มารยาทในการรับประทานอาหารยุโรป

มารยาท Etiquette หมายถึง พฤติกรรมที่แสดงออกทางกริยา วาจา ที่สังคมยอมรับว่าถูกต้อง ดีงาม

1 อาหารยุโรปอย่างครบชุดและอุปกรณ์บนโต๊ะ อาหารยุโรปเต็มชุดจะถูกนำมา เสิร์ฟทีละอย่าง ๆ ตามลำดับ, ส่วนการทานนั้น ก็จะทานทีละอย่าง ๆ ตามลำดับจนจบ ส่วนส้อมและมีดสำหรับรับประทานอาหารจะเปลี่ยนไปตามอาหารนั้น ๆ แต่จะถูกวางไว้เป็นเซ็ทบนโต๊ะอาหาร ลำดับของอาหารชนิดครบชุด ออเดิร์ฟ + ขนมปังจะเสิร์ฟกันในช่วงนี้ด้วย ซุป อาหารจำพวกปลา อาหารจำพวกเนื้อ ไอศครีม อาหารจำพวกเนื้อ สลัดผัก ผลไม้ กาแฟ ในความเป็นจริง แม้จะเป็นดินเนอร์อย่างเป็นพิธีการ แต่ส่วนใหญ่จะมีการตัดอาหารบางอย่างออกไป เสิร์ฟอาหารจำพวกเนื้อเพียงครั้งเดียวบ้าง หรืออาจจะตัดไอศครีมออกไปบ้าง เป็นต้น อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร (TABLE SET) มีดังนี้

1. จานรอง 8. ส้อมสำหรับทานปลา 15. ที่ทาเนย
2. ผ้าเช็ดปาก 9. ส้อมสำหรับออเดิร์ฟ 16. มีดตัดเนย
3. ช้อนซุป 10. จานใส่ขนมปัง 17. จานรองเนย
4. มีดออเดิร์ฟ 11. ช้อนกาแฟ 18. แก้วใส่น้ำเปล่า
5. มีดหั่นปลา 12. ส้อมสำหรับทานผลไม้ 19. แก้วแชมเปญ
6. มีดหั่นเนื้อ 13. มีดหั่นผลไม้ 20. แก้วใส่ไวน์แดง
7. ส้อมสำหรับทานเนื้อ 14. ช้อนไอศกรีม 21. แก้วใส่ไวน์ขาว


 รายการอาหารอาจเปลี่ยนแปลงบ้างนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับกฎระเบียบ หรือนโยบายของร้าน อีกทั้งอุปกรณ์ใหม่ ๆ สำหรับทานอาหาร ซึ่งไม่ปรากฏอยู่ในแผนภาพนี้ จะถูกนำมาวางไว้ พร้อม ๆ กับอาหารชนิดนั้น ๆ

2 ผ้ากันเปื้อน ไม่ใช่ของโชว์ ต้องหยิบใช้ทันที

ในภัตตาคารมีผ้ากันเปื้อนที่พับเอาไว้อย่างวิจิตรสวยงามตั้งไว้บนโต๊ะ แต่เมื่อกางออกก็เป็นเพียงผ้าสีเรียบ ๆ ผืนหนึ่ง พลอยทำให้รู้สึกว่า ไม่อยากจะทำให้มันสกปรก แต่ในความเป็นจริง ผ้ากันเปื้อนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่ง ต้องใช้อย่างถูกต้องในโอกาสที่ควรใช้

หยิบผ้ากันเปื้อนวางบนตัก เหนือเข่าเล็กน้อย
พับผ้ากันเปื้อนลงครึ่งหนึ่ง หันด้านปลายออกด้านนอกวางไว้เหนือเข่า การผูกไว้ที่คอบ้าง ที่อกบ้าง เป็นวิธีสำหรับเด็กเล็กเท่านั้น

ใช้ขอบของผ้ากันเปื้อนเช็ดริมฝีปาก หรือปลายนิ้ว
ประโยชน์ของผ้ากันเปื้อนคือการใช้แบบนี้ ถึงแม้ว่าจะเรียกว่าเช็ด แต่ในความจริงก็เพียงแต่ใช้แตะเบา ๆ เท่านั้น นอกจากวิธีนี้แล้วถือว่าเป็นการใช้ที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อทานเสร็จ วางผ้ากันเปื้อนไว้บนโต๊ะ
เมื่อลุกออกจากเก้าอี้ หลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว วางผ้ากันเปื้อนกองไว้บนโต๊ะด้านซ้ายมือ เพื่อแสดงว่าใช้เสร็จแล้ว ไม่ต้องพับให้เรียบร้อย

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับผ้ากันเปื้อน

ผ้ากันเปื้อนมีหน้าที่บางอย่างตรงกับ ผ้าเย็น, ผ้าเช็ดหน้า หรือกระดาษเช็ดปาก แต่เพราะฉะนั้นจึงทำหน้าที่แทนสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมด ความคิดนี้ไม่ถูกต้อง ผ้ากันเปื้อนมีข้อจำกัดในการใช้ และข้อห้ามในการใช้ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัวอีกด้วย การเลือกใช้วิธีใด วิธีหนึ่งตามใจตัวเอง จะทำให้คนรอบข้างขมวดคิ้วใส่เราได้
ประโยชน์อันดับแรก คือ เช็ดความสกปรกออกจากริมฝีปาก และปลายนิ้ว เมื่อรู้ถึงจุดประสงค์นี้แล้ว คงพอจะรู้แล้วว่า ดังนั้นไม่ควรใช้ทำ อะไรบ้าง
เมื่อนั่งลง รีบวางผ้ากันเปื้อนไว้บนตัก แต่หากมีผู้ใหญ่หรือเจ้านายอยู่ด้วย ต้องรอให้เจ้านาย หรือผู้ใหญ่หยิบเสียก่อน
รอยลิปสติก หรือรอยปากที่อยู่บริเวณถ้วยกาแฟ หรือแก้วน้ำ ใช้ผ้ากันเปื้อนค่อย ๆ เช็ดเงียบ ๆ (เพื่อไม่ให้สกปรก ควรใช้ผ้ากันเปื้อนแตะ ที่ริมฝีปากก่อนดื่ม)
ห้ามใช้ผ้ากันเปื้อน เช็ดหน้าหรือคอ หรือแว่นตาเด็ดขาด มิฉะนั้นจะเช็ดริมฝีปากไม่ได้
รอยเปื้อนบนโต๊ะ ควรบอกพนักงานบริการ ให้เป็นคนเช็ด ไม่ควรใช้ผ้ากันเปื้อนของเรา เพราะว่า ผ้ากันเปื้อนไม่ใช่ผ้าสำหรับเช็ดโต๊ะ
การใช้ผ้าเช็ดหน้า หรือกระดาษทิชชู่เช็ดริมฝีปากหรือนิ้ว บ่งบอกว่าใช้ผ้ากันเปื้อนไม่เป็น
ในขณะที่กำลังทานอาหารอยู่ หากต้องลุกออกไปจากที่นั่ง ให้วางผ้ากันเปื้อนไว้ข้างโต๊ะ หรือวางไว้บนเก้าอี้ของเราเอง

3 ใช้มีด, ส้อม, ช้อน อย่างไรให้ถูกต้อง

จะทานอาหารให้เก่ง และอร่อย ต้องใช้ มีด, ส้อม และช้อนอย่างถูกต้อง อีกทั้ง หากใช้อุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง ก็สามารถใช้วิธีทานอาหารได้ถูกต้องเกือบทั้งหมด ก่อนอื่น ต้องรู้ถึงวิธีใช้เบื้องต้นเสียก่อน

จับส้อมมือซ้าย จับมีดมือขวา
จับส้อมมือซ้าย จับมีดมือขวา
จับส้อมและมีตามรูป ให้นิ้วชี้อยู่ด้านบน จับให้แน่น อย่าให้หลุดออกจากมือได้

ใช้ส้อม ตักอาหาร ? จิ้มอาหาร ?
ใช้ส้อม ตักอาหาร ? จิ้มอาหาร ?
มีคำกล่าวว่า การใช้ส้อมจิ้มอาหารเป็นวิธีที่ไม่สมควร ต้องใช้ส้อมตักอาหาร ยกเว้นอาหารบางอย่างซึ่งใช้จิ้มทานจะสะดวกกว่า

ทานเสร็จแล้ว ต้องวางไว้ในที่ที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
ทานเสร็จแล้ว ต้องวางไว้ในที่ที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
เมื่อทานเสร็จแล้วให้วางมีดและส้อมไว้บนจานตามรูป ด้านคมของมีดหันเข้าหาตัว ส่วนส้อมให้วางหงายขึ้น


มีดและส้อม ใช้จากด้านนอกเข้ามาตามลำดับ
ตามธรรมดาแล้ว มีดและส้อมเป็นของที่ใช้คู่กัน หากมีมีดและส้อมวางเรียงอยู่หลายอัน ทั้งทางซ้ายและขวาละก็ ให้ใช้จากด้านนอกเข้ามาทีละคันตามอาหารที่ถูกนำมาเสิร์ฟตามลำกับ
ถ้ากรณีที่มีส้อมมาก คงเป็นเพราะอาหารจานแรกเป็นออเดิร์ฟที่ใช้แค่ส้อมเพียงอย่างเดียว กล่าวคือ ช้อสำหรับซุปจะวางไว้ด้านนอกต่อจากมีด

การถือช้อน ใช้วิธีเดียวกับการจับดินสอ
วิธีถือช้อน ให้ใช้วิธีเดียวกับวิธีถือดินสอ การกุมด้ามส้อมหรือช้อนจนแน่น โดยใช้นิ้วทั้ง 5 นิ้ว ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ที่ถูกนั้น ปลายนิ้วควรจะอยู่กลางด้ามส้อม หรือค่อนขึ้นข้างบนนิดหน่อย
การถือส้อม บางครั้งใช้วิธีเดียวกับการถือช้อน คือจับหงายขึ้น บางครั้ง เพื่อความสะดวกในการรับประทานอาหารจะถือส้อมหงายขึ้นก็ไม่ผิดอะไร และในตอนนั้นไม่ว่าจะถือส้อมด้วยมือซ้ายหรือมือขวา ก็ให้ใช้วิธีเดียวกันกับการถือช้อน

ใช้ด้านหน้าของส้อมตักอาหารขึ้นมากหน่อยก็ได้
ใช้ด้านหน้าของส้อมตักอาหารขึ้นมากหน่อยก็ได้
หลักในการถือส้อมคือต้องคว่ำด้านหลังขึ้นมาอยู่ข้างบน แต่หากเป็นข้าวหรือจำพวกเมล็ดถั่วจะใช้ด้านหลังของส้อมตักขึ้นมาไม่ได้ จึงให้หงานส้อมขึ้น จับด้ามเช่นเดียวกับขณะที่ถือดินสอ ตักอาหารอย่าให้หล่นแล้วจึงใส่ปากทาน

มีดและส้อม เมื่อยังไม่เลิกทานจะวางอย่างไร
มีดและส้อม เมื่อยังไม่เลิกทานจะวางอย่างไร
ขณะที่รับประทานอาจจะมีการจิบไวน์ไปพลาง หรือคุยกับคนข้าง ๆ ไปพลาง ควรวางมีดและส้อมไว้ กรณีนี้มีระเบียบว่า ต้องวางมีดและส้อมไว้ในจานให้เป็นรูป "[ ]" วางด้านคมของมีดไว้ด้านใน ส่วนส้อมให้คว่ำด้านหลังขึ้นมาอยู่ข้างบนดังรูป

ทำมีดหรือส้อมหล่น ไม่ต้องเก็บ
ถ้าทำว้อนหรืออุปกรณ์อื่น ๆ หล่นลงมา ควรเรียกพนักงานฯให้มาเก็บแทน เพราะว่าลูกค้าไม่ใช่คนที่มีหน้าที่เก็บของที่ตัวเองทำหล่น
กรณีที่ต้องการมีดหรือส้อมคันใหม่ ต้องเรียกพนักงานฯนำมาเปลี่ยนให้ใหม่ ไม่ควรคิดว่าเป็นความผิดของตนเองที่ทำหล่น แล้วอย่าเรียกพนักงานฯมาเก็บจะดีกว่า

นี่คือจุดสำคัญ..........ใช้มีด, ส้อม ต้องระวัง
จุดที่ต้องระวังเป็นพิเศษสำหรับมารยาทในการใช้มีดส้อม และช้อน เห็นจะเป็นเสียงหนวกหูนั่นเอง อย่างไรก็ตาม มีด, ส้อม และช้อน เป็นของใช้ที่ทำด้วยโลหะ ส่วนจานเป็นภาชนะที่ทำจากกระเบื้อง ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้ เมื่อขัดสีกัน ย่อมมีเสียงดังรบกวนเกิดขึ้น ดังนั้นจะไม่ให้เกิดเสียงดังขึ้นมาเลยคงเป็นไปไม่ได้ เอาเป็นแค่ไม่ต้องถูกคนอื่นจ้องมองก็พอ
อีกประการหนึ่ง อย่าลืมว่า มีดทุกชนิดเป็นของมีคมทั้งนั้น ถึงแม้ว่า มีดสำหรับทานปลาจะไม่เหมือนมีดหั่นเนื้อปลาในครัวจริง ๆ สักเท่าไร แต่ มีดก็คือมีด จึงควรเรียนรู้วิธีใช้ที่ถูกต้องดังต่อไปนี้
หากออกแรงจับมีดหรือส้อมมากเกินไป ขณะรับประทานอาหารจะก่อให้เกิดเสียงดังขึ้นได้โดยง่าย
เวลาที่ต้องใช้มีดเขี่ยอาหารในจานเข้ามารวม ๆ กัน ควรถือมีดห่างจากจานเล็กน้อย จะป้องกันการเกิดเสียงที่น่ารำคาญได้
อย่ากางข้อศอกมากเกินไปในขณะที่ใช้มีดและส้อม เพราะจะทำความรำคาญต่อผู้ที่อยู่ด้านข้างได้
เมื่อใช้ส้อมจิ้มอาหารขึ้นมาแล้วต้องทานเพียงคำเดียว อย่านำของชิ้นใหญ่เกินไปเข้าปาก หรือจิ้มของชิ้นใหญ่เกินไปแล้วนำขึ้นมากัดเพียงเล็กน้อย แล้วก็วางกลับคืนในจานโดยที่ส้อมยังคงคาอยู่ที่ชิ้นอาหารนั้น ๆ
อย่าหันด้านมีคมของมีด หรือแกว่งส้อมไปยังผู้อื่น และอย่าแก่งมีด, ส้อม หรือช้อนเล่นไป มา
และสุดท้ายก็คือ ห้ามใช้มีดจิ้มอาหารนำเข้าปากแทนส้อม อย่าเลียน้ำจิ้มที่ติดอยู่บนมีด

4. การตักอาหารควรเป็นไปด้วยความราบรื่น

นอกจากวิธีที่เรียงแถวตักอาหารทีละคน ๆ (ทีเรียกกันว่า บุฟเฟต์.....BUFFET) แล้วยังมีวิธีตักแบ่งอาหารจากจานใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ หรือแบบอเมริกัน (AMERICAN STYLE) วิธีนี้มีอยู่ 2 แบบคือ พนักงานบริการจะเป็นผู้ตักแบ่งให้ หรือตักแบ่งกันเอาเอง แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ควรทำให้ดี อย่าให้ผู้อื่นเสียเวลาไปด้วย

ให้ความร่วมมือกับพนักงานบริการ
เมื่อพนักงานฯนำอาหารมาเสิร์ฟนั้น จะเข้ามาทางด้านขวามือของเรา (ยกเว้นขนมปัง ) เพื่อเป็นการช่วยให้พนักงานฯทำงานได้โดยสะดวก ควรเอียงตัวไปอีกด้านหนึ่ง และควรหยุดคุยกับคนข้าง ๆ ชั่วขณะ สำหรับอาหารที่เป็นประเภทที่ต้องตักอาหารเองจากจานใหญ่ก็สามารถจะขอให้พนักงานฯ เป็นผู้ช่วยจัดการให้ได้ ในกรณีนี้ พนักงานฯจะเข้ามาทางด้านซ้ายมือของเรา และเราจะเริ่มลงมือทานก็ต่อเมื่ออาหารได้ถูกเสิร์ฟไปจนถึงคนที่ 2 หรือ 3 จากเราไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอให้อาหารถูกเสิร์ฟจนครบทุกคน

ข้อควรจำและสาระน่ารู้ในการตักอาหาร
หากพนักงานบริการนำอาหารใส่จานใหญ่มาทางด้านซ้ายมือของคุณละก็ หมายความว่า กรุณาตักอาหารนั้น ๆ ด้วยตนเอง โดยปกติแล้วควรจะมีส้อมและช้อนขนาดใหญ่วางอยู่ด้านหน้าของจานใบนั้น เมื่อเวลาตักแบ่งออกมาควรทำให้เป็นปกติ อย่าลน อย่ารีบร้อน เพราะจะทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาได้ ก่อนอื่นมองรอบ ๆ ให้ทั่วจาน ดูให้ชัดว่าเป็นอาหารจำพวกไหน
ถือช้อนกลางด้วยมือขวา และส้อมด้วยมือซ้าย ตักอาหารด้วยช้อน แล้วกดให้นิ่งด้วยส้อม
ควรตักอาหารโดยคำนึงถึงปริมาณของอาหารต่อจำนวนคน อย่าตักอาหารมากเพราะว่าเป็นสิ่งที่ตนเองชอบทาน โดยปกติหากเป็นอาหารหลักจะตักให้ปริมาณพอดีสำหรับคนเดียวได้ง่าย แต่หากมีเครื่องเคียงหลาย ๆ อย่างรวมกันอยู่ด้วย ควรคำนึงถึงจำนวนอาหารที่คนอื่นยังไม่ได้ตักเสียก่อน แล้วจึงตักให้พอดี
อาหารที่จะตักนั้น ตามหลักแล้วควรตักทางด้านหน้าของจานใหญ่ ส่วนอาหารที่เรียงไว้อย่างเป็นเรียบร้อย จะมีชิ้นใหญ่สุดอยู่ตรงกลาง ควรตักชิ้นแรก แล้วเรียงไล่มาตามลำดับ อย่าตักชิ้นตรงกลางก่อน
ก่อนอื่น ควรจะตักอาหารหลักเสียก่อน แล้วจึงตักเครื่องเคียงตาม
ส่วนอาหารที่มีน้ำซอสราด ควรเทลงด้านล่างของขอบจาน หรือด้านข้าง ๆ ส้อมที่วางอยู่ ระหว่างรับประทานอาหารจนจบ อย่าตักน้ำซอสราด
อาหารที่จะตักวางอยู่บนจานอย่างเรียบร้อย ควรจะจัดให้อาหารหลักอยู่ตรงกลางค่อนมาทางด้านล่างของจาน ทางด้านบนฝั่งซ้ายมือ ควรจะเป็นเครื่องเคียงประเภทผัก ด้านขวามือเป็นเครื่องเคียงประเภทแป้ง เช่น ข้าว มันฝรั่ง และซอสจะอยู่ด้านล่างของอาหารหลัก และหลังจากตักอาหารเสร็จแล้ว วางช้อกลางและส้อมกลางเรียงไว้ด้านหน้าของจาน เพื่อคนต่อ ๆ ไปจะได้หยิบใช้ได้โดยง่าย

5. ออเดิร์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย

ออเดิร์ฟเป็นอาหารเบา ๆ เพื่อเรียกน้ำย่อย เป็นการเพิ่มบรรยากาศในการทานอาหารบนโต๊ะได้ดีอย่างยิ่ง ฉะนั้นจึงไม่ได้เป็นอาหารที่จะทานให้อิ่ม แม้ว่าจะตักแบ่งทานได้มาก แต่ก็ไม่ควรจะทานมากเกินไป อาหารที่ทานง่ายนั้นมีอยู่มากแต่ก็มีบางอย่างที่ต้องมีเคล็ดลับในการทาน

ออเดิร์ฟบางอย่างทานด้วยมือก็ได้
ถึงแม้ว่าออเดิร์ฟจะเป็นอาหารที่มีขนาดเล็ก แต่ว่าตามหลักแล้วก็ควรจะใช้มีดและส้อมในการทาน แต่ถ้าเป็นขนมปังที่ตัดเป็นชิ้นขนาดพอคำ (ที่เรียกกันว่า คานาเป้...CANAPE) ก็สามารจะทานด้วยมือได้เลย สำหรับผักสดบางอย่างเช่น หน่อไม้ฝรั่งยาว ๆ ให้ใช้มีดหั่นให้เป็นชิ้นพอคำ แล้วจึงทานด้วยส้อม
อาหารที่เป็นออเดิร์ฟเย็นและเสิร์ฟมาในถ้วย ที่เรียกกันว่า คอกเทลนั้น ทานโดยการใช้ส้อมจิ้มทาน แล้ววางไว้ส่วนขอบแก้ว เป็นการทานโดยใช้ส้อมเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อไม่ให้แก้วขยับไปมา ต้องใช้มือที่ว่างจับที่ก้านแก้วเอาไว้ในขณะที่ทาน
การทานหอยนางรมสด ๆ โดยมีเปลือกติดอยู่ ทานโดยใช้ส้อม ใช้มือซ้ายจับเปลือกหอยให้ดี ๆ ส่วนมือขวาแคะเนื้อให้หลุดจากเปลือกเสียก่อน แล้วจึงตักเข้าปาก เมื่อทานส่วนเนื้อด้วยส้อมแล้ว จะดื่มส่วนที่เป็นน้ำเหลืออยู่ทีหลังก็ได้ ส่วนหอยเลล์ ใช้ด้านหลังของส้อมดันเนื้อให้หลุดจะดีกว่าใช้ปลายด้านหน้าตักขึ้นมา

6 ซุป เป็นสิ่งที่ต้องทานอย่างช้า ๆ เงียบ ๆ

ซุปไม่ใช่เป็นการดื่ม (DRINK) แต่เป็นการทาน (EAT) จากความหมายนี้จึงดื่มเข้าไปให้มีเสียงไม่ได้เด็ดขาด หลักสำคัญในการทานคือ อย่ามีเสียง ดังนั้นที่สำคัญที่สุดคือ ต้องฝึกให้ชิน
ตักซุปจากด้านใกล้ตัวออกด้านนอก
ตักซุปจากด้านใกล้ตัวออกด้านนอก


จะตักจากด้านนอกเข้ามาด้านใกล้ตัวของเราเองก็ไม่ผิด แต่วิธีโดยทั่ว ๆ ไปจะตักจากด้านในที่ใกล้ตัวเราออกไป เมื่อซุปจวนจะหมดให้ใช้มือซ้ายยกจากด้านหน้าขึ้นมา

ใช้ปลายช้อนส่วนใกล้ ด้านหน้าทานเข้าไป
ซุปนั้นหากดื่มด้านข้างตรง ๆ จะเกิดเสียงได้ง่าย ดังนั้นจึงควรเอียงด้มช้อนออกไป เป็นเส้นทแยงมุม ถือช้อนห่างจากริมฝีปากเล็กน้อย ด้ามช้อนทแยงออกไปด้านนอกแล้วก้มลงไปดื่ม ก็เป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่งที่จะไม่ทำให้เกิดเสียงดังได้

ดื่ม (ทาน) เสร็จแล้ววางช้อนเอาไว้ในชาม

ดื่ม (ทาน) เสร็จแล้ววางช้อนเอาไว้ในชาม

ช้อนซุปนั้น เมื่อเราทานเสร็จแล้ว ไม่ว่าจะทานจนหมดหรือไม่ก็ตาม ให้วางไว้ในชามโดยวางเอาไว้ด้านหน้าและหงายช้อนขึ้น โดยให้ด้ามช้อนเอียงออกด้านข้าง หรือจะนำช้อนที่ทานเสร็จแล้ววางไว้ในที่รองจานซุปก็ได้

ขั้นตอนในการดื่ม(ทาน)ซุป เพื่อไม่ให้เกิดการผิดพลาด
ซุป เป็นของที่ทานได้คล่องคอ ดังนั้น ท่าดื่มที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่เข้าท่ายิ่งทำให้เป็นที่จับตามองมากยิ่งขึ้น ถ้าถูกใครตำหนิว่า "แค่ใช้ช้อนตักซุปเข้าปาก ไม่น่าลำบากอะไรแบบนี้เลย" คุณจะโมโหแค่ไหน
ตามที่เคยกล่าวไว้แล้วว่า จะดื่มซุปให้เก่งจะต้องฝึกให้ชิน ควรรู้เคล็ดลับไม่กี่ข้อนี้ไว้ สิ่งสำคัญคือท่าทางขณะดื่ม ปริมาณซุปที่ควรจะตัก เป็นต้น

เมื่อก้มตัวลงไปดื่มอย่างไร ก็ย่อมจะเกิดเสียงดังขึ้นได้ ฉะนั้นควรจะนั่งให้เรียบร้อย

ซุป เมื่อตักขึ้นมาแล้ว ควรดื่มให้หมดภายในคำเดียว ทางที่ดีควรจะตักขึ้นมาเพียง 6 - 7 ส่วนของช้อนซุปก็พอ

เพื่อไม่ให้ซุปหยดลงจากช้อน ขณะตักขึ้นมาควรจะปาดก้นช้อนกับขอบขอบชามซุปก็ได้

แม้ว่าซุปจะร้อน แต่ก็ใช้ลมปากเป่าให้เย็นไม่ได้ ดังนั้น เพื่อให้รู้ว่าซุปร้อนแค่ไหนนั้น ควรตักเพียงเล็กน้อยสำหรับดื่มคำแรก

เวลาใช้ช้อนตักซุปในชามนั้น พยายามอย่าให้ช้อนขูดกับชามจนเกิดเสียงดัง

การที่เราดื่มซุปโดยไม่ให้เหลือซักหยดเลยนั้นเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์ แน่นอนว่าการที่จะยกชามซุปขึ้นมาดื่มนั้น ห้ามทำเด็ดขาด ยกเว้นในกรณีที่เป็นซุปใสซึ่งจะเสิร์ฟมาในถ้วยซุปที่มี 2 หู เราสามารถที่จะจับที่หูทั้ง 2 ข้างขึ้นมาดื่มได้

7. ขนมปัง ควรฉีกเป็นชิ้นใหญ่ ทานทีละคำ

ขนมปังจะถูกเสิร์ฟมาตั้งแต่แรก หรือไม่ก็เสิร์ฟในช่วงที่เสิร์ฟซุป ส่วนการเสิร์ฟนั้นอาจจะแจกให้ทีละคน หรือใส่ตะกร้าตามจำนวนคนก็ได้ ในกรณีที่แจกให้ทีละคน ๆ ขนมปังของคุณจะอยู่ในจานด้านซ้ายมือ อย่าหยิบผิด
การทานขนมปัง คือทานพร้อมอาหารหลัก
ขนมปังไม่ควรทานตั้งแต่ทีแรก ควรทานหลังจากดื่มซุปเสร็จแล้ว และทานให้หมดไปพร้อม ๆ กับอาหารจานหลักประเภทปลา หรือเนื้อ
การทานขนมปัง ควรทำตามลำดับดังนี้

หยิบขนมปัง
ฉีกขนมปังบนจานรอง
หยิบขนมปังที่เหลือไว้ที่เดิม
จับขนมปังด้วยมือซ้าย และทานเนย
เก็บมีดสำหรับทาเนยเอาไว้ที่เดิม
ทาน อย่าใช้ปากฉีกขนมปัง ให้ใช้มือฉีกขนมปังบนจานรองขนมปังแล้วทาเนย ก่อนรับประทาน

ใช้ซอสสำหรับทานอาหาร ทานกับขนมปังได้หรือเปล่า
หากเป็นงานที่ต้องระวังกริยามารยาทมากละก็ อย่าทำดีกว่า ควรจะใช้ส้อมจิ้มขนมปังชิ้นเล็ก ๆ เช็ดซอสที่เหลืออยู่ทานให้หมดก็ได้

8 อาหารจำพวกปลา ควรทานให้ดูสะอาดสะอ้านบนจานอาหาร

ลำตัวปลาสามารถเลาะเนื้อออกมาได้ง่าย แต่อย่างไรก็ต้องเหลือกระดูก หนัง ส่วนหัวหรือหาง สิ่งเหล่านี้ทำให้บนจานเกะกะได้ง่าย ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกะกะจึงต้องจัดการกับสิ่งเหล่านี้ด้วย ก่อนอื่นที่สำคัญคือ จัดการทานเนื้อปลาให้ถูกวิธีเสียก่อน
ทานเนื้อปลาจากด้านซ้ายมือ ทีละคำ

  วิธีทาน ตัดจากด้านซ้ายมือเป็นชิ้นใหญ่พอดีคำ ราดด้วยซอสให้พอก่อนที่จะลงมือรับประทาน ค่อย ๆ ตัดแบ่งให้เป็นชิ้น ๆ อย่าให้กระจาย ถ้ามีกระดูกปลาติดไปด้วย อย่าคายกระดูกปลาลงบนจานปลาโดยตรง ให้ใช้ส้อมรองไว้ที่ปากแล้ววางทิ้งไว้บริเวณขอบจานด้านบน แต่ที่ควรระวังก็คือ อย่าแลบลิ้นออกมามากจนเกินไป และเมื่อทานเสร็จแล้วแล้วต้องกวาดเศษอาหารบนจานให้เรียบร้อย
ทานเสร็จแล้วแล้วต้องกวาดเศษอาหารบนจานให้เรียบร้อย
เนื้อปลาที่เสิร์ฟมาทั้งตัวไม่ต้องกลับด้านทาน
เนื้อปลาที่เสิร์ฟมาทั้งตัวไม่ต้องกลับด้านทาน เนื้อปลาที่เสิร์ฟมาทั้งตัวไม่ต้องกลับด้านทาน อาหารประเภทปลาที่มีหัวและหางรวมอยู่ด้วย ก่อนอื่นเลาะเนื้อด้านบนออกมาไว้ด้านใหล้ตัวแล้วจึงเริ่มทาน จากนั้นสอดมีดเข้าไประหว่างใต้กระดูกลำตัวกับเนื้อส่วนล่าง แล้วเลาะกระดูก หัว และหางออกมาไว้ด้านตรงข้าม จากนั้นจึงทานเนื้อส่วนล่างต่อไป จำเอาไว้ว่า อย่ากลับลำตัวปลาเพื่อทานเนื้อปลาด้านล่างเป็นอันขาด

 สำหรับปลาลิ้นหมา (SOLE) จะต้องเลาะกระดูกออกในตอนแรก
สำหรับปลาลิ้นหมา (SOLE) จะต้องเลาะกระดูกออกในตอนแรกสำหรับปลาลิ้นหมา (SOLE) จะต้องเลาะกระดูกออกในตอนแรก ปลาลิ้นหมา เป็นปลาที่นิยมทานกันมาก ในบรรดาอาหารตะวันตก สำหรับปลาที่มีครีบตามขอบลำตัวเช่นนี้ จะต้องเลาะทิ้งไปตั้งแต่ทีแรก ก่อนที่จะลงมือรับประทาน จึงจะทานได้สะดวกกว่า ส่วนที่เลาะทิ้งไปให้นำมาวางไว้ด้านตรงข้าม ส่วนปลาที่มีลำตัวกว้างนั้น ก่อนอื่นผ่าเป็น 2 ท่อนเสียก่อน โดยผ่าให้ขนานกับกระดูกลำตัว แล้วจึงเลาะเนื้อด้านบนทาน จากนั้นจึงทานเนื้อด้านครึ่งล่าง จึงจะเป็นวิธีทานที่สะดวกกว่า

 การทานกุ้งจะต้องเลาะเนื้ออกจากเปลือกเสียก่อน
การทานกุ้งจะต้องเลาะเนื้ออกจากเปลือกเสียก่อน อาหารจำพวกกุ้งที่มีเปลือกอยู่ด้วย อย่างกุ้งกร้ามกราม จะต้องเลาะเนื้อออกจากเปลือกมาไว้ที่จาน จึงจะทานง่ายขึ้น ทำโดยใช้ส้อมกดเนื้อเอาไว้ สอดมีดเข้าไปในระหว่างเนื้อและเปลือก แล้วค่อย ๆ เลาะเนื้อออก ส่วนเนื้อกุ้งนาง จะต้องใช้มือแกะเปลือกออก (ล้างนิ้วมือในชามสำหรับล้าง หรือเช็ดด้วยผ้าเช็ดมือให้สะอาด)

 ใช้มีดเปิดห่อบรรจุอาหาร
ใช้มีดเปิดห่อบรรจุอาหาร อาหารที่ถูกเสิร์ฤมาโดยที่ยังมีอลูมิเนียมฟอยล์หรือกระดาษไขห่ออยู่ อย่าใช้มือแกะกระดาษห่อนี้ ให้ใช้มีดแทงเข้าไปช่วงกลางของกระดาษ จากนั้นใช้มีดและส้อมแกะห่อทั้ง 2 ฝั่งออกจากกัน เมื่อกางออกแล้วจะทานทั้งอย่างนั้นเลยก็ได้

วิธีบีบมะนาวจะทำต่างกันตามขนาด
วิธีบีบมะนาวจะทำต่างกันตามขนาด อาหารจำพวกปลา ในเวลาที่เสิร์ฟมานั้น มักจะมีมะนาวให้มาด้วย สำหรับมะนาวที่ผ่าเป็นแว่นให้วางบนเนื้อปลา แล้วกองลงไปเบา ๆ ส่วนมะนาวที่ผ่าเป็นรูปครึ่งวงกลมนั้น ใช้มือบีบ แต่เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมะนาวกระเด็นไปที่อื่น ให้ใช้มืออีกข้างป้องเอาไว้ ส่วนมะนาวที่ถูกหั่นเป็นครึ่งซีก ให้จับด้วยมือซ้าย และถือส้อมด้วยมือขวา แทงเช้าไปแล้วบีบเบา ๆ ให้น้ำออกมา

9. ศัตรูสำคัญสำหรับการทานอาหารจำพวกเนื้อคือ..........

การทานอาหารจำพวกเนื้ออาศัยการตัด จากมีดอย่างแท้จริง เศษกระดูกชื้นใหญ่กว่ากระดูกปลาที่เหลือเอาไว้บนจานความลำบากและเรื่องที่นึกไม่ถึงมีอยู่ในอาหารแต่ละชนิด แต่หากตัดสินใจเลิกทาน ก็เป็นอันว่า หมดโอกาสลิ้มลองอาหาร มิหนำซ้ำ จะเป็นการทำให้คิดว่า เป็นวิธีทานอาหารที่ยากลำบากซะเหลือเกิน

อย่าหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จนหมดตั้งแต่ทีแรก
อาหารทุกชนิดให้จำเอาไว้ว่า หั่นแล้วทาน เป็นคำ ๆ ไป ส่วนอาหารจำพวกเนื้อ ให้หั่นจากซ้ายมาขวา โดยให้ขนาดใหญ่พอดีคำ แล้วจึงทานทุกครั้งที่หั่นออกมา อย่านำเนื้อชิ้นใหญ่เกินไปเข้าปาก เพราะจะทำให้เคี้ยวลำบาก และต้องออกแรงมากเกินไปในการเคี้ยว จนทำให้เกิดเสียงดังและมองดูน่าเกลียด อีกสิ่งที่ควรรู้ควบคู่กันไปก็คือในอาหารแต่ละจานนั้น จะมีผักที่เป็นเครื่องเคียงใส่มาในจานเดียวกันด้วย เพื่อให้ได้รสชาติ ที่ครบถ้วนควรจะทานสลับกันทั้งเนื้อ และผักที่เป็นเครื่องเคียงจึงจะเหมาะสม

การทานอาหารที่มีกระดูกติดมาด้วย
กรณีที่เป็นอาหารประเภทเนื้อติดออกมาด้วย จะต้องเลาะกระดูกออกก่อน แล้วจึงจัดการกับส่วนเนื้อต่อไป ถ้าเป็นไก่ติดกระดูกจะมีกระดูกอยู่ในส่วนเนื้ออีกหลายแท่ง ก่อนอื่นควรจะเลาะตรงข้อต่อเสียก่อนเพื่อให้ชิ้นเล็กลง แล้วจึงเลาะกระดูกด้านในออกมา สำหรับน่องไก่ที่มีกระดาษพันที่ปลายมานั้น บางครั้งอาจจะดูเหมือนว่าการใช้มือจับส่วนที่เป็นกระดูกไว้แล้วทานส่วนที่เป็นเนื้อจะดูง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม ให้จับส่วนที่มีกระดาษพันเอาไว้รอบ ๆ กระดูกดูจะง่ายกว่า จากนั้นจึงใช้มีดหั่นส่วนที่เป็นเนื้อออกมา อาหารอีกประเภทที่ควรรู้ไว้ด้วยในที่นี้ก็คือ อาหารที่เสียบไม่ย่างและนำใส่จานมาทั้งไม้เลย (ที่เรียกกันว่า บาร์บีคิว)นั้น ถ้าเป็นงานสังสรรค์แบบกันเองในที่กลางแจ้งหรือสนามหย็าละก็ ไม่จำเป็นต้องดึงเอาไม้เสียบออก แต่ถ้านอกเหนือจากสถานที่เช่นนั้น ให้ดึงเอาไม้ออกเสียก่อนจึงจะลงมือทานเวลาจะดึงออกก็ให้จับปลายไม้ด้วยมือขวา ใช้ส้อมจิ้มเนื้อเอาไว้กับจาน ค่อย ๆ หมุนเบา ๆ และดึงเอาไม้ออกจะง่ายกว่าออกแรงดึงออกมาตรงเลย

ราดน้ำซอสให้เพียงพอก่อนลงมือทานควรจะราดน้ำซอสบนเนื้อไก่ให้ชุ่มก่อนทาน จะได้รสชาติของอาหารได้ดีขึ้น แต่ในกรณีที่ต้องตักซอสเอง อย่าราดให้กระเด็น หรือหกเลอะเทอะ สำหรับพวกมัสตาร์ด หรือเครื่องปรุงอื่น ๆ ที่มีกลิ่นฉุน อย่าทาให้ทั่วเนื้อตั้งแต่ทีแรก เพราะเมื่อจะลองทานซอสอย่างอื่นบ้างจะลำบากเพราะว่าชิ้นเนื้อนั้น ๆ จะติดกลิ่นฉุนอยู่มากเกินไปแล้ว

10. ใช้ส้อมทานสลัดผัก

สลัดผักมีวิธีทานโดยเฉพาะ แต่มักจะเสิร์ฟมาพร้อมกับอาหารจากหลักจำพวกเนื้อเวลารับประทานนั้น จะทานเนื้อสลับกับสลัดผัก หรือจะทานเนื้อให้หมดเสียก่อนจึงทานสลัดผักก้ได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ แต่ปกติแล้วจะทานสลับกันไป

เป็นธรรมเนียมว่า ต้องใช้ส้อมอย่างเดียวในการทานสลัด

ใช้ส้อมอย่างเดียวในการทานสลัด
มารยาทในการทานสลัดต้องใช้ส้อมอย่างเดียว แต่เมื่อหั่นผักก็ให้ใช้มีดได้ หรือใช้ด้านข้างของส้อมนั้น ๆ เวลาจะนำผักสลัดเข้าปากนั้น ใช้ได้ทั้งการ ตัก พัน หรือจิ้มลงไป สำหรับสลัดที่เสิร์ฟมาในชามนั้น ให้ใช้เฉพาะส้อมเท่านั้นในการทาน แต่ถ้าต้องการจะใช้มีดจะต้องตักผักสลัดแบ่งมาไว้ในจานของตัวเองแล้ว
อย่าใช้มีดในชามสลัด
11 ลองมาทานขนมให้เหมือนกับอาหารชนิดหนึ่งกันเถอะ

หลังอาหารจะเป็นของหวานซึ่งอาจจะประกอบไปด้วย เนยแข็ง ผลไม้ หรือขนมอื่น ๆ เมื่อกล่าวถึงคำว่าขนมแล้ว อาจจะทำให้คิดว่าเราสามารถจะใช้มือหยิบทานได้เลย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ของหวานถือเป็นอาหารประเภทหนึ่ง ซึ่งตามธรรมเนียมตะวันตกแล้วต้องใช้มีดและส้อมในการทาน

เนยแข็ง (CHEESE) ก็ต้องใช้มีดหั่นทานทำได้โดย ใช้ส้อมและมีดหั่นเนยแข็งให้ได้ขนาดพอคำ หรือถ้ามีขนมปังบาง ๆ เสิร์ฟมาด้วย สามารถจะใช้เนยแข็งวางบนขนมปังแล้วจึงใช้มือหยิงเข้าใส่ปากได้

อย่าทำให้เค้กหกเลอะเทอะ

หากก้อนเค้กสูงเกินไปก็ให้ผลักก้อนเค้กนอนลงแล้วจึงหั่น
หากกดลงไปบนก้อนเค้ก หรือตัดแยกออกเป็นชิ้น ๆ ให้กระจายออกไป จะมำให้เค้กนั้น ๆ หมดความอร่อยได้ ทางที่ดีควรจะใช้มีดหั่นเบา ๆ หากก้อนเค้กสูงเกินไปก็ให้ผลักก้อนเค้กนอนลงแล้วจึงหั่นได้

ชามล้างมือ ใช้จุ่มล้างเฉพาะปลายนิ้วเท่านั้น
หากนิ้วเราสกปรกให้ล้างที่ชามล้างมือ ต้องล้างทีละข้าง โดยจุ่มเฉพาะปลายนิ้วลงไป ล้างเสร็จแล้ว นำผ้ากันเปื้อนมาวางไว้ใกล้ ๆ ตัวเพื่อรอเช็ด

ชามล้างมือ ใช้จุ่มล้างเฉพาะปลายนิ้ว

มาเรียนรู้วิธีการทานของหวานประเภทต่าง ๆ กันบ้าง
เค้กที่มีรูปสามเหลี่ยมให้เริ่มทานจากทางด้านแหลมเสียก่อน ไอศครีม และเชอร์เบ็ต เค้กที่มีรูปสามเหลี่ยมให้เริ่มทานจากทางด้านแหลมเสียก่อน เพื่อให้ทานสะดวก และส่วนที่เหลืออยู่บนจานก็จะดูไม่น่าเกลียด
ถ้าเค้กสามารถตัดแบ่งได้สะดวก ใช้แต่เพียงส้อมทานอย่างเดียวก็ได้
ไอศครีม และเชอร์เบ็ต ถ้าเราตักทานส่วนบนบ้าง ส่วนล่างบ้าง จะแลดูไม่เหมาะสม ทางที่ถูก ควรจะทานจากส่วนที่คนอื่นมองไม่เห็นก่อน คือส่วนที่อยู่ใกล้ตัวเรานั่นเอง สำหรับเวเฟอร์ที่อาจจะมีมาด้วยนั้น ให้ทานสลับกับไอศครีมโดยไม่ต้องใช้ช้อนตัดให้เป็นชิ้น ๆ สามารถใช้มือหยิบเข้าปากได้เลย
การทานกล้วย แคนตาลูปหรือพวกเมล่อนต่าง ๆ ที่เสิร์ฟมาเป็นเสี้ยว การทานกล้วยที่เสิร์ฟมาให้ ใช้ส้อมกดผลกล้วยเอาไว้และใช้มีดผ่าด้านใกล้ตัวและด้านตรงข้าม จากนั้นดึงผิวส่วนนั้นออกแล้ว
ใช้มีดกับส้อมเปิดเปลือกแผ่ออก จากนั้นตัดเป็นชิ้นพอคำทาน โดยเริ่มจากทางซ้ายมือก่อน
ถ้าเป็นแคนตาลูปหรือพวกเมล่อนต่าง ๆ ที่เสิร์ฟมาเป็นเสี้ยว เพื่อให้ทานได้ง่าย เริ่มโดยการใช้ส้อมกดทางซ้ายเอาไว้ ส่วนทางขวาใช้มีดหั่นเข้าไป ช่วงรอยต่อระหว่างเปลือกกับเนื้อ (แต่ยกเว้นช่วงสุดท้ายไว้) จากนั้นหั่นจากบนลงล่างช่วงกลางของเมล่อน แล้วหั่นจากซ้ายมือให้ขนาดพอคำ จึงใช้ส้อมจิ้มนำเข้าปาก
แอบเปิล แอบเปิลก็ปอกเปลือกโดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสกับผลแอปเปิดโดยตรง ทำได้โดยใช้ส้อมกดเอาไว้แล้วแบ่งออกให้เป็นเสี้ยว หรือแบ่งเป็น 4 ส่วน จากนั้นตัดไส้ตรงกลางออก ใช้ส้อมแทงเข้าไปจากด้านในให้อยู่ แล้วยกขึ้นใช้มีดปอกเปลือก แอปเปิลที่ปอกแล้ววางลงบนจาน หั่นทานเป็นคำ ๆ จากทางซ้ายมือ
ผลไม้ผลเล็ก ๆ เช่นองุ่น เชอร์รี่ หรือสตอเบอรี่ สามารถใช้นิ้วหยิบทานได้ ส่วนองุ่นผลใหญ่ ๆ นำมาปอกเปลือกบนจาน จะทำให้ทานสะดวกขึ้น เมื่อจะนำเมล็ดหรือเปลือกที่อยู่ในปากออกมา ให้ใช้มือรองไว้ที่ปาก จากนั้นเอาวางไว้ที่ขอบจาน

12 รสชาติของชาฝรั่ง กาแฟ ต้องชิมด้วยตนเอง

การที่จะใส่นมหรือน้ำตาลลงไปในชาฝรั่ง หรือกาแฟมากน้อยแค่ไหน หรือจะต้องใส่หรือเปล่านั้น ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน และเรื่องนี้ไม่ต้องบริการให้คนข้างเคียง กล่าวคือ ถ้ากาแฟมีเค้กเสิร์ฟมาด้วย แน่นอนว่าจะดื่มไป ทานไปก็ได้

ขั้นตอนในการทานกาแฟ เริ่มจากการใส่น้ำตาลลงไปเบา ๆ โดยใส่ต่ำ ๆ สิ่งสำคัญคือ อย่าให้กระเด็นออกมา ถ้าเป็นน้ำตาลก้อนต้องวางไว้บนช้อนเสียก่อน แล้วจึงจุ่มลงไปทั้งช้อน เวลาดื่มก็อย่าทำเสียง หรือเป่าลมเพื่อให้เย็น ถึงแม้จะวางอยู่บนโต๊ะ จะขยับส่วนที่เหลืออยู่ก้น ๆ แก้วให้เขย่าไปมาก็ไม่ได้ และเมื่อใส่น้ำตาล นม และคนเรียบร้อยแล้ว ให้วางช้อนไว้ด้านตรงข้ามโดยวางให้ช้อนหงานขึ้น

13 การรับประทานอาหารแบบตามสั่งได้อย่างสบายใจ

กริยามารยาทในการรับประทานอาหารนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาหารชุด แต่การรับประทานอาหารหรู ๆ ที่มีลักษณะเฉพาะของตนเองที่เรียกกันว่า "อะ ลา คาร์ท" ก็ควรฝึกวิธีรับประทานที่ถูกต้องเช่นกัน แต่ทั้งนี้ กริยามารยาทในการรับประทานอาหารจะต้องใช้มากน้อย ยังขึ้นอยู่กับค่านิยมของท้องถิ่น ลักษณะการจัดโต๊ะอาหาร กฎระเบียบของทางร้านอาหาร เป็นต้น จึงจำเป็นต้องใช้ให้เหมาะสมตามกรณีต่าง กันไป

อาหารตะวันตกจำพวกที่เป็นเส้นต่างจากเส้นโซบะของญี่ปุ่น ตรงที่จะไม่ดูดเส่นเข้าปากจนหมด การทานเสียงดังถือเป็นการเสียมารยาทอย่างแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสียงเคี้ยวดัง ๆ จะเป็นที่น่ารังเกียจอย่างมาก เวลาทานจึงควรใช้ส้อมม้วนเส้นคราวละน้อย ๆ พันให้เรียบร้อยก่อนทาน โดยอาจจะใช้ช้อนช่วยในการที่เราจะพันเส่นเหล่านั้น
กรณีที่ต้องตักซอสราดลงบนเส้น (เช่น สปาเก็ตตี้)เอง ให้ตักราดลงไปพอประมาณคำหรือสองคำ แล้วตักส่วนนั้นรับประทาน อย่าตักราดจนชุ่มไปทั้งหมดเพราะว่าอาจจะทำให้ดูสกปรกเลอะเทอะในจานได้
สำหรับอาหารจำพวก พิซซ่านั้น หากเป็นการทานอย่างกันเองละก็จะใช้มือหยิบทานก็ได้ โดยใช้มือจับด้านกว้างไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งจับส้อมรองเนยแข็งหรือน้ำซอสที่อาจจะตกลงมาได้ แต่ถ้าเป็นสถานที่ที่แคบ ๆ จะใช้มีดและส้อมตัดแบ่งก่อนนำเข้าปากก็ได้

14 ดื่มไวน์ระหว่างอาหารจะช่วยเพิ่มรสชาติขึ้นมาก

อาหารตะวันตกนั้น การดื่มไวน์ระหว่างมื้ออาหารถือเป็นเรื่องธรรมดา การดื่มเหล้าจะช่วยทำให้อยากทานอาหารมากขึ้น แต่ความจริงแล้ว ไวน์เหมาะกับอาหารตะวันตกมากที่สุด น่าเสียดายสำหรับคนที่เมาเหล้าง่าย ถ้าไม่ละก็ ลองดื่มไวน์ดู จะช่วยเพิ่มรสชาติได้เป็นอย่างมาก

เทคนิคง่ายเพื่อการดื่มไวน์

การดื่มไวน์
ขณะที่พนักงานบริการกำลังเสิร์ฟไวน์ไม่ต้องถือแก้ว ให้วางเอาไว้บนโต๊ะได้เลย เมื่อจะยกขึ้นดื่มให้ใช้นิ้วจับที่บริเวณก้าน เพราะว่าถ้าอุณหภูมิของไวนืเปลี่ยนแปลงโดยอาจจะเพิ่มขึ้นจากมือของเรา จะทำให้รสชาติของไวน์นั้น ๆ เสีย หรือเปลี่ยนไปได้ อีกเรื่องที่ควรจำเอาไว้คือ ไวน์นั้น ใช้สำหรับดื่มกับอาหาร ฉะนั้นอย่าดื่มเข้าไปเป็นอึกใหญ่ ๆ ในทางที่กลับกันก็อย่ารอจนทานอาหารหมดหรือใกล้หมดเสียก่อนจึงจะดื่มไวน์ตามเข้าไป เพราะนั่นถือว่าเป็นการดื่มไวน์ที่ไม่ถูกต้องนั้นเอง สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติสำหรับการดื่มไวน์
แม้การดื่มไวน์จะต้องมีมารยาทในการดื่ม แต่ก็ไม่เข้มงวดถึงขนาดทำให้น่าตกอกตกใจ จนน่ากลัว และถึงแม้ว่าไวน์จะเป็นเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ไม่แรง แต่ไวน์ก็คือเหล้าชนิดหนึ่ง สิ่งที่จะบอกต่อไปนี้ เป็นมารยาทที่ควรปฏิบัติ รวมทั้งสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่ควรจะนำไปปฏิบัติ เพราะว่าทุกวันนี้การดื่มไวน์ในชีวิตประจำวัน มีมากขึ้น จึงควรจะเรียนรู้มารยาทในการดื่มไวน์เอาไว้บ้าง
  • ขณะจับแก้วไวน์ขึ้นดื่ม อย่ากางนิ้วใดนิ้วหนึ่งออกมา จะดูไม่เป็นธรรมชาติ
  • ไม่ว่าจะเป็นแก้วแบบไหนก็ตามอย่าจับที่ขอบบนของแก้ว เพราะจะทำให้เกิดรอยนิ้วมือ เมื่อจะต้องจับหรือย้ายแก้วให้จับตรงก้านแก้วเท่านั้น
  • ทุกครั้งที่หยิบแก้วไวน์ขึ้นดื่ม จะต้องวางลงที่เดิม คือทางขวามือของเรา เพื่อไม่ให้พนักงานบริการทำงานได้ยากขึ้น หรือเราเองอาจจะหยิบแก้วสลับกับของคนอื่น
  • อย่าทำเสียงดังขณะดื่มไวน์ เมื่อดื่มแล้วก็อย่าดูดลิ้น
  • อย่าดื่มไวน์ขณะที่มีอาหารอยู่ในปาก ต้องดื่มหลังจากที่กลืนอาหารลงไปเรียบร้อยแล้ว
  • โดยมารยาทแล้วต้องดื่มไวน์ให้หมดแก้ว หากกังวลว่าจะดื่มไม่หมดควรระบุว่า "นิดหน่อย" หรือปฏิเสธเสียเลย แต่หากดื่มไม่หมดจริง ๆ ก็ให้ปล่อยทิ้งเอาไว้ได้
  • อย่าเสิร์ฟไวน์ให้กับคนเมา คนที่ปฏิเสธไม่ดื่ม
  • วิธีรินไวน์ ให้รินต่ำ ๆ เงียบ ๆ รินให้ได้ประมาณ 2 ใน 3 ส่วนของความสูงของแก้วไวน์ อนึ่ง ไม่นิยมรินไวน์ขาวทิ้งเอาไว้ในแก้ว ตามมารยาทแล้วเมื่อต้องการดื่มจึงจะริน
  • กรณีที่ต้องรินไวน์ด้วยตัวเอง ต้องหมุนขวดไวน์ตามเข็มนาฬิกาก่อนจะยกตรงปลายขวดขึ้น เพื่อกันไวน์หยดลงบนโต๊ะ และถ้ามีสุภาพสตรีนั่งอยู่ด้วย จะต้องรินให้ผู้หญิงก่อนเสมอ ส่วนถ้าเป็นผู้หญิงทั้งหมดก็ควรจะรินให้กับคนข้าง ๆ ของเราก่อน
  • คนที่ดื่มไวน์ไม่เป็นหรือดื่มไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เมื่อพนักงานบริการนำไวน์มาเสิร์ฟคราวต่อไป ให้ใช้นิ้วแตะเบา ๆ บนขอบแก้ว เพื่อเป็นการบอกว่า ไม่ต้องรินให้อีกแล้ว
  • โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว เราจะดื่มไวน์ขาวกับอาหารประเภทปลา หรืออาหารทะเล ส่วนไวน์แดงนั้นจะดื่มพร้อมกับอาหารประเภทเนื้อ ซึ่งในกรณีที่ยังดื่มไวน์ไม่หมดในขณะที่พนักงานนำจานอาหารออกไปแล้ว อย่าเสียดายไวน์ที่เหลืออยู่ในแก้วอีก ควรเปลี่ยนใหม่ตามอาหารนั้น ๆ เพื่อเป็นการให้เกียรติต่อผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเจ้าภาพ
  • หากบังเอิญทำแก้วไวน์ล้มด้วยความไม่ตั้งใจ อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องหรือนิ่งเฉยเสีย ต้องเรียกพนักงานฯมาจัดการให้ การที่เราจัดการเสียเองอย่างเงียบ ๆ อาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้ และอย่าลุกรี้ลุกรนขึ้นยืน หรือส่งเสียงดังออกมาด้วยความตกใจ
  • ก่อนที่จะดื่มไวน์ ควรจะเช็ดรอยเปิ้อนที่ริมฝีปากเสียก่อน การทำให้ขอบแก้วมีรอย ถือว่าเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก ถ้ามีรอยเปื้อนติดอยู่ที่แก้ว ให้ใช้ผ้ากันเปื้อนถูออก การใช้นิ้วมือมือ จะทำให้รอยเปื้อนนั้น ๆ เป็นรายกว้างขึ้นได้
  • ถ้าเป็นการดื่มฉลองโดยการชนแก้วแล้วนั้น จะต้องทำตามผู้ดำเนินการ ถ้ามีการยกแก้วขึ้นชนก่อนดื่ม ควรจะให้แก้วอยู่ในระดับสายตาของเราเอง การชนก็เพียงให้แก้วอยู่ใกล้ ๆ กัน หรือถูกกันเพียงเบา ๆ เท่านั้น