็นกำลังใจให้คุณคิดบวกต่อไป
  9. ความผิดพลาดมีไว้ให้เรียนรู้ มิใช่แส้ที่เอาไว้เฆี่ยนตี ทุกคนล้วนเคยทำผิดทั้งนั้น และถึงแม้ว่าได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังทำพลาด ขอให้จำไว้ว่า ยังมีโอกาสให้เริ่มต้นใหม่ ความผิดพลาดต่างๆที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียน เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข สิ่งที่จะทำต่อไปในอนาคต
  10. อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ถ้ารอบๆตัวเต็มไปด้วยข้าวของวางระเกะระกะ กระจัดกระจายไปทั่วห้อง ลองหาเวลาจัดเก็บ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งจะช่วยให้คุณเปลี่ยนมุมมอง ความคิดได้มาก ใครจะมองโลกในแง่ดีได้ ถ้าต้องอยู่ท่ามกลางสภาพสกปรกรกรุงรังตลอดเวลา เพราะสภาพแวดล้อมที่ดี จะช่วยสร้างและเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดทัศนคติด้านบวก
  11. รับข้อมูลข่าวสารที่ดี หมั่นอ่านบทความที่สร้างแรงจูงใจ หรือฟังธรรมะที่กระตุ้นให้รู้สึกตื่นตัว และเกิดปัญญา ซึ่งจะช่วยให้มองโลก และชีวิตได้อย่างเข้าใจ มีความหวัง และความสุข
  12. ให้คำมั่นสัญญากับตัวเอง และบอกตัวเอง ซ้ำๆ เพราะคำมั่นสัญญาดีๆมีผลต่อกระบวนการคิดของตัวเอง เช่น ถ้าคุณมีอาการซึมเศร้าเป็นประจำ คำมั่นสัญญาของคุณก็คือ “ฉันมีความสุข ฉันควบคุมตัวเองได้” บอกตัวเองเช่นนี้หลายๆครั้งในแต่ละวัน แล้วคุณจะรู้สึกถึงพลังความคิดด้านบวกที่เกิดขึ้น.

อานุภาพของความคิดเชิงบวก The Power of Positive Thinking

ความคิดเชิงบวก เป็นลักษณะท่าทีของจิตใจที่ยอมรับเอา ความคิด คำพูดและภาพที่เป็นสื่อนำให้เกิดความเจริญเติบโต และความสำเร็จของชีวิต มันเป็นสภาพของจิตภายในที่ทำให้มักคิดถึงแต่สิ่งที่ดีและน่ารื่นรมย์ จิตใจที่เป็นเชิงบวกคิดถึงแต่ความสุข ความยินดี สุขภาพที่ดี และผลสำเร็จใน ทุกๆสถานการณ์และทุกการกระทำ และไม่ว่าจิตใจจะคาดหวังหรือคิดถึงสิ่งใดสิ่งนั้นๆ ก็จะบังเกิดขึ้นจริงในชีวิต ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับหรือเชื่อในเรื่อง ความคิดเชิงบวก บางคนว่าเป็นเรื่องไร้สาระ และบางคนเย้ยหยันผู้ที่เชื่อและยอมรับในเรื่องนี้ สำหรับผู้ที่ยอมรับ ก็มีน้อยคนนักที่จะรู้วิธีใช้ประโยชน์จากมัน อย่างมีประสิทธิภาพและได้รับผลดี กระนั้นก็ดีดูเหมือนว่าหลายคนเริ่มที่จะให้ความสนใจกับเรื่องนี้ มีหนังสือหลายเล่มที่นำเสนอแนวความคิดนี้ ตลอดจนมีการบรรยายหลายๆครั้งในที่ต่างๆทั่วโลก และมีการจัดหลักสูตรอบรมในเรื่องนี้มากมาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความคิดเชิงบวก กำลังได้รับความนิยม เพิ่มมากขึ้นโดยลำดับเป็นเรื่องค่อนข้างปกติที่จะได้ยินผู้คนพูดว่าแย่ๆและมีความกังวลในใจ ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ใส่ใจกับคำพูดเช่นนี้มากนัก เพราะเขาไม่เข้าใจ ว่าที่จริงมันหมายความว่าอย่างไร หรือไม่คิดว่ามันจะมีผลในทางที่ดีสักเท่าใด มีสักกี่คนที่จะคิดพิจารณาถึงความหมายของการคิดเชิงบวกอย่างจริงจัง

เรื่องราวต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงการทำงานของพลังดังกล่าว

อัลลันไปสมัครงาน แต่ในช่วงนั้นเขาไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง เขาคิดว่าเขาล้มเหลวและยากที่จะประสพความสำเร็จ เขารู้สึกว่าเขาจะไม่ได้งาน เขามีทัศนะเชิงลบต่อตัวเอง เขาคิดว่าผู้สมัครคนอื่นๆดีกว่า มีคุณสมบัติมากกว่าตัวเขา อัลลันมีทัศนะคติเช่นนี้เนื่องจากผ่านประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีจาก การสัมภาษณ์งานมาก่อนจิตใจของเขา เต็มไปด้วยความคิดเชิงลบและความกลัวเกี่ยวกับเรื่องงานตลอดทั้งอาทิตย์ก่อนการสัมภาษณ์ เขาคิดว่าเขาอาจจะต้องได้รับการปฏิเสธ ในวันสัมภาษณ์เขาตื่นสาย ในความกลัวและวิตกกังวลนั้น เขาพบว่าเสื้อตัวที่คิดว่าจะใส่ไปสัมภาษณ์สกปรก ส่วนอีกตัวหนึ่งก็ยัง

ไม่ได้รีด เนื่องจากว่ามันสายแล้ว เขาจึงออกจากบ้านด้วยเสื้อที่เต็มไปด้วยรอยยับระหว่างการสัมภาษณ์ เขารู้สึกเครียด ท่าทีที่แสดงออกจึงดูไม่ดีเลย เขาเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องเสื้อและรู้สึกหิวเพราะไม่มีเวลากินข้าวเช้า ทั้งหมดนี้ทำให้เขาว้าวุ่นและทำให้ยากที่จะจดจ่ออยู่กับการสัมภาษณ์ พฤติกรรมโดย ทั่วไปของเขาสร้างความรู้สึกที่ไม่ดี และในที่สุด สิ่งที่เขากลัวก็เกิดขึ้นจริง เขาไม่ได้งานทำจิมสมัครเข้าทำงานแบบเดียวกัน แต่เรื่องราวเป็น คนละแบบ เขามั่นใจว่าจะต้องได้งานทำในช่วงสัปดาห์ก่อนการสัมภาษณ์ เขาสร้างมโนภาพว่าตนเองมีลักษณะท่าทาง ที่น่าประทับใจและกำลังจะได้งานทำ

เย็นวันก่อนสัมภาษณ์ เขาเตรียมเสื้อผ้าที่จะใส่และเข้านอนเร็วกว่าปกติเล็กน้อย ในวันสัมภาษณ์เขาตื่นเช้ากว่าปกติและมีเวลาทานอาหารเช้า และแล้วเขาก็ถึงสถานที่สัมภาษณ์ก่อนเวลาที่นัดหมายไว้เขาได้งานทำเพราะเขาได้สร้างความประทับใจที่ดี แน่นอนเขามีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับงานด้วย แต่อันที่จริงอัลลันก็มีคุณสมบัติเหมาะสมเช่นกันเราได้เรียนรู้อะไรกับเรื่องราวของทั้งสองคนนี้ จิมใช้เวทมนต์เพื่อให้ได้งานทำ หรือไม่ทั้งหมดเป็นไป ตามธรรมชาติ เมื่อมีท่าทีเป็นบวก เราก็มีความพอใจ มีความรู้สึกที่ดีและมีมโน

ภาพที่สร้างสรรค์ ตัวตนทั้งหมดประกาศเจตนาที่ดี ความสุขและความสำเร็จ แม้แต่สุขภาพก็ได้รับผลดีด้วย เราเดินอย่างผึ่งผาย พูดจาด้วยน้ำเสียงที่มีพลัง ภาษาร่างกายแสดงออกถึงความรู้สึกที่อยู่ภายในทั้งความคิดเชิงบวกและเชิงลบมีลักษณะเหมือนโรคติดต่อ เราทุกคนได้รับผลไม่ทางใดก็ทาง

หนึ่งจากผู้คนที่เราพบเห็น สิ่งนี้เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ และเกิดอยู่ ณ ระดับจิตใต้สำนึก โดยการถ่ายทอดทางความคิด ความรู้สึก และภาษาท่าทาง ผู้คนสัมผัสรัศมีกายของเราและได้รับผลจากความคิดของเรา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราชอบที่จะอยู่ท่ามกลางคนที่มีลักษณะเชิงบวก พยายามหลีกเลี่ยงคน ที่มีลักษณะเชิงลบ ผู้คนมีความโน้มเอียงที่จะช่วยเราถ้าเราเป็นคนเชิงบวก พวกเขาไม่ชอบและหลีกเลี่ยงใครก็ตาม ที่แผ่รังสีเชิงลบออกมาความคิดเชิงลบ คำพูดและท่าทีที่นำมาซึ่งความรู้สึกเชิงลบและอารมณ์ที่ไม่เป็นสุข เมื่อจิตมี

ลักษณะเป็นเชิงลบ พิษร้ายจะแทรกซึมเข้าสู่กระแสโลหิตซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดความไม่เป็นสุขและเกิดสภาพเชิงลบ นี่คือหนทางไปสู่ความล้มเหลว และความผิดหวัง

หลักในการปฏิบัติ

Practical Instructions เพื่อที่จะเปลี่ยนจิตใจของเราให้มีลักษณะเป็นเชิงบวก ต้องมีความเพียรพยายาม และมีการฝึกฝนภายในอย่างจริงจัง เจตคติและความคิดไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืนจงอ่านเรื่องนี้อย่างพินิจพิจารณา คำนึงถึงประโยชน์ของมันและลองฝึกฝนดู อำนาจของความคิด เป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเราเสมอ โดยแสดงอิทธิพลในระดับจิตใต้สำนึก แต่มันก็เป็นไปได้ที่จะทำให้ขบวนการนี้เกิดขึ้นในระดับจิตสำนึก แม้แนวความคิดนี้จะดูแปลก แต่ลองพยายามดูเพราะคุณไม่มีอะไรที่จะต้องเสีย มีแต่จะได้ ไม่ต้องสนใจว่าใครจะพูดหรือคิดกับคุณอย่างไร เมื่อพวกเขารู้ว่า คุณได้เปลี่ยนวิธีการคิด ของคุณไปแล้ว จงสร้างแต่มโนภาพที่คุณชื่นชอบและคิดถึงแต่สถานการณ์ที่เป็นประโยชน์ จงใช้คำที่มีลักษณะเชิงบวก ในการสนทนาภายใน (ในความคิด) เมื่อพูดกับคนอื่น จงยิ้มเล็กน้อย เพราะสิ่งนี้จะช่วย

ข้อคิดคำคม เกี่ยวกับเรื่องความคิดเชิงบวก

Quotes on Positive Thinking

The difference between

letters that determine your life''s direction.
can and cannot are only three letters. Three

ความแตกต่างระหว่างคำว่า ทำได้ กับ ทำไม่ได้ อยู่ที่คำว่า “ไม่” ซึ่งสามารถเป็นตัวกำหนดเส้นทางชีวิตของคุณได้

Being positive or negative are habits of thoughts that have a very strong influence on life.

เชิงบวกหรือเชิงสร้างสรรค์ เชิงลบหรือเชิงทำลาย เป็นนิสัยของความคิดซึ่งมีอิทธิพลเป็นอย่างมากกับชีวิต

Positive and negative are directions. Which direction do you choose?

หนทางสร้างสรรค์ และหนทางแห่งการทำลาย คุณจะเลือกอะไร ?

Positive thinking is expecting, talking and visualizing with certainty what

you want to achieve, as an accomplished fact.

ความคิดเชิงบวกคือการคาดหวัง การพูดคุยและการสร้างมโนภาพที่ชัดเจน ในสิ่งที่เป็นความต้องการของคุณ

Riches, mediocrity and poverty begin in the mind.

ความยาก ดี มี จน เริ่มจากภายในจิตใจ

Reality is the mirror of your thoughts. Choose well what you put in front of the mirror.

สภาพของความเป็นจริงที่ปรากฎ ก็คือเงานสะท้อนจากกระจกแห่งความคิดของคุณ จงเลือกแต่สิ่งที่ดีๆเพื่อวางไว้หน้ากระจกนั้น

The mind is the decisive factor in your life, but who decides for the mind?

จิตเป็นส่วนประกอบอันทรงอิทธิพลในชีวิตของคุณ แต่ใครเล่าคือผู้ทรงอิทธิพลต่อจิต ?

A positive attitude brings strength, energy and initiative.

เจตคติเชิงบวกนำมาซึ่งความเข้มแข็ง พลังงานและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

To think negatively is like taking a weakening drug.

การคิดเชิงลบเหมือนกินยาที่ทำให้อ่อนแรง

Positive thoughts are not enough. There have to be positive feelings and positive actions.

ความคิดเชิงบวกอย่างเดียวไม่พอ จะต้องมีความรู้สึกเชิงบวกและการกระทำเชิงบวกด้วย

When you say, "I can''t" and expect the worst, you become weak and unhappy.

เมื่อคุณพูดว่า
“ฉันทำไม่ได้” และคิดว่าสิ่งที่เลวร้ายจะเกิดขึ้น คุณจะเริ่มอ่อนแอและไม่มีความสุข

When you say "I can", and expect success, you fill yourself with confidence and happiness.

เมื่อคุณพูดว่า
“ฉันทำได้” และแน่ใจในความสำเร็จ คุณเติมเต็มตนเองด้วยความมั่นใจและความสุข

You can close the windows and darken your room, and you can open the windows and let light in. It is a matter of choice. Your mind is your room.

Do you darken it or do you fill it with light?

คุณสามารถปิดหน้าต่างและทำให้ห้องของคุณมืด และคุณสามารถเปิดหน้าต่างและปล่อยให้แสงเข้ามา มันเป็นเรื่องของการเลือก จิตของคุณคือห้อง คุณจะทำให้มันมืดหรือเต็มไปด้วยแสงสว่าง

Positive thinking and negative thinking are attitudes. They are points of view, and show the way people handle their affairs.

ความคิดเชิงบวกและเชิงลบเป็นเจตคติ มันคือทัศนะและแสดงให้เห็นถึงวิถีทางที่ผู้คนจัดการกับเรื่องราวของตน

Suppose you stand at a crossroads, one way leads to a desert and the other one to lush meadows, which way do you choose?

ถ้าหากคุณยืนอยู่ตรงทางแยก ทางหนึ่งนำไปสู่ทะเลทรายและอีกทางหนึ่งนำไปสู่ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม คุณจะเลือกไปทางไหน

Clear thoughts produce clear results.

ความคิดที่ชัดเจน ย่อมเกิดผลที่ชัดเจน

Positive thinking evokes more energy, more initiative and more happiness.

ความคิดเชิงบวกช่วยปลุกเล้าพลังงาน เพิ่มพูนความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และความสุข

Train your mind to think in terms of ''possible'' and ''can be done''.

ฝึกจิตของท่านให้คิดแต่ในทำนองที่ “เป็นไปได้” และ “สามารถทำได้”

When you have control over your thoughts, you have control over your life.

เมื่อคุณสามารถรควบคุมความคิดของคุณได้ คุณก็ควบคุมชีวิตของคุณได้

Happy thoughts attract happy people into your life.

ความคิดที่มีความสุขดึงดูดผู้คนที่มีความสุขเข้ามาในชีวิตของคุณ

Happy thoughts fill your life with happiness.

ความคิดที่มีความสุข เติมเต็มชีวิตของคุณด้วยความสุข

When you change your habitual thoughts, it is like changing the direction of a train.

เมื่อคุณเปลี่ยนนิสัยในการคิดของคุณ ก็เหมือนกับการเปลี่ยนทิศทางของขบวนรถไฟ

Affirm the positive, visualize the positive and expect the positive, and your life will change accordingly.

จงยืนยันมั่นใจในเชิงบวก สร้างมโนภาพเชิงบวกและคาดหวังในเชิงบวก และชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามนั้น

When there are difficulties and you feel down, this is the time to visualize, think and expect the positive.

เมื่อมีปัญหาความยุ่งยากและคุณรู้สึกแย่ นี่คือเวลาสำหรับการสร้างมโนภาพ คิด และคาดหวังในเชิงบวก

Fill your mind with light, happiness, hope, feelings of security and strength, and soon your life will reflect these qualities.

จงเติมเต็มจิตใจคุณด้วยแสงสว่าง ความสุข ความหวัง ความรู้สึกปลอดภัยและความเข้มแข็งและในไม่ช้าชีวิตของคุณก็จะสะท้อนให้เห็นคุณสมบัติดังกล่าว

Reading inspiring quotes uplifts the mind.

การอ่านข้อคิดที่กระตุ้นแรงบันดาลใจ จะช่วยยกระดับจิตของคุณ

Repeating inspiring quotes during the day, helps to cope better with every situation that arises.

การย้ำทวนข้อคิดคำคมระหว่างวัน ช่วยให้เราควบควมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้

The power of positive thinking is like a car with a powerful engine that can take you to the summit of a mountain.

อำนาจของความคิดเชิงบวกก็เหมือนกับรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์กำลังแรงซึ่งสามารถนำคุณขึ้นไปถึงยอดเขาได้

จงเฝ้าระวังความคิดของท่าน

.......... เพราะมันจะกลายเป็นคำพูด.......... เพราะมันจะกลายเป็นการกระทำ.......... เพราะมันจะกลายเป็นนิสัย.......... เพราะมันจะกลายเป็นบุคลิก

จงเฝ้าระวังบุคลิกของท่าน .......... เพราะมันจะกลายเป็นชะตากรรม

มีความคิดหลักแหลมใช้ได้ สิ่งดีๆกำลังรอคุณอยู่นะ ผมขอแนะนำให้อ่านบทความเรื่องต่อไป คือ มันจะเปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณเลยล่ะ
ดูดูแล้วคุณเป็นคนดีนะ ฉลาดด้วย“กฎแห่งการดึงดูด” รับรองว่า

จงเฝ้าระวังคำพูดของท่าน

จงเฝ้าระวังการกระทำของท่าน

จงเฝ้าระวังนิสัยของท่าน

ให้มีความคิดเชิงบวก จงอย่าให้ความสำคัญกับความรู้สึกเกียจคร้าน หรือความปรารถนาในเชิงลบ เช่นการเลิกล้ม ลาออก ยอมแพ้ ฯลฯ ถ้าคุณมีความอุตสาหะพยายามคุณก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีคิดในจิตใจคุณได้

ทันทีที่ความคิดเชิงลบเข้ามาในจิตใจคุณ คุณต้องรู้เท่าทันมัน และพยายามแทนที่ด้วยความคิดที่สร้างสรรค์ ความคิดเชิงลบจะพยายาม เข้าครอบงำจิตใจของคุณอีก และคุณก็ต้องแทนที่มันด้วยความคิดเชิงบวกอีก เหมือนกับว่าถ้ามีรูปภาพสองรูปอยู่ตรงหน้าคุณ และคุณต้องเลือกที่จะดูเพียงภาพหนึ่งภาพใดและไม่ดูอีกภาพหนึ่ง ในที่สุดความมุ่งมั่นจะทำให้จิตของคุณคิดเชิงบวกและไม่ใส่ใจกับความคิดเชิงลบ ในกรณีที่คุณรู้สึกมีแรงต้านภายในเมื่อพยายามแทนที่ความคิดเชิงลบด้วยความคิดเชิงบวก จงอย่ายอมแพ้ แต่จงพยายามเพ่งไปที่ความคิดที่เป็นประโยชน์ ความดี และความสุขไม่ว่าสภาพแวดล้อมในปัจจุบันของคุณจะเป็นอย่างไรก็ตาม จงคิดในแง่บวก จงหวังเฉพาะผลหรือสถานการณ์ที่คุณพึงพอใจ และสภาพแวดล้อมก็จะเปลี่ยนไปตามนั้น มันอาจจะต้องใช้เวลาอยู่บ้างสำหรับการเปลี่ยนแปลงแต่ในที่สุด มันก็จะเป็นไปตามที่คุณปรารถนาอีกวิธีหนึ่งที่นำมาใช้ได้ก็คือการตอกย้ำความคิด ความเชื่อ ซ้ำแล้วซ้ำอีก มันเป็นวิธีซึ่งเหมือนกับการสร้างมโนภาพเชิงสร้างสรรค์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ผู้เขียน : khunsuphot หน่วยงาน : สพท.สป.2

รู้จักความคิดเชิงบวก

โดยปกติแล้วความคิดเชิงลบจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า เพราะธรรมชาติของคนเรานั้นพร้อมจะมองเห็นความบกพร่องมากกว่ามองเห็นข้อดี
ในขณะที่ความคิดเชิงบวก ต้องอาศัยมุมมองและการคิดที่ลึกกว่านั้น ไม่ใช่การคิดชั้นเดียวจากการเห็นแล้วสรุปความเลยว่าสิ่งนั้นไม่ดี แต่ต้อง มาจากมุมมองที่เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น(โดยเฉพาะเรื่องไม่ดี)ย่อมมีประโยชน์หรือความดีแฝงอยู่ด้วยเสมอ
ดังนั้น การมองโลกเชิงบวก (positive thinking) จึงหมายถึงการมองสิ่งต่างๆอย่างเข้าใจ ยอมรับได้ในด้านลบ มองปัญหา ความทุกข์ ความไม่ราบรื่นเป็นเรื่องธรรมดา หากรู้จักเลือกใช้ประโยชน์จากด้านบวกที่แฝงอยู่จากสิ่งนั้นๆ ได้ เหตุการณ์บางอย่าง เราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะให้เกิดหรือไม่ให้เกิด แต่เมื่อเกิดขึ้นไปแล้ว เราเลือกได้ว่าจะมองและรู้สึกกับมันอย่างไร
ศ.ดร.นายแพทย์วิทยา นาควัชระ นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญ กล่าวให้ความรู้ในเรื่องดังกล่าวว่า มุมมองของคนเรานั้นมีทั้งด้านบวก ด้านลบ หรือมองแล้วเฉยๆไม่รู้สึกอะไร (zero) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานจิตใต้สำนึกของแต่ละคน
"จิตของมนุษย์เป็นเหมือนก้อนหินลอยน้ำ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือจิตสำนึกหรือความรู้ตัว เป็นส่วนที่โผล่พ้นน้ำมี 5 เปอร์เซ็นต์ กับอีกส่วนหนึ่งคือจิตใต้สำนึก เป็นส่วนใต้น้ำที่มีมากถึง 95 เปอร์เซ็นต์ มาจากการสะสมประสบการณ์ชีวิต ความคิด ความรู้สึกเอาไว้ทั้งลบและบวก"
แต่คนเรามักจำเรื่องลบเอาไว้มากกว่า คนไทยเลี้ยงลูกด้วยการตำหนิ กลัวชมแล้วเหลิง หรือไม่ก็ชมไม่เป็น มักนำไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ หรือด่าว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง สิ่งเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ในจิตใต้สำนึก เมื่อเติบโตขึ้น เวลาเราคิดถึงอะไรก็คิดติดลบตลอดเวลา และรู้สึกว่าตนเองได้รับความรักไม่เพียงพอ แม้จะอยู่กับผู้คนมากมาย แต่ประสบการณ์ชีวิตทำให้รู้สึกว่ามีคนรักตนเองน้อย จึงเหงา ว้าเหว่ ไม่เชื่อมั่น ไม่ภาคภูมิใจในตนเอง" ทั้งหมดนี้จึงเป็นพื้นฐานสำคัญและที่มาของความคิดเชิงลบในที่สุด

พลังของความคิด

กายกับใจนั้นเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน แน่นอนว่าการมีร่างกายที่เจ็บป่วยอาจทำให้ใจห่อเหี่ยวแต่ใจที่ป่วย จากการคิดร้าย มีแต่ความเคียดแค้นเกลียดชังก็นำมาซึ่งโรคทางกายได้เช่นเดียวกัน ทางการแพทย์เรียกว่า Psychosomatic disorder หรือ การเจ็บป่วยทางกายอันเนื่องมาจากจิตใจ ดังที่มีคำกล่าวที่ว่า "จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว"
การมองโลกในด้านลบ ไม่เพียงแต่ทำให้จิตใจร้อนรุ่มกระวนกระวายเท่านั้น หากยังส่งผลกระทบให้สมองส่วนล่างเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางลบ คือ ฮอร์โมนความเครียดหลั่ง หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดสูง กรดในกระเพาะสูง ภูมิต้านทานต่ำลง
ในขณะที่การมองด้านบวก จิตจะสั่งการสมองส่วนล่างด้วยคำสั่งอีกชุดหนึ่ง คือทำให้ฮอร์โมนความสุขหลั่ง หัวใจเต้นช้าลง ความดันเลือดลดลง หายใจช้าลง และภูมิต้านทานสูงขึ้น
ดังนั้น การควบคุมจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึกให้มีแต่เรื่องดีๆ จึงเท่ากับเป็นการให้ข้อมูลต่อจิตใต้สำนึกของตัวเอง ซึ่งหมายถึงการควบคุมระบบประสาทอัตโนมัติ ระบบฮอร์โมน และระบบภูมิต้านทานให้เป็นไปทางที่จะทำให้สุขภาพดีโดยทางอ้อมนั่นเอง
การมองโลกเชิงบวก จะช่วยให้ชีวิตมีความหวังแม้ว่าพบพานอุปสรรคใหญ่หลวง ถือว่าเป็นการหาดีในเลว หาโอกาสในวิกฤติ ซึ่งอาจทำให้เราได้รับประสบการณ์ใหม่ๆที่ไม่มีทางได้รับจากชีวิตที่ราบเรียบก็เป็นได้
นายแพทย์เบอร์นี เอส.ซีเกล ผู้เขียนหนังสือเรื่อง "ชนะโรคร้ายด้วยหัวใจสู้" (Love medicine and Miracle) ได้กล่าวไว้ว่า "ภาวะทางจิตใจมีผลโดยตรงอย่างฉับพลันกับสภาพทางกาย แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงสภาพทางกายได้โดยการจัดการกับวิธีคิด ถ้าเราปล่อยให้ใจเราจมอยู่กับความผิดหวัง ร่างกายก็จะได้รับแต่ "สัญญาณความตาย" แต่ถ้าเราต่อสู้กับความเจ็บป่วยและหาแนวทางแก้ไข ร่างกายก็จะได้รับ "สัญญาณความต้องการอยู่รอด" แล้วระบบภูมิคุ้มกันก็จะเริ่มทำงาน ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น"

หลักการมองโลกเชิงบวก

ก่อนที่คุณจะเรียนรู้ถึงวิธีคิดเชิงบวก ลองถามตัวเองดูก่อนว่าคุณอยากเป็นคนที่มีความสุขมากกว่านี้ไหม หรือกำลังมีความทุกข์เพราะความคิดของตัวเองตลอดเวลาหรือเปล่า หากคำตอบคือ "ใช่" นั่นคือหัวใจสำคัญของการฝึกฝน เพราะ "ความตั้งใจ" เท่านั้นที่จะทำให้การฝึกหัดวิธีคิดกลายเป็นผลสำเร็จได้

บันไดขั้นที่ 1 : มองตัวเองว่าดี
การที่คนเราจะมองโลกหรือมองคนอื่นในแง่ดีได้ ต้องมาจากพื้นฐานที่มองและเชื่อว่าตัวเองดีเสียก่อน ขั้นตอนเพื่อการมองตัวเองว่าดี มีดังต่อไปนี้
- หาข้อดีของตนเอง ลองสำรวจพิจารณาข้อดีของตนเอง(ไม่ใช่การเข้าข้างตัวเอง) อาจเป็นความดีเล็กๆน้อย เช่น พาคนแก่ข้ามถนน ช่วยลูกนกที่ตกต้นไม้ ฯลฯ เพื่อให้เกิดความรักและความภาคภูมิใจในตัวเอง
- ถ่อมตัว การมองเห็นความดีของตนเองนั้นมีไว้เพื่อบอกตัวเราเองให้เกิดความพอใจในตัวเอง รักตัวเอง แต่ไม่ใช่เพื่อข่มหรือคุยทับคนอื่น การถ่อมตัวจึงเป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งที่พึงจะมีควบคู่กัน
- นอกจากจะรู้จุดแข็ง(ข้อดี)แล้ว ยังควรต้องสำรวจจุดอ่อนของตนเองด้วย เมื่อเรายอมรับได้ว่านั่นคือข้อบกพร่องของเราจริงๆ ก็จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ในที่สุด
- เพิ่มความดี แม้จะรู้ว่าตนมีข้อดีในด้านใดบ้าง ก็ไม่ควรหยุดตัวเองไว้เพียงเท่านั้น แต่ควรเพิ่มคุณสมบัติอื่นๆที่ดีให้มากยิ่งขึ้น อาจเริ่มต้นโดยการตั้งเป้าหมายเป็นข้อๆว่าคุณอยากจะทำอะไรดีๆเพิ่มขึ้นบ้าง แล้วค่อยๆฝึกฝนไปทีละข้อ

บันไดขั้นที่ 2 : มองคนอื่นว่าดี
เมื่อผ่านบันไดขั้นแรกมาแล้ว จะทำให้เราเริ่มตระหนักว่าคนทุกคนล้วนแต่ไม่สมบูรณ์ ย่อมมีข้อบกพร่องมากน้อยแตกต่างกันออกไป (แม้แต่ตัวเราก็ยังมีข้อเสีย) ดังนั้น การมีชีวิตที่มีความสุขจึงหมายถึงการอยู่ร่วมกันโดยเลือกมองและใช้ประโยชน์จากความดีที่ผู้อื่นมีอยู่ โดยไม่ใช่การเสแสร้ง แต่มองเห็นความดีของเขาจริงๆ

บันไดขั้นที่ 3 : มองสิ่งที่เหลืออยู่ ไม่ใช่สิ่งที่ขาดหาย
เมื่อเกิดปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆขึ้น ลองมองความทุกข์หรือปัญหานั้นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วย่อมกลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่เราสามารถนำมาพิจารณาได้ว่าในวิกฤติที่เราพบนั้นมีข้อดีอะไรแฝงอยู่หรือจะใช้ประโยชน์จากปัญหานั้นได้อย่างไรบ้าง เช่น ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งรู้สึกว่า รักตัวเองมากขึ้น เลิกทำอะไรไร้สาระ แล้วหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาจิตใจมากขึ้น เช่น ฝึกสมาธิ ช่วยเหลืองานการกุศล เป็นต้น

บันไดขั้นที่ 4 : หมั่นบอกตัวเอง
ขึ้นชื่อว่าเป็นความคิดก็มักจะอยู่กับเราไม่นาน แต่ความคิดก็มักเป็นต้นทางและบ่อเกิดของการกระทำ ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องทำให้ความคิดดีๆอยู่กับเราตลอดเวลา เช่น บอกตัวเองว่าเป็นคนเก่งทุกครั้งที่ทำอะไรสำเร็จ แม้จะเป็นเพียงความสำเร็จเล็กน้อย บอกตัวเองว่าเพื่อนร่วมงานก็เป็นคนดีคนหนึ่งแม้เขาจะมีข้อบกพร่องอีกหลายอย่าง บอกตัวเองว่าเราโชคดีที่ได้ทำงานยากๆแม้ค่าตอบแทนจะน้อยแต่ก็ทำให้เราได้ประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ ฯลฯ

บันไดขั้นที่ 5 : ใช้ประโยชน์จากคำว่าขอบคุณ
เคยมีคำสอนจากอาจารย์เซนท่านหนึ่งกล่าวว่า เมื่อต้องพบเจอเรื่องร้าย จงยิ้มแล้วกล่าวคำว่าคำขอบคุณ เพราะนั่นคือบททดสอบที่ดีของการมีชีวิตที่เข้มแข็ง หากมีคนด่าว่าคุณ แทนที่จะโต้ตอบ การกล่าวคำว่าขอบคุณ แทนที่จะโต้ตอบ จะช่วยลดท่าทีความรุนแรงลงได้เกือบทั้งหมด ทั้งยังทำให้บุคคลนั้นแปลกใจ และอาจกลับไปพิจารณาพฤติกรรมของตัวเองได้โดยที่คุณไม่ต้องพูดอะไรสักคำหากเราตั้งสติ และพินิจพิเคราะห์อุปสรรคต่างๆอย่างมากพอ เราจะรู้สึกขอบคุณต่อข้อขัดข้องเหล่านั้น อย่างน้อยมันก็ทำให้เราเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เข้าใจจากความผิดพลาดว่าสิ่งใดไม่ควรทำ (แม้ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะสำเร็จก็ตาม) และช่วยให้รอบคอบมากขึ้นเพื่อไม่ผิดพลาดซ้ำอีก
โธมัส อัลวา เอดิสัน เคยบอกกับผู้ช่วยของเขาในระหว่างการทดลองประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าว่า " เราไม่ได้ล้มเหลวจากการทดลอง 700 กว่าครั้งที่ผ่านมา แต่เรากำลังเรียนรู้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่า มี 700 วิธีที่ไม่ควรทำ และใกล้จะพบคำตอบแล้ว "

ความผิดพลาดจึงเป็นบันไดขั้นสำคัญในการเรียนรู้ หากรู้จักใช้ประโยชน์ ก็ไม่ถือว่าสูญเปล่า
การมองโลกในแง่ดี จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีคิดเพื่อการใช้ชีวิตที่มีความสุข ที่เริ่มต้นง่ายๆได้จากตัวคุณนี่เอง

10 วลีทรงพลัง เพื่อคนคิดบวก Ten Powerful Phrases for Positive People - Rich DeVos

1.“ฉันผิดเอง” (I am wrong) ริช เดอโวส ระบุว่า “ฉันผิดเอง” เป็นคำพูดที่ช่วยเปลี่ยนทัศนคติตัวเราได้ดีที่สุด เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักไม่ยอมรับว่าตัวเองทำผิด โดยเฉพาะเมื่อต้องยอมรับผิดต่อหน้าคนอื่น เจ้าตัวแนะว่า เราทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับว่าตัวเองผิด แค่เอ่ยคำว่า “ฉันผิดเอง คุณทำถูกแล้วล่ะ” เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้สัมพันธภาพดีขึ้น ช่วยให้การเจรจาต่างๆเดินไปข้างหน้า หรือยุติการโต้แย้งที่กำลังเกิดขึ้น
“ฉันผิดเอง” ยังเป็นคำพูดที่แปรเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร แม้การยอมรับว่า “ฉันผิดเอง” จะลดความน่าเชื่อถือของคุณในบางสถานการณ์ลงก็ตาม
2. “ฉันขอโทษ ” (I am sorry) หลายๆครั้งที่การกล่าวถ้อยคำสั้นๆนี้เป็นเรื่องยาก แต่การกล่าวคำนี้ให้เป็นนิสัยเป็นสิ่งคุ้มค่า เพราะโดยธรรมชาติมนุษย์มักปกป้องตัวเอง มักคิดว่าตัวเองถูกเสมอ แต่พอเอ่ยคำนี้ออกมาจะรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกการกล่าวคำว่า “ขอโทษ”
แสดงถึงว่าคุณปรารถนาจะกลับมาสานต่อความสัมพันธ์กับบุคคลที่เป็นคู่กรณีกับ คุณการกล่าว “ขอโทษ” ต้องออกจากส่วนลึกจริงๆ ความรู้สึกนี้ยังเกิดขึ้นพร้อมๆกับการแสดงออกทั้งสีหน้าและแววตา ไม่ใช่กล่าวแบบขอไปที เพื่อให้จบๆลงเท่านั้น
ผมเองใช้คำว่า “ขอโทษ” ทั้งชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ยกตัวอย่างเวลาที่เรามีโปรโมชั่นแรงๆและสินค้าไม่พอขาย เพียงกล่าวคำคำนี้ จากหนักจะกลายเป็นเบาทันที ทุกคนพร้อมจะให้อภัยคุณ
3.”คุณทำได้” (You can do it) ริช ระบุว่า...ผู้คนจำนวนมากไม่เคยลองทำอะไรเลยเพราะกลัวความล้มเหลว กลัวว่าตัวเองไม่มีชั่วโมงบินมากพอ กลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หรือหัวเราะเยาะ สำหรับคนเหล่านี้ ริช แนะนำว่า “ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วก็ลงมือได้เลย คุณทำได้!” แน่นอนเมื่อได้ยินคำว่า “คุณทำได้” จะสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย
4. “ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ” (I believe in you) เป็นคำพูดที่ต่อเนื่องจาก “คุณทำได้” (คุณทำได้...ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ) ต่างกัน ที่เป็นคำพูดที่แสดงถึงความรู้สึกลึกๆ เป็นคำพูดสำหรับผู้นำที่ใช้พูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ พ่อแม่ที่ส่งต่อความรู้สึกนี้กับลูกๆหรือเจ้านายที่มีต่อลูกน้องที่กำลังเจออุปสรรคและต้องการความช่วยเหลือ
เราสามารถแสดงให้เห็นถึงความ “เชื่อมั่น” ได้ง่ายๆ อาทิ การเปิดโอกาสให้เพื่อนร่วมงานได้แสดงความสามารถ แม้จะรู้ดีว่าสิ่งที่เสนอมานั้นอาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้น
5.“ฉันภูมิใจในตัวคุณ” (I am proud of you) เพียงเราเปล่งคำนี้ จะพบว่ามีอานุภาพสูงมากในการสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ฟัง คำพูดที่ว่า “พ่อภูมิใจในตัวลูก” หรือ “ผมภูมิใจในตัวคุณ” “ผมภูมิใจในความสำเร็จของคุณ” เป็นการให้กำลังใจที่ดีมากโดยปกติแล้วคนไทยเราไม่ค่อยชมเชยผู้อื่นด้วยคำพูดนี้เท่าไหร่นัก
6. คำว่า “ขอบคุณ” (Thank you) ริช ระบุว่า เป็นคำที่ทุกๆคนอยากได้ยิน และทุกคนสามารถกล่าวได้อย่างไม่ตะขิดตะขวง เรากล่าวคำขอบคุณกับผู้ให้บริการ หรือผู้ที่ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้เรา กล่าวกับผู้ที่ชมเชยเรา ผู้ที่มีน้ำใจ หรือมีเมตตาต่อตัวเรา แม้ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
ริช เดอโวส ตั้งข้อสังเกตว่า บ่อยครั้งที่เราใช้เวลานานมากกว่าจะเปล่งคำคำนี้ออกมาสักครั้ง แต่ใช้เวลาเดี๋ยวเดียวในการต่อว่าผู้อื่น บางทีเรามัวแต่นึกถึงและยุ่งอยู่กับตัวเอง จนลืมขอบคุณผู้อื่น

7. “ฉันต้องการคุณ” (I need you) เป็นอีกคำที่มีอานุภาพยิ่งสำหรับคนคิดบวก เพราะบ่งบอกถึงการยอมรับในความสามารถผู้อื่น เป็นคำที่สำคัญมากสำหรับผู้นำ จะ เห็นว่าผู้นำหลายๆคน เมื่อมีตำแหน่งสูงขึ้นเพียงใดยิ่งมองไม่เห็นความสำคัญของผู้มีตำแหน่งต่ำ กว่า ทั้งที่ในความเป็นจริง ไม่มีทางที่เราจะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้โดยลำพัง เมื่อคุณกล่าวคำคำนี้ออกมา จะเป็นการสร้างบรรยากาศเชิงบวกให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือที่ทำงาน
8. “ฉันวางใจในตัวคุณ” (I trust you) ความสำเร็จที่ได้รับขึ้นอยู่กับเราได้มอบความไว้วางใจให้กับใครสักคน ว่าจะสามารถทำงานให้บรรลุเป้าหมาย และไว้ใจได้ว่าจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ เราจำเป็นต้องไว้วางใจเพื่อนร่วมงาน ครอบครัว รวมไปถึงชุมชน ในสังคมที่ไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้
ความไว้วางใจเป็นคุณสมบัติสำคัญของการเป็นผู้นำเช่นกัน เมื่อมีคุณสมบัตินี้ ใครๆก็อยากเป็นเหมือนคุณ อยากเป็นเพื่อนคุณ อยากปฏิบัติตามคุณ อยากทำธุรกิจหรือร่วมลงทุนกับคุณ ริช ระบุไว้ในหนังสือว่า กฎทองของคำคำนี้ คือ จงปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนที่อยากให้ผู้อื่นปฏิบัติกับคุณ

9. “ฉันเคารพคุณ” (I respect you) คุณจะได้รับความเคารพกลับมาก็ต่อเมื่อให้ความเคารพผู้อื่น “ฉันเคารพคุณ” จึงเป็นคำพูดที่ทั้ง “ให้” และ “รับ” จากผู้อื่น การเคารพยังเป็นการแสดงออกที่ซ่อนเร้นได้ยาก และสามารถรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ
ริช กล่าวว่า ในช่วงที่เป็นผู้นำองค์กร เขาคิดว่าการเคารพผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ความรู้พื้นฐานทางธุรกิจและวิธีการดำเนินองค์กรจะมีค่าน้อยทันที หากคุณไม่เคารพคนที่คุณทำงานด้วย ถ้าพวกเขาไม่เคารพคุณ เท่ากับคุณไม่ใช่คนที่เป็นผู้นำ “เราทุกคนล้วนต้องการเป็นที่เคารพ ถ้าคุณต้องการความเคารพ ผมแนะนำให้คุณเริ่มต้นด้วยการเคารพผู้อื่นก่อน ” ริช เดอโวส ระบุเอาไว้

10. “ฉันรักคุณ” (I love You) เป็นคำพูดทรงพลังที่โอบกอดทุกคนไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกต่อคนรัก ครอบครัว หรือ หมู่เพื่อนสนิท เป็นคำพูดที่ผู้ฟังรู้สึกอบอุ่นมากกว่า “ฉันวางใจในตัวคุณ” หรือ “ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ” เป็นคำที่ใช้พูดกับคนที่คุณรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ การพูดว่า “ฉันรักคุณ” เป็นย่างก้าวสำคัญสำหรับทุกๆคน

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มีคำคำไหนที่ตัวผมใช้มากที่สุด คำว่า “ขอโทษ” เป็นคำที่ใช้ทั้งส่วนตัว และชีวิตประจำวัน แต่ถ้าในการทำงานในแอมเวย์ ประเทศไทย มีทั้ง I trust you ที่แสดงถึงความไว้เนื้อเชื่อใจในเพื่อนร่วมงาน หรือ I am proud of you ที่บ่งบอกถึงความภูมิใจ และใช้กันบ่อยๆในโลกขายตรง

ข้อสังเกตของผม ก็คือ คนไทยมักไม่ค่อยเอ่ยคำว่า I love you เหมือนสังคมตะวันตก ทั้งที่เป็นคำที่มีความหมายล้ำลึกยิ่ง เพราะความรักไม่ได้จำกัด เฉพาะสามีภรรยา คนหนุ่มสาว เพื่อนร่วมงาน ยังมีสิ่งอื่นๆ ที่เราสามารถแสดงซึ่งความรักได้ ไม่ว่าจะเป็นความรักต่อแผ่นดินเกิด หรือความรักที่มีต่อ ประเทศชาติ

นี่ถ้าเรารักผืนแผ่นดินเกิด รักประเทศไทยของเรามากกว่านี้ คงไม่ต้องมานั่งเสียใจ ไม่ต้องมาสร้างความปรองดองเหมือนที่เกิดขึ้นในขณะนี้

ปรีชา ประกอบกิจ

คำคมเพื่อความคิดบวก

เขาว่ากันว่า คำคมเพียงไม่กี่พยางค์ ไม่กี่คำ อาจช่วยเตือนสติเราจากหลุมพรางของชีวิตได้ เห็นจะจริง เพราะคำคมส่วนใหญ่ทั้งของไทยและต่างประเทศ ทั้งของภาษาอังกฤษ ภาษาไทยหรือภาษาไหนๆ คำคมโดนๆ เหล่านั้นล้วนเกิดจากกระบวนการรวบรวมประสบการณ์อย่างยาวนาน และ สื่อสารออกมาเป็นคำ เป็นประโยคสั้นๆ สื่อสารให้กับลูกหลานได้รับรู้ บ้างก็สื่อสารมาทางคำพูด บ้างก็สื่อสารมาเป็นหนังสือ บ้างก็สื่อสารมาเป็นหนัง เรารวมคำคมโดนๆ ทั้งของไทยและเทศมาให้เพื่อนๆ ชมแล้ว ในเวอร์ชั่นไทยและภาษาอังกฤษ เชิญอ่านตามอรรถยาศัย

"The secret of success in life is to be ready for your opportunity when it comes."
- - Benjamin Disraeli - -
ความลับของความสำเร็จคือเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ เสมอสำหรับโอกาสที่มาถึง

"You get the best out of others when you give the best of yourself."
- - Harvey Firestone - -
"คุณจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดของคนอื่น เมื่อคุณได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดของคุณไป"

"If you always do what interests you, then at least one person is pleased."
- - Katherine Hepburn - -
ถ้าคุณลงมือทำในสิ่งที่คุณสนใจอยู่ เสมอ อย่างน้อยจะมีคนคนหนึ่งที่พอใจ

"Only two things are infinite, the universe and human stupidity,
and I'm not sure about the former."
- - Albert Einstein - -
มีเพียงสอง สิ่งเท่านั้นที่หาที่สิ้นสุดไม่ได้ สิ่งหนึ่งคือจักรวาล และอีกสิ่งคือความโง่เขลาของมนุษย์ ทว่าฉันไม่แน่ใจว่าจักรวาลจะเป็นเช่นนั้น

"Life remains the same until the pain of remaining the same
becomes greater than the pain of change."
- - Anonymous - -
ชีวิตจะ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนกระทั่งความเจ็บปวดจากความนิ่งเฉย จะมากกว่าความเจ็บปวดจากการเปลี่ยนแปลง

"He who loses money, loses much; He who loses a friend, loses more; He who loses faith, loses all."
- - Anonymous - -
เขา..ผู้ สูญสิ้นทรัพย์สินไป
เขา..สูญเสียมากเหลือเกิน
เขา..ผู้สูญสิ้น เพื่อนไป
เขา..สูญเสียมากกว่า
เขา..ผู้สูญสิ้นความศรัทธา
เขา..ผู้ นั้น.. สูญเสียยิ่งกว่าใครๆ

"The determined man finds the way, the other finds an excuse or alibi."
- - Anonymous - -
ผู้ที่แน่วแน่และมุ่งมั่นจะหาหนทางแก้ปัญหา ในขณะที่คนอื่นจะหาหนทางแก้ตัว

"The only thing in life achieved without effort is failure."
- - Anonymous - -
มี เพียงสิ่งเดียวในชีวิตที่จะสามารถพิชิตได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายคือ ความล้มเหลว

"Some dream of worthy accomplishments, while others stay awake and do them."
- - Anonymous - -
บาง คนฝันที่จะประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ในขณะที่บางคนกำลังลงมือกระทำ

"No bird soars too high if he soars with his own wings."
- - William Blake - -
ไม่มีนกตัวใดบินสูงเกินไปถ้ามันบินด้วยปีก ของมันเอง

"Obstacles are those frightful things you see
when you take your eyes off your goals."
- - Anonymous - -
อุปสรรค คือสิ่งที่น่าตกใจก็ต่อเมื่อคุณไม่ได้มองไปที่จุดหมายปลายทาง

"Advice is like snow; The softer it falls the longer it dwells upon,
and the deeper it sinks into, the mind."
- - Samuel Taylor Coleridge - -
คำแนะนำเหมือนหิมะที่โปรยปรายลงมา ยิ่งบางเบาเพียงใดก็ยิ่งแตะเพียงเปลือกนอก และยิ่งหนักหนาเท่าใดก็ยิ่งลึกถึงความรู้สึกเท่านั้น

"There is nothing either good or bad but thinking makes it so."
- - W.Shakespeare - -
ไม่มีสิ่งใดๆในโลกที่ดีหรือเลว มีแต่ความคิดของเราเท่านั้นที่ทำให้เกิดความดีและความเลว

"Great minds discuss ideas; Average minds discuss events;
Small minds discuss people."
- - Anonymous - -
จิตใจที่ยิ่ง ใหญ่วิพากย์วิจารณ์ความคิด จิตใจสามัญวิพากวิจารณ์เหตุการณ์ แต่จิตใจที่ต่ำต้อยนั้นวิจารณ์เพียงผู้คน

"Life is a big canvas and you should throw all the paint you can on it."
- - D.Kaye - -
ชีวิตเหมือนภาพเขียนขนาดใหญ่และคุณควรจะใช้สีทั้ง หมดที่คุณมีสร้างสรรค์มันขึ้นมา

"Forgive your enemies, but never forget their names."
- - J.F.Kennedy - -
จง ยกโทษให้แก่ศัตรูของคุณ แต่อย่าลืมชื่อของพวกเขาเป็นอันขาด

"The only man who never makes mistakes is the man who never does anything."
- - T.Roosevelt - -
คนที่ไม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

"If you want to increase your success rate,double your failure Rate."
- - T.Watson Jr (Founder of IBM) - -
ถ้าคุณต้องการประสบความ สำเร็จมากขึ้นหนึ่งเท่าตัว จงเพิ่มความล้มเหลวเป็นสองเท่าตัว

"Even a Step back can be fatal."
- - W.Brudzinski - -
แม้ แต่การก้าวถอยหลังก็อาจถึงแก่ชีวิตได้

"Imagination is more important than knowledge."
- - Albert Einstein - -
จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้ที่มี

"The reward of a good thing well done is to have it done."
- - Ralph Waldo Emerson - -
รางวัล ของสิ่งที่เรียกว่ายอดเยี่ยมคือการได้สร้างมันขึ้นมา

"You see things and you say, 'Why?'!But I dream things that never were; and I say, 'Why not?"
- - George Bernard Shaw - -
คุณ เห็นบางสิ่งบางอย่าง คุณจะพูดว่า"ทำไม" ในขณะที่ฉันได้เห็นความฝันของฉันซึ่งไม่เคยเป็นไปได้ ฉันพูดว่า "ทำไมถึงไม่มีสิ่งนั้นล่ะ"

"Do what you can, with what you have, where you are."
- - Theodore Roosevelt - -
ทำในสิ่งที่คุณสามารถจะทำได้ พร้อมกับสิ่งที่คุณมีและที่ที่คุณอยู่

"Freedom is nothing else but a chance to do better."
- - Albert Camus - -
อิสรภาพ ไม่ใช่อะไรอย่างอื่นเลย หากแต่คือโอกาสที่จะทำสิ่งต่างๆให้ดีขึ้น

"The future belongs to those who believe in the beauty of their dreams."
- - Eleanor Roosevelt - -
อนาคตเป็นของคนที่เชื่อในความฝันของ ตัวเองเท่านั้น

"God gives every bird it's food, But He does not throw it into it's nest".
- - Anonymous - -
พระ เจ้ามอบอาหารให้แก่นกทุกตัว แต่ไม่เคยโยนอาหารให้ถึงรังของนกเหล่านั้น

"When life is giving you a hard time, try to endure and live through it.
You must never run away from a problem.
Convince yourself that you will survive and get to the other side."
- - Margaret Ramsey * British literary agent - -
เมื่อคุณเห็นการมีชีวิตเป็นสิ่ง ที่หนักหนาสาหัส ลองพยายามอดกลั้นและต่อสู้กับมัน จงอย่าวิ่งหนีต่อปัญหาใดๆที่คุณเผชิญอยู่ และเชื่อใจในตัวเองว่าสองมือของคุณสามารถทำให้คุณฝ่าฟันช่วงวิกฤตและผ่านมัน ไปได้

"There is Nothing so Sweet as Love's Young Dreams!"
- - Anonymous - -
ไม่มีสิ่งใดจะหอมหวาน เท่ากับความฝันในวัยเยาว์

"First say to yourself what you would be, and then do what you have to do."
- - Epictetus (55-135 C.E.) - -
สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งใจกับตัวเอง และลงมือทำ

"A person who lives right, and is right, has more power in their silence
than another has by words."
- - Phillips Brook - -
บุคคลที่มีชีวิต อยู่อย่างถูกต้องและเหมาะสมแม้อยู่ในความเงียบก็แลมีอำนาจกว่าผู้อื่น

"Life is like a box of choclates."
- - F.Gump - -
ชีวิตก็เหมือนกล่องใส่ชอกโกแลตที่มีหลากหลาย สีสันและรสชาติ

"Glory in life is not in never failing, But rising each time we fail."
- - Anonymous - -
ความ สำเร็จในชีวิตไม่ใช่การที่ไม่เคยพ่ายแพ้ หากแต่เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ล้มลง

"It is never too late to be what you might have been."
- - George Eliot - -
ไม่เคยมีคำว่าสายเกินไปที่จะเป็นในสิ่งที่ คุณอยากจะเป็น

"Do not be too timid and squeamish about your actions. All life is an experiment."
- - Ralph waldo Emerson - -
อย่าขาดความมั่นใจในตัวเอง และตระหนกตกใจในสิ่งที่คุณทำ ทุกๆสิ่งคือประสบการณ์

"Learn from the mistakes of others.
You can't live long enough to make them all yourself."
- - Anonymous - -
จงเรียนรู้จากความ ผิดพลาดของผู้อื่นเพราะเราไม่สามารถเรียนรู้ความผิดพลาดนั้นได้ทั้งหมดใน ช่วงชีวิตของเราเอง

"This year's success was last year's impossibility."
- - Anonymous - -
ความสำเร็จของ ปีนี้ คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในปีที่ผ่านมา

"Who never made a mistake never made a discovery."
- - Soren Kierkegaard - -
คนที่ไม่เคยกระทำผิดคือคนที่ไม่ได้ค้นหาสิ่ง ใด

"Praise the bridge that carried you over."
- - George Colman - -
จงขอบคุณสะพานที่ให้คุณเดินข้ามมา

"To follow, without halt, one aim: There is the secret of success."
- - Anna Pavlova - -
เคล็ดลับของความสำเร็จคือการเดินทางอย่าง ต่อเนื่องไปสู่จุดมุ่งหมาย

"Our deeds determine us, as much as we determine our deeds."
- - George Eliot - -
การกระทำตัดสินเราเท่าๆกับที่เราตัดสินใจกระทำ

"The difference between the impossible and the possible
lies in a man's determination."
- - Tommy Lasorda - -
เส้นบางๆ ที่คั่นระหว่างความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้คือการตัดสินใจของเรา

"If you don't stand for something, you'll fall for anything."
- - Anonymous - -
ถ้าคุณไม่อดทนต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คุณก็จะล้มหลวในทุกๆสิ่ง

"It is not fair to ask others what you are not willing to do yourself."
- - Eleanor Roosevelt - -
ไม่ยุติธรรมเลยที่คุณจะขอร้องให้คนอื่นทำในสิ่ง ที่คุณไม่ต้องการทำ

"A wise man will make more opportunities than he finds."
- - Francis Bacon - -
คนที่ฉลาดคือคนที่สร้างโอกาสมากกว่าที่เขาหาได้

"We write our own destiny. We become what we do."
- - Madame Chiang Kai-Shek - -
ตัวเราเองที่กำหนดพรหมลิขิตและเราจะเป็น ในสิ่งที่เราได้กระทำ

"Well done is better than well said."
- - Ben Franklin - -
การลงมือทำดีกว่าคำ พูดที่สวยหรู

"Life moves pretty fast...if you don't stop to look around once in a while, you might miss it."
- - Ferris Bueller, "Ferris Bueller's Day Off" - -
ชีวิตผ่านไป อย่างรวดเร็ว ถ้าคุณไม่หยุดและมองไปรอบๆบ้าง คุณอาจจะพลาดบางอย่างไป

Nobody has Wisdom if he does not know the Dark.
- - H.Hesse - -
ไม่มีใครฉลาดโดยปราศจากการได้รู้จักความโง่เขลามาก่อน

"Great minds must be ready not only to take opportunity, but to make them."
- - Colton - -
ความคิดที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่แต่เตรียมพร้อมต่อ โอกาส แต่ยังพร้อมที่จะลงมือทำ

"Do or do not; there is no try."
- - Yoda - -
การตัดสินใจที่จะทำหรือไม่ทำ ไม่ต้องใช้พยายามแต่อย่างใด

"He who knows little often repeats it."
- - Thomas Fuller - -
ใครที่รู้ อะไรเพียงนิดหน่อยก็มักจะคุยโวถึงมัน

"Wealth is like Sea Water:The more you drink the more thirsty you get."
- - A.Schopenhauer - -
ความร่ำรวยเปรียบเหมือนน้ำทะเล ยิ่งดื่มมาเท่าไหร่ก็ยิ่งกระหายมากขึ้นเท่านั้น

"Progress always involves risk. You can't steal second with your foot on first."
- - Fredrick Wilcox - -
พัฒนาการจะมีเรื่องของความเสี่ยงมา เกี่ยวข้องด้วยเสมอ คุณจะไม่สามารถขโมยเบสสอง ได้เลย ถ้าเท้ายังแตะเบส 1 อยู่

"You don’t get harmony when everybody sings the same note."
- - Doug Floyd - -
คุณจะไม่สามารถหา ความกลมกลืนได้ เมื่อทุกคนร้องเพลงด้วยโน้ตตัวเดียวกัน

"Thinking: The talking of the soul with itself."
- - Plato - -
การคิด คือ การพูดของวิญญาณกับตัวมันเอง

"Nature is as complex as it need to be.... and no more."
- - Albert Einstein - -
ธรรมชาติซับซ้อนเท่าที่มันจำเป็น...ไม่มากกว่า นั้น

Heaven never helps the men who will not act.
- - Henry Bergson - -
สวรรค์ไม่ช่วยคนเกียจคร้าน

Move out man! Life is fleeting by.
Do something worthwhile, before you die.
Leave behind a work sublime,
that will outlive you and time.
- - Alfred A. Montepert - -
อันชีวิตคนเรา ช่างสั้นนัก
ต้องรู้จักทำประโยชน์ก่อนจะสาย
ทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์หลัง ความตาย
มีความหมายคงอยู่ ตลอดไป

Seize the day. Make your lives extraordinary.
- - From The Dead Poets Society - -
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วชีวิตคุณจะไม่ธรรมดา

Only those who dare to fail greatly can ever achieve greatly.
- - Robert F. Kennedy - -
คนที่กล้าจะจะพ่ายแพ้เท่านั้น ที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

It is only in adventure that some people succeed in knowing themselves--in finding themselves.
- - Andr Gide - -
มีแต่ในการผจญภัย เท่านั้น ที่บางคนประสบความสำเร็จในการรู้จักตัวเอง นั้นคือ การค้นพบตัวเอง

If we do not find anything very pleasant, at least we shall find something new.
- - Voltaire - -
ถึง แม้ว่าเราจะไม่พบสิ่งที่พอใจ อย่างน้อย เราก็จะได้เจอสิ่งใหม่ๆ

You can fool all the people some of the time, and some of the people all the time,
but you cannot fool all the people all the time.
- - Abraham Lincoln - -
คุณหลอกคนทุกคนได้ในบางเวลา และหลอกบางคนได้ตลอดเวลา แต่ คุณไม่สามารถหลอกทุกคนได้ตลอดเวลา

Beware of small expenses; a small leak will sink a great ship.
- - Benjamin Franklin - -
จงระวังสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น รอยรั่วเล็กๆ อาจจะทำให้เรือใหญ่ล่ม

You know you're old when the candles cost more than the cake.
- - Bob Hope - -
คุณจะรู้ว่าคุณแก่ตัวก็ต่อเมื่อเทียนที่ต้องจุดในงานวันเกิดแพงกว่า เค้กวันเกิด

Age does not protect you from love. But love, to some extent, protects you from age.
- - Jeanne Moreau - -
อายุป้องกันคุณจากความรักไม่ได้ แต่ความรัก ในจำนวนที่พอเหมาะ ปกป้องคุณจากอายุได้

When you go in search of honey you must expect to be stung by bees.
- - Kenneth Kaunda - -
เมื่อคุณต้องการน้ำผึ้ง คุณต้องรู้ว่า คุณจะถูกผึ้งต่อย

If men cease to believe that they will one day become gods then they will surely become worms.
- - Henry Miller - -
เมื่อมนุษย์เลิกเชื่อว่าวันหนึ่งเค้าจะกลาย เป็นพระเจ้า เมื่อนั้น เค้าจะเป็นแค่หนอนตัวหนึ่งเท่านั้น

The ripest peach is highest on the tree.
- - James Whitcomb Riley - -
ลูกพีชที่สมบูรณ์ที่สุดอยู่สูงที่สุดบนต้น

And he that strives to touch the stars,
Oft stumbles at a straw.
- - Edmund Spenser - -
คนที่พยายามจะสัมผัสดวงดาว มักจะพลาดกับสิ่งเล็กน้อย

It takes two flints to make a fire.
- - Louisa May Alcott - -
ต้องใช้หินถึง 2ก้อนถึงจะเกิดไฟได้

We boil at different degrees.
- - Ralph Waldo Emerson - -
คนเรามีจุดเดือดไม่เท่ากัน

Let not the sun go down upon your wrath.
- - Ephesians 4:26 - -
อย่าให้พระอาทิตย์ตกลงไปพร้อมกับความโกรธของคุณ

The best and most beautiful things in the world cannot be seen or even touched.
They must be felt with the heart.
- - Helen Keller - -
สิ่งที่ดีและสวยงามที่สุดในโลก มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ แต่จะรู้สึกได้จากหัวใจ

Remember to always dream. More importantly to make those dreams come true and never give up.
- - Dr. Robert D. Ballard - -
จง ฝันอยู่เสมอ ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือ ทำความฝันนั้นให้เป็นความจริง และอย่ายอมแพ้

Keep your eyes on the stars, and your feet on the ground.
- - Theodore Roosevett - -
สาย ตาจับจ้องที่ดวงดาว และเท้ายังคงติดดิน

There is a magnet in your heart that will attract true friends. That magnet is unselfishness,
thinking of others first. When you learn to live for others, they will live for you.
- - Paramahansa Yogananda - -
มีแม่เหล็กอยู่ในหัวใจของคุณ ซึ่งจะดึงดูดมิตรแท้ แม่เหล็กชนิดนี้คือ ความไม่เห็นแก่ตัว
และการคิดถึงคนอื่นก่อน เมื่อคุณเรียนรู้ที่จะอยู่เพื่อคนอื่น พวกเขาก็จะอยู่เพื่อคุณ

 

อ้างอิง http://www.roigoo.com/board/index.php?topic=4719.0