วิตามินบี 12

  • Tab 1
  • Tab 2
  • Tab 3
  • Tab 4
  • Tab 5

วิตามินบี 12 Cobalamin

วิตามินบี 12

มีคนสี่กลุ่มที่สนใจวิตามินบี ๑๒ เป็นพิเศษ

  1. คนสูงวัย ดร.โรเบิร์ต รัสเซล แห่งมหาววิทยาลัยทัฟท์กล่าวว่า วิตามินบี ๑๒ เป็นวิตามินตัวเดียวที่มีผลกระทบต่อวัยชราสูงสุด บี ๑๒ ช่วยเพิ่มสมรรถนะของสมองในส่วนความจำ และการมีสมาธิ มันปรับความสับสนในจิตใจเข้าสู่สมดุล ช่วยให้อารมณ์คงที่ สร้างความรู้สึกหนุ่มสาวกลับคืนมาอีกครั้ง จากการสังเกตของผู้เชี่ยวชาญหลายคน พบว่าคนแก่หกสิบปีขึ้นไปร้อยละ๒๐ ซึ่งมีระดับวิตามินบี ๑๒ ในกระแสเลือดต่ำ จะเกิดอาการ เป็นพิษจากโฮโมซิสเทอีน (สารที่ว่านี้ผลิตขึ้นเองในร่างกายมนุษย์เมื่อเราขาดบี ๑๒ มันเป็นพิษต่อหลอดเลือดและสมอง)
  2. นักมังสวิรัติ คนที่กินเจ หรือแมโครไบบโอติค เพราะคนกลุ่มนี้เสี่ยงต่อการขาดวิตามินบี ๑๒ หากกินมังสวิรัติเคร่งครัด ลูกในครรภ์ อาจมีสมอง และประสาทพิกลพิการ
  3. ผู้ที่มีอาการโลหิตจาง กินยาบำรุงโลหิตตแล้วไม่ดีขึ้น อาจต้องหันมองบี ๑๒
  4. นักกีฬา บี ๑๒ ได้ฉายานักเร่งพลังงานตััวเก่ง มีการใช้บี ๑๒ ชนิดฉีดในวงการกีฬา เพื่อหวังเป็นยาโด๊ป ทั้งที่เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว มีแพทย์จำนวนน้อยมากที่จะสนใจใช้วิตามินบี ๑๒ เพื่อหวังผลเร่งพลังงาน เพิ่มความกระชุ่มกระชวย วิตามินบี ๑๒ สามารถเร่ง พลังงานได้ ขณะที่สารตัวอื่นๆล้มเหลว และอันที่จริงคนทั่วไปก็น่าทำความรู้จักเจ้าวิตามินพิลึกตัวนี้ เพราะมันมีคุณค่าน่าสนใจหลายประการ และขณะเดียวกัน หากคุณขาดวิตามินตัวนี้ ผลลัพธ์ค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว

ประวัติ

เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว โฆษณายาทางวิทยุจำพวกสกัดตับจะมีให้ได้ยินบ่อยมาก ที่ดังๆก็เห็นจะเป็นสกัดตับฟีฮา เจ้าของเดียวกันกับ...อะไรก็ไม่รู้ ลืมแล้ว พ่อแม่นิยมซื้อยาสกัดตับมากรอกปากเด็กๆ คนป่วยต้องการบำรุงก็นึกถึงยาสกัดตับ คนสมัยก่อนรู้ประโยชน์ของยาสกัดตับกันดี
ยาสกัดตับคิอแหล่งรวมของวิตามินบีแทบทุกชนิดนั่นเอง โดยเฉพาะวิตามินบี ๑๒ การไล่ล่าหาวิตามินบี ๑๒ เริ่มต้นในปีค.ศ.๑๙๒๖ เมื่อนักวิจัยสองคนค้นพบว่าผู้ป่วยที่กินตับวันละปอนด์ จะหายจากโรคโลหิตจางชนิด Pernicious อย่างรวดเร็ว
แสดงว่า ในตับจะต้องมีสารอะไรพิเศษ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย นอกเหนือจากวิตามินที่เราสกัดได้ เมื่อค้นพบเช่นนี้ จึงมีการแนะนำให้คนไข้กินตับสัตว์สารพัดชนิด เพื่อลองรักษาอาการโลหิตจางที่ใช้วิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล นักวิจัยบางคนทดลอง ใช้ตับสกัดเข้มข้น แทน ตับธรรมดา แต่ที่น่าแปลกใจคือว่า ทำไมผู้ป่วยจึงต้องกินตับมากมายขนาดนี้ หรือเป็นเพราะเจ้าสารสำคัญนั้นมีอยู่น้อยนิดในตับ
วิลเลี่ยม คาสเซิส(William Castle) เป็นคนแรกที่ออกแสดงความเห็นว่าในตับน่าจะมีสารต้านโลหิตจาง จึงตั้งชื่อให้ว่าเอพีเอหรือ APA Factor ย่อจาก Antipernicious Anenia ก็ง่ายดีเนอะ ยังไม่รู้ว่ามีจริงไหม ตั้งชื่อซะแล้ว เขายังแสดงความเชื่อว่า ผู้ป่วยโรคโลหิตจางนั้นจริงๆแล้วได้รับสารAPA จากอาหารเพียงพอ แต่ร่างกายขาดสารจำเป็นอีกชนิดหนึ่ง ที่จะจับเจ้าเอพีเอเข้าไปใช้ประโยชน์ เขาเรียกสารตัวนี้ว่า Intrinsic Factor หรือสารปัจจัยภายในที่จะช่วยดูดจับเอพีเอ
ดังนั้น คนกลุ่มนี้(หมายถึงกลุ่มที่ขาดสารปัจจัยภายใน) จึงต้องกินตับมากเป็นพิเศษ เพื่อรับสารประกอบภายในจากตับ ช่วยให้ร่างกานสามารถนำ APA ไปใช้ได้เพียงพอตามความต้องการ และความจริงก็เป็นเช่นนั้นครับ เรารู้ในเวลาต่อมาว่าเราจำเป็นต้องมีสารบางตัวช่วย จับและดูดซับวิตามินบี ๑๒ ก่อนจะหลุดรอดออกไปจากร่างกาย กลไกนี้ค่อนข้างซับซ้อนแต่น่าสนุกดี
อธิบายให้เห็นภาพได้ว่า เมื่อคุณกินอาหารที่มีบี ๑๒ เข้าไป อันดับแรกกรดในกระเพาะจะต้องแยกบี ๑๒ ให้หลุดจากอาหารเสียก่อน
จากนั้นบี ๑๒ จะจับกับสารเคมีชนิดหนึ่งในทางเดินอาหาร แล้วพากันเกี่ยวก้อยร้อยใจไปจนถึงส่วนปลายของลำไส้เล็ก โดยมีแคลเซียมร่วมแห่แหนไปด้วย ที่ส่วนปลายลำไส้เล็กมีเซลล์กลุ่มหนึ่งทำหน้าที่เป็นตัวรับบี ๑๒ โดยเฉพาะและผลักมันเข้าสู่ร่างกาย ถ้าไม่มีตัวรับเหล่านี้ บี ๑๒ ก็จะหลุดรอดออกไปกับอุจจาระ คนที่เป็นโรคโลหิตจางชนิด Pernicious Anenia นั้นไม่ได้ขาดธาตุเหล็ก แต่ร่างกายของเขาไม่มีสารภายในที่คอยดีกจับบี ๑๒ ทำให้บี ๑๒ เข้ามาแล้วผ่านเลยไป ประหนึ่งสีซอให้ควายฟัง เอ๊ะ...เกี่ยวกันได้ไงนี่
คนพิเศษพวกนี้หายากครับ เกิดจากกรรมพันธุ์เป็นคนขาดบี ๑๒ เรื้อรังตลอดชีวิต จึงแสดงอาการเจ็บป่วยจากการขาดบี ๑๒ หลายประการ ทั้งที่กินเข้าไปวันละมากๆ แต่กว่าจะรู้กลไกเหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์ต้องใช้เวลาหลายสิบปี คือหลังจากที่วิลเลี่ยม คาสเซิลออกมาเสนอความเห็นไว้ ก็ไม่มีใครจับเจ้าเอพีเอที่ว่าได้สักที

นักวิจัยพากันไล่ล่าหาเจ้าเอพีเอเป็นเวลานานถีง ๒๐ ปี โดยไม่มีผลคืบหน้า จนกระทั่งปีค.ศ.๑๙๔๘ นักวิจัยสองชาติ อังกฤษและ อเมริกา ต่างคนต่างศึกษาเชื่อชนิดหนึ่งชื่อ แลคโตบาซิสลัส แลคติส และพบโดยบังเอิญพร้อมกีนว่า เจ้าเชื้อเหล่านี้สามารถผลิตสาร APA ได้
และต่อมาสามารถสกัดเป็นสารบริสุทธิ์ได้ เรียกมันว่าวิตามินบี ๑๒ หรือชื่อเป็นทางการว่า ไชยาโคบาลามิน(Cyanocobalamin)
ในบรรดาวิตามินบีทั้งหลาย บี ๑๒ มีเอกลักษณ์โดดเด่น และยังแตกต่างจากวิตามินชนืดอื่นๆหลายประการ เริ่มจากโครงสร้างทางเคมี ที่ซับซ้อนอย่างมาก จนไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นสารกลุ่มวิตามิน มันยังมีส่วนประกอบในโมเลกุลพิศดารคือ ใช้แร่ธาตุโคบอลต์มาผนึกเข้ากับตัว
พืชและสัตว์ไม่สามารถผลิตวิตามินบี ๑๒ ได้ เราพบว่าเฉพาะจุลืนทรีย์ตัวเล็กๆเท่านั้นที่มีความสามารถสร้างวิตามินบี ๑๒ ได้ มนุษย์และสัตว์ไปแย่งชิงมาจากเจ้าพวกตัวน้อยเหล่านี้อีกที หรือไม่ก็กินเนี้อสัตว์ที่สะสมวิตามินบี ๑๒ จากจุลินทรีย์อีกต่อหนึ่ง แหล่งสะสมที่สำคัญตือ ตับ พอกล้อมแกล้มอธิบายว่าทำไมซีอุยชอบกินตับ เพราะซีอุยขาดวิตามินบี ๑๒ นั่นเอง

การขาดวิตามินบี ๑๒

ถึงแม้ร่างกายจะต้องการวิตามินบี ๑๒ ในปริมาณไม่มากนักในหนึ่งวัน แต่หากคุณขาดวิตามินตัวนี้ ร่างกายจะแสดงอาการรุนแรง การสร้างเม็ดเลือดแดงจะชงักทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง และการสร้างเซลล์บุผนังลำไส้ก็พลอยลดถอยลงด้วย เกิดอาการแผลเปื่อยที่ลิ้น รอบเดือนคลาดเคลื่อน สมองเซื่องซึม กล้ามเนื้อสั่น ทั้งยังพบการเสื่อมสภาพของเส้นประสาทในไขสันหลังและตำแหน่งอื่นๆ
หากร่างกายขาดวิตามินบี ๑๒ ต่อเนื่องยาวนาน จะทำให้การทำลายระบบประสาทขั้นรุนแรง จนถึงขั้นระบบประสาทพิการถาวรได้
แต่คนทั่วไปไม่ขาดวิตามินบี ๑๒ เพราะวิตามินบี ๑๒ มีมากในเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์
ดังนั้น ในคนที่กินอาหารตามปรกติ ร่างกายจะได้รับบี ๑๒ ทุกวัน แถมส่วนที่เหลือใช้ยังถูกนำไปสะสมในตับ ไม่ใช่ทิ้งเปล่าทาง ปัสสาวะเหมือนวิตามินละลายน้ำตัวอื่นๆ
หากวันไหนคุณไม่กินเนื้อสัตว์ ร่างกายก็จะค่อยๆดึงบี ๑๒ จากตับมาใช้ทดแทนเท่าที่ขาดหายได้นานถึง ๕ ปี
ดังนั้นคนทั่วไป จึงไม่ต้องกังวลว่าจะขาดวิตามินบี ๑๒ แต่การขาดจะเกิดในคนพิเศษที่มีความผิตปรกติในการดูดซึมวิตามิน จากอาหารเข้าไปใช้ประโยชน์ หรือในคนที่กินอาหารมังสวิรัติเคร่งครัดมากๆ ไม่ยอมดื่มนม ไม่กินไข่หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ใดๆทั้งสิ้น เช่นนี้...อันตราย
ในคนที่เคร่งครัดมากๆ เราจะไม่เห็นภาวะขาดบี ๑๒ ได่ชัดเจนในระยะปีแรกๆ เพราะดังกล่าว ร่างกายสะสมบี ๑๒ ไว้ใช้ได้นานถึง ๕ ปี หรือกว่านั้น
แต่หากมีครรภ์ในช่วงนี้ เด็กในท้องต้องการบี ๑๒ เพื่อสร้างระบบประสาทที่สมบูรณ์ ถ้าแม่กินมังสวิรัติโดยไม่เสริมบี ๑๒ ลูกจะมีปัญหา ทางสมองได้ คนกลุ่มนี้จึงควรกินนมไข่หรือเสริมบี ๑๒ ระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อความปลอดภัยของทารกในครรภ์
คนอีกกลุ่มที่ขาดบี ๑๒ ได้ง่าย คือคนที่ขาดสารดูดจับโดยกรรมพันธุ์ ทำให้ร่างกายสามารถดูดจับบี ๑๒ ได้น้อยมาก เกิดภาวะโลหิตจางเรื้อรัง จำเป็นจะต้องฉีดบี ๑๒ เข้ากระแสเลือดโดยตรง เพื่อให้มันไปสะสมไว้ในตับ และคนกลุ่มนี้ต้องฉีดบี ๑๒ เป็นระยะตลอดชีวิต ซื้อวิตามินบี ๑๒ ชนิดเม็ดมากินไม่เกิดประโยชน์อันใด คนกลุ่มต่อมาคือคนที่เข้ารับการผ่าตัดกระเพาะทิ้งบางส่วน เนื่องจากสารดูดจับบี ๑๒ สร้างในกระเพาะ เมื่อตัดกระเพาะทิ้ง ปริมาณสารดูดจับก็น้อยลง เกิดภาวะขาดวิตามินบี ๑๒ หลังผ่าตัดได้
นอกจากนี้ การตัดลำไส้เล็กส่วนปลาย ก็ทำให้เซลล์รับบี ๑๒ ถูกทำลายก่อภาวะขาดบี ๑๒ เรื้อรังได้เช่นกัน
กรดในกระเพาะทำหน้าที่ปลดปล่อยบี ๑๒ จากอาหารโปรตีนที่เรากิน ผู้ป่วยบางคนลดการหลั่งของกรดในกระเพาะ เมื่ออายุมากขึ้น จะเสี่ยงต่อภาวะขาดวิตามินและมีอาการทางประสาท หากพบภาวะการไม่ประสานงานของระบบสมอง มือสั่นสับสน ให้ระลึกถึงภาวะขาดบี ๑๒ ไว้ด้วย

ผลของการขาด

o อาการที่บ่งบอกว่าขาดวิตามิน บี12 เกิด โรคโลหิตจางชนิดร้ายแรงที่เรียกว่า เพอร์นิเซียส แอนนีเมีย เนื่องจากการขาดปัจจัยภายในน้ำย่อยจากกระเพาะอาหาร ทำให้มีการอ่อนเพลียเบื่ออาหาร เหนื่อยง่ายความจำเสื่อม อารมณ์เปลี่ยนแปลงทำให้ทำสมาธิได้ยาก มีอาการมึนงง เดินไม่ถนัดเจ็บจี๊ด ๆ ตามผิวหนัง และเสียความสมดุลของร่างกาย
อาการที่ไม่พึงปรารถนาของวิตามินชนิดนี้ ถ้าใช้รับประทานจะไม่ค่อยปรากฎ นอกจากใช้ฉีด จะมีอาการแพ้บ้างแต่น้อยราย
o การขาด วิตามินบี 12 เป็นเหตุให้ไขกระดูกไม่สามารถผลิตเม็ดเลือดแดงให้เจริญเต็มที่ได้ เม็ดเลือดแดงนี้จึงไม่ถูกแบ่งตัว จะมีขนาดใหญ่เรียกว่า เมกกะโลบลาสท์ (Megaloblast) และจะถูกปล่อยเข้ามาสู่กระแสโลหิตจึงทำให้ความสามารถในการนำ เฮโมโกบิน ไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ลดลง ทำให้เกิดโรคโลหิตจางชนิดเพอร์นิเชียสซึ่งมีอาการคือผิวหนังมีสีเหลืองอ่อน ๆ คลื่นไส้ หายใจขัดข้อง ท้องอืด น้ำหนักลด ลิ้นอักเสบ มีความผิดปกติของระบบประสาทและเดินไม่ตรง เป็นต้น
o ปัจัยที่ส่งผลให้ขาด วิตามินบี 12
+ สาเหตุ ของการขาดวิตามินส่วนใหญ่จะเนื่องมาจากการที่ร่างกายไม่สามารถดูดวิตามินได้ ซึ่งอาจจะเนื่องมาจากไม่มี binding Protein ที่ปล่อยออกมาจากกระเพาะอาหาร
+ ปัจจัยทางพันธุกรรม ซึ่งมีผลต่อการขนส่งและการดูดซึมวิตามิน
+ บุคคล ที่รับประทานอาหารมังสวิรัตที่เคร่งครัดโดยที่ไม่รับประทานไข่ไม่ดื่มน้ำนม และผลิตภัณฑ์นม และไม่รับประทาน วิตามินเสริมจะทำให้ขาด วิตามินบี 12 ที่ได้รับจากอาหารไม่พอ
+ การตัดกระเพาะอาหารบ้างส่วนออก การเป็นโรคท้องเสียเรื้อรัง หรือเซลล์เยื่อบุกระเพาะอาหาร และลำไส้เสื่อม ทำให้มีการดูดซึมผิดปกติได้
+ ในผู้สูงอายุจะขาดวิตามินเนื่องจากความผิดปกติของ ระบบน้ำย่อยในกระเพาะอาหารทำให้การดูดซึมวิตามินจากอาหารเป็นไปได้ไม่ สมบูรณ์เพราะการผลิต Intrinsic factor ลดลง

ประโยชน์ต่อร่างกาย

  • ในไขกระดูก วิตามินบี 12 จะมีหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ช่วยในการเร่งปฎิกิริยาการสังเคราะห์ DNA (Deoxyribonycleic Acid) เพราะถ้าไม่มีการสังเคราะห์ DNA เซลล์สร้างเม็ดเลือดแดงจะไม่เกิดการแบ่งเซลล์แต่จะขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นเซลล์สร้างเม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่ (Megaloblast) และจะถูกส่งเข้าสู่กระแสโลหิตแทนที่จะเป็นเม็ดเลือดแดงที่ปกติ
  • วิตามินบี 12 มีความเกี่ยวพันในการทำงานใกล้ชิดกับกรดอะมิโน กรดแพนโท เธ็นทิคและวิตามิน ซี มีความจำเป็นสำหรับสร้างเม็ดโลหิตแดง
  • เป็นสิ่งจำเป็นในการเมแทบอลิซัมของโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต
  • ช่วยทำให้เหล็กทำงานได้ดีขึ้นในร่างกาย
  • ช่วยการสังเคราะห์เมไทโอนีน และโคลีน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการที่ช่วยป้องกันการสะสมไขมันในตับ (Lipotropic Factors)
  • มี ฤทธิ์กระตุ้นการเจริญเติบโตในเด็ก Underdeveloped และ Undernourished เด็กพวกนี้มักขาด วิตามินบี 12 และวิตามินอย่างอื่นด้วย เมื่อให้ วิตามินบี 12 จะเพิ่มความอยากอาหาร กินอาหารได้มากขึ้น แต่ในเด็กที่เจริญเติบโตเป็นปกติไม่ขาดวิตามินนี้ การให้ วิตามินบี 12 จะไม่มีผล
    o ช่วยในการนำวิตามิน เอ ไปไว้ที่ตามเนื้อหนังของร่างกาย โดยการช่วยการดูดซึมแคโรทีน และการเปลี่ยนแคโรทีนเป็นวิตามิน เอ
  • ช่วยให้มีความกระชุ่มกระชวย กระปรี้กระเปร่า
  • มีหน้าที่เผาผลาญกรดไขมัน ซึ่งช่วยในการรักษาสภาพของแผ่นพังผืด ที่เป็นชั้นห่อเส้นประสาท (Myelin Sheet)
  • ทำหน้าที่เก็บพลังงานในกล้ามเนื้อ
  • ทำหน้าที่ละลายพิษของสารไซยาไนด์ (Cyanide) เป็นยาพิษอย่างแรง อาจพบในอาหารและบุหรี่

ประโยชน์ที่ค้นพบใหม่

เราเพิ่งสามารถสกัดวิตามินบี ๑๒ ได้เมื่อปีค.ศ.๑๙๔๘ นี้เอง ดีงนั้นในช่วงแรกๆ จึงมีความรู้ความเข้าใจคุณประโยชน์ของมันไม่มากนัก แนวคิดดั้งเดิมมองว่าวิตามินบี ๑๒ ทำหน้าที่เพียงบำรุงประสาทและสมอง แต่ต่อไปนี้คือผลการศึกษาใหม่ๆใน วงการแพทย์ ยุคโลกาภิวัตน์ ผมขอนำมาเล่าให้ฟังเพื่อเพิ่มพูนความรู้ครับ

การเพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย

ทุกวันนี้เป็นที่ยอมรับในหมู่นักวิชาการรุ่นใหม่ว่า ผู้ป่วยที่ขาดวิตามินบี ๑๒ จะเงื่องหงอยเซื่องซึม และไม่มีเรี่ยวแรงจนเห็นได้ชัด และอาการจะกลับหายเป็นปรกติทันทีเมื่อได้รับ วิตามินครบตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ
วิตามินบี ๑๒ ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อ เมื่อต้องผลิตพลังงานเนพิเศษ มันเกี่ยวข้องกับความอยากอาหาร อารมณ์ พลังงาน และการหลับ
มีการอ้างอิงจากแพทย์หลายท่านว่า การให้วิตามินบี ๑๒ ในคนปรกติที่ไม่ได้ขาดวิตามิน แต่อ่อนล้าเนื่องจาก ความเครียดทำงานหนัก หรือฟื้นไข้ ก็สามารถทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวยขึ้นมาได้
จดหมายจากแพทย์ท่านหนึ่งถึง วารสารการแพทย์ Medical World News กล่าวว่ามีแพทย์นับพันที่ค้นพบว่าวิตามินบี ๑๒ สามารถ ช่วย ผู้ป่วยทุเลาจากโรคไวรัสและแบคทีเรียเร็วขึ้น และแพทย์บางคนให้วิตามินบี ๑๒ กับผู้ป่วยหลังผ่าตัด มันช่วยให้อยากอาหาร และเร่งพลังงาน ผลที่กล่าวนี้ได้จากการทำเวชปฏิบัติโดยยังมิได้ ศึกษาอย่างเป็นทางการ หมายความว่าบอกต่อๆกันโดยมิได้พิสูจน์อย่างจริงจัง และเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ครับ

การบำรุงประสาทและสมอง

วิตามินบี ๑๒ มีความสำคัญต่อเนื้อเยื่อหุ้มประสาท ซึ่งทำหน้าที่คล้ายเป็นฉนวนป้องกันคลื่นไฟฟ้ามิให้ กระจายจากเซลล์ประสาท สู่เนื้อเยื่ออื่น การขาดวิตามินตัวนี้จะทำให้เยื่อหุ้มประสาทผิดปรกติ เกิดกระแสไฟฟ้าประสาทลัดวงจร ทำให้การทำงานผิดเพี้ยน หลายประการ เช่น สูญเสียจังหวะการเดิน ร่างโอนเอนไม่อยู่นิ่ง แขนขาขยับไม่สัมพันธ์ จนถึงสูญเสียการทรงตัว

วิตามินสำหรับนักมังสวิรัต

ทุกวันี้ชาวมังสวิรัติและแมโครไบโอติค กำลังตระหนักอันตรายจากภาวะขาดวิตามินบี ๑๒ แล้ว โดยเฉพาะในเด็กที่รับประทาน อาหาร มังสวิรัติ ตามผู้ปกครอง เคยเชื่อกันว่า ซุปเต้าหู้เทมเป้ และโปรตีนพืชเป็นแหล่งวิตามินบี ๑๒ เพียงพอ แต่ทุกวันนี้ผล การพิสูจน์พบว่า ไม่จริง นักมังสวิรัติส่วนใหญ่ขาดวิตามินบี ๑๒ โดยเฉพาะเด็กๆจะขาดมาก น่าเป็นห่วง ดังนั้น โดยทั่วไปคนรับ ประทาน มังสวิรัติ หรือกินเจ ติดต่อกันนานๆ จะต้องระวังดูแลภาวะขาดวิตามินให้ดี เลือกทานยีสต์อัดเม็ดหรืออาหารผสมยีสต์ หรือเสริมวิตามิน ชนิดเม็ดจะดีที่สุด โชคดีที่วิตามินตัวนี้ต่างจาก วิตามินบีตัวอื่นตรงที่มีการสะสมไว้ในตับ และปริมาณที่ใช้ในแต่ละวันน้อยมาก จึงอาจจะใช้เวลานานกว่า ๖ เดือน ถึงสองปีกว่าจะแสดงให้เห็นอาการขาดวิตามินบี ๑๒ ให้ปรากฏเห็นชัด หากเป็นไปได้ น่าจะเดินสายกลาง ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป คือทานนมและไข่ไม่มีเชื่อร่วมด้วย เพื่อสุขภาพของท่านเองครับ

การต้านพิษของสารเจือปนในอาหาร

การศึกษาคุณประโยชน์แง่นี้ยังมีไม่มากนัก แต่ก็ได้พบผลน่าพอใจว่า วิตามินบี ๑๒ สามารถจับสารพิษจำพวกซัลไฟท์(สารฟอกขาว) และวัตถุกันเสียที่มีในอาหาร คนบางคนแพ้สารพวกนี้ในอาหาร ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ คัดจมูก หายใจไม่ออก มีการทดลองให้ผู้ป่วย ที่แพ้สารฟอกขาวในอาหารจำนวน ๑๘ คน ได้รับประทานวิตามินบี ๑๒ ในขนาด ๒,๐๐๐ ไมโครกรัม พบว่า ๑๗ คนอาการดีขึ้น และเมื่อทดลองซ้ำโดยใช้ยาหลอกร่วมด้วย ผลที่ได้คงเป็นเช่นเดิม
บางท่านที่เป็นโรคภูมิแพ้โดยไม่ทราบสาเหตุ น่าจะลองคิดถึง สารฟอกขาว หรือ วัตถูกันเสียในอาหาร สิ่งที่คนส่วนใหญ่มองข้าม
และสำหรับคนที่รู้ตัวว่า แพ้วัตถูกันเสีย วิตามินบี ๑๒ ในขนาดวันละ ๒,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ ไมโครกรัม ช่วยบรรเทาอาการได้ในผู้ป่วยบางคน
บี ๑๒ มีพิษต่ำมาก แต่หากคิดจะทดลองใช้กับตัวเอง ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรที่คุณคุ้นเคยก่อนก็ดีครับ

แหล่งวิตามินบี ๑๒ ในอาหาร

แหล่งของวิตามินบี 12

  • เนื้อ, ตับ, ไข่กุ้งและผลิตภัณฑ์นมเป็นแหล่งสำคัญของวิตามินบี 12 ถ้าคุณอยู่ในสุขภาพดีคุณจะได้รับ 2 ไมโครกรัมของวิตามินบี 12 ที่ร่างกายต้องการโดยเพียงการกินไข่บาง
  • ผลิตภัณฑ์ตับ, หอย, เนื้อปลาและนม
  • ผักทะเลจำนวนมากเช่น dulse สาหร่าย, สาหร่ายทะเล, kombu และโนริแอนะล็อกมีวิตามินบี 12 ซึ่งปรากฏคล้ายกับวิตามิน B12
  • แต่เนื่องจากจำนวนน่ากลัวของผู้ที่ไม่สามารถดูดซึมวิตามินบี 12 ได้ง่ายในระบบอาหารมังสวิรัติมากเสริมด้วยวิตามินบี 12 เช่นผลิตภัณฑ์ข้าว Nutri, ยีสต์อาหารและผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองที่มี แหล่งอื่น ๆ ของวิตามินบี 12 เป็นนมถั่วเหลืองเสริม

ส่วนใหญ่จะอยู่ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ตับและไต ซึ่งมีวิตามินนี้ในปริมาณสูงมาก เช่นเดียวกับเนื้อปลาทุกชนิด ล้วนเป็นแหล่งอุดม ด้วยวิตามินบี ๑๒ ชาวมังสวิรัติเดือนร้อนแน่ เว้นแต่จะยอมปรับรับประทานนมหรือไข่ที่ไม่มีเชื้อ หรือเสริมด้วยวิตามินสำเร็จรูป
จากการวิเคราะห์เทมเป้ ๑๒ ชนิด ซุปเต้าหู้ ๑๒ ชนิด สาหร่ายทะเล สไบรูลิน่าและอื่นๆเพื่อหาปริมาณวิตามินบี ๑๒
ผลการการศึกษาไม่พบวิตามินบี ๑๒ เลยในทามาริ พบน้อยมากในเทมเป้ ส่วนสาหร่ายทะเลที่ผ่นกรรมวิธีแล้วจะเหลือวิตามินบี ๑๒ น้อยเช่นกัน และบี ๑๒ ในพืชก็เป็นเพียงสารโครงสร้างคล้ายวิตามินบี ๑๒ ซึ่งต้องไปเปลี่ยนแปลงในร่างกาย และใช้ประโยชน์ได้น้องลงไปอีก

พิษของวิตามินบี ๑๒
อาจกล่าวได้ว่าวิตามินบี ๑๒ มีพิษน้อยมากเมื่อรับประทาน ไม่เคยมีรายงานพิษทั้งในไทยและต่างประเทศ แต่อาจมีรายงานปฏิกิริยา ข้างเคียงบ้างสำหรับชนิดฉีด

ปริมาณที่แนะนำ

o คน ปกติจะมี วิตามินบี 12 ทั้งหมดทั้วร่างกายประมาณ 5000 ไมโครกรัม ฉะนั้น วิตามินบี 12 จึงเป็นวิตามินชนิดเดียวที่ร่างกาย สามารถเก็บไว้ได้เป็นจำนวนมาก โดยเก็บไว้ที่ตับมากที่สุด คือ ประมาณ 1,700 ไมโครกรัม

  • ทารก
    3 - 8 เดือน 0.4 ไมโครกรัมต่อวัน
    9 - 11 เดือน 0.5 ไมโครกรัมต่อวัน
  • เด็ก
    1 - 3 ปี 0.7 ไมโครกรัมต่อวัน
    4 - 6 ปี 1.0 ไมโครกรัมต่อวัน
    7 - 9 ปี 1.3 ไมโครกรัมต่อวัน
  • ผู้ที่อายุ 10 ปีขึ้นไป
    2.0 ไมโครกรัมต่อวัน
  • หญิงตั้งครรภ์
    +5.0 ไมโครกรัมต่อวัน
  • หญิงให้นมบุตร
    +5.0 ไมโครกรัมต่อวัน

ผลของการได้รับมากไป

จะกระตุ้นการสลายตัวของกรดนิวคลีอิก ทำให้กรดยูริกเพิ่มขึ้น จึงควรระวังในผู้ป่วยโรค gout

วิตามินบี 12 เป็น Coenzyme ที่จำเป็นสำหรับ Intermediary Metabolism และร่างกายต้องการ วิตามินบี 12 สำหรับการสังเคราะห์ RNA DNA และการเจริญเติบโตตามปรกติของเม็ดเลือดแดง วิตามินบี 12 มีผลต่อการดูดซึม และการใช้โฟเลทในร่างกาย

วิตามินบี 12 หรือ Cobalamin เป็น Coenzyme ที่จำเป็นสำหรับ Enzyme 2 ชนิด คือ Methionine Synthase และ L-Methylamlonyl Coamutase Methionine Synthase ทำหน้าที่ Catalyze ปฎิกิริยาการหมุนเวียนของ Hemoeysteine ไปเป็น Methionine โดยใช้ 5-Methyltetrahydrofolate เป็น Coenzyme วิตามินบี 12 ที่มาจากสัตว์ จะอยู่ในรูปแบบที่รวมอยู่กับ โปรตีนจะถูกสลายในกระเพาะอาหาร โดยกรดเกลือและ Pepsin เพราะฉะนั้นภาวะแวดล้อม ในกระเพาะอาหารจะมีความสำคัญกับการดูดซึม วิตามินบี 12 โดยจะไม่มีการเก็บวิตามินไว้ในเซลล์

คุณสมบัติ เป็น ผลึกสีแดงเข้ม ละลายได้ในน้ำและแอลกอฮอล์ ไม่ทนต่อกรด หรือด่างแก่และแสง โดยมีสูตรโครงสร้างสลับซับซ้อน คล้ายเฮโมโกบิน แต่ต่างกันตรงที่ วิตามินบี 12 มีโคบอลท์อยู่ 1 อะตอม แต่เฮโมโกบิลมีเหล็กอยู่ วิตามินนี้ต่างจาก วิตามิน บี ตัวอื่นคือ พืชไม่สามารถสังเคราะห์ได้ วิตามินบี 12 ที่มีอยู่ในร่างกายมีหลายแบบ ซึ่งเรียกรวม ๆ ว่า โคบาลามิน แต่แบบที่มีฤทธิ์มาก จะเป็นผลึกสีแดงเข้มเรียกว่า ไชยาโนโคบาลามิน (Cyanocobalamin) วิตามินบี 12 ที่มีขายในท้องตลาดและมีฤทธิ์สูงกว่าในทางยา ได้แก่ ไฮดรอกโซโคบาลามิน (Hydroxocobalamin)

B12 derivatives

สรุป
วิตามินบี ๑๒ มีมากในเนื้อสัตว์ ถ้าคุณไม่ใช่มังสวิรัติแบบเคร่งครัด ไม่ต้องกังวลว่าจะขาดบี ๑๒ คนที่ควรระวังคือ ผู้สูงอายุ ซึ่งอาจสังเกตเห็นอาการอารมณ์แปรปรวน การเคลื่อนไหวบกพร่อง มีปัญหาเรื่องสมาธิและความจำชาวมังสวิรัติและแมโครไบโอติด ควรดูแลตัวเองให้ดีโดยเฉพราะเมื่อตั้งครรภ์ แต่ถ้าคุณขาดบี ๑๒ จริง การซื้อยามากินก็อาจไม่เกิดผลอะไรเลยก็ได้ เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ ที่การกิน แต่มักเป็นเรื่องของการดูดซึมที่สูญเสียประสิทธิภาพ