สอนเพื่อนให้รวย

ชื่อหนังสือ : สอนเพื่อนให้รวย
ผู้เขียน : ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร
สำนักพิมพ์ : เนชั่นบุ๊คส์
พิมพ์ครั้งที่ : 11 กุมภาพันธ์ ปี 2552
จำนวหน้า : 192 หน้า
ราคา : 165 บาท
ISBN : 9 7 8 – 9 7 4 – 2 2 4 – 5 5 5 - 9

ผู้สรุปและวิเคราะห์ : นางสาวนารี สุดชา นิสิต GM491 รหัส 49010913030

แนะนำหนังสือ

เคล็ดลับการออม การลงทุน สู่ความมั่งคงอย่างยั่งยืน คือหนังสือ “สอนเพื่อนให้รวย” เปรียบเสมือนเข็มทิศการออมและการลงทุนที่หากคุณได้อ่านและหยิบไปปฏิบัติ โอกาสที่จะเดินตามเส้นทางรวยอย่าง ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ก็คงจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม อดีตท่านเป็นที่ปรึกษากฎหมายของธนาคารโลก ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเกี่ยวกับการเงินและภาษี ระดับแนวหน้าของประเทศ ได้หันมาจับปากกาเขียนหนังสือ ซึ่งท่านได้เขียนหนังสือเล่มนี้ ได้เล่าจากประสบการณ์จริงของท่านเกี่ยวกับเรื่อง การออมกับการลงทุน คนที่อยากจะรวยต้องอดทนกับการอ่านหนังสือ “สอนเพื่อนให้รวย”เล่มนี้จนจบ แล้วนำสิ่งที่ได้อ่าน ไปคิดหรือปฏิบัติตาม ก็ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

สาระสำคัญของหนังสือ

คนเราเกิดมามิใช่จะเพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง

การได้สิ่งๆนั้นมาอาจจะเจออุปสรรคหรือสิ่งต่างๆมากมาย ถ้าได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง จะเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต แต่ถ้าเราได้มาแล้ว เราต้องใช้สิ่งๆนั้นให้เป็นประโยชน์ ให้คุ้มค่ากับการได้มา ถ้าถามว่า “ ทุกคนมีสิทธิรวยหรือไม่ ” สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ตอบได้ไม่ยาก คนรวยกับคนจน เราเลือกได้ โดยการวางแผนปฏิบัติตัวในสิ่งที่เราอยากจะทำ ทำให้ถึงเป้าหมาย มีวินัย เสมอต้น เสมอปลายในตัวเองและให้ตลอดรอดฝั่ง อย่างที่ท่านได้กล่าวถึงคนที่รวยจะต้องมีสิ่งๆนี้

- มีบ้านเป็นของตนเอง โดยไม่ติดหนี้จำนอง
- ไม่มีหนี้ใดๆ แม้กระทั่งบัตรเครดิต
- มีรายได้พอกับค่าใช้จ่าย
- มีเงินออมยามเจ็บป่วย
ฟังดูแล้วว่าอาจจะเป็นสิ่งที่ทำหรือปฏิบัติได้ยาก แต่ดิฉันเชื่อว่า การคิดที่จะลงมือทำและทำอย่างมีวินัยกับตัวเอง จะสามารถทำให้คุณรวยได้ แต่ถ้าทุกๆคนคิดว่าไม่สำคัญอะไรมากนัก ทุกคนก็จะไม่มีวันรวยได้

สิ่งที่จะช่วยให้คุณรวยได้ คือ ปัญญา

ปัญญา อาจจะหมายถึง ความรู้ในเรื่องทั่วไปกับความรู้ที่เราถนัดทำ เพื่อให้ชนะคู่แข่งขันได้การใช้ด้วยปัญญาเป็นผู้นำ จะสามารถขับเคลื่อน กำลังกายทำงานได้ดีเพิ่มขึ้น แล้วการหาความรู้ใหม่ให้กับตนเอง และที่สำคัญ เราต้องใช้ปัญญาให้เป็น ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่งที่ต้องเรียนรู้เพิ่ม ตัวอย่างเช่น ตัวดิฉันเก่ง เรื่อง การตลาดกับงานศิลปะแต่ไม่เก่งเรื่องภาษาเลย ดังนั้น ก็ต้องเรื่องรู้กับภาษาต่างๆ อย่างน้อย 2 ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ เป็นวิชาที่ทุกคนต้องเรียนรู้ อ่านเป็น เขียนเป็น สามารนำมาใช้ในการทำธุรกิจ และติดสื่อสารได้

แม้กระทั่งการเสริมความรู้ให้กับครอบครัว

ครอบครัวเป็นสิ่งกระตุ้นให้การทำงานมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเราต้องแสวงหาสิ่งที่ดีให้กับครอบครัวและตัวเอง เพื่อช่วยสร้างฐานะความมั่นคงในครอบครัว การรู้จักใช้ทรัพย์ในตัวเอง มนุษย์แต่ละคนถือว่าเป็น ทรัพย์ที่มีค่าอย่างยิ่ง ซึ่งเราควรใช้ให้เกิดประโยชน์โดยเฉพาะวัยหนุ่มสาว จะมีกำลังกายกับกำลังใจ ที่จะฉวยโอกาสทำงานและเรียนรู้ ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ สิ่งนี้ก็สามารถทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้น

ถ้ากล่าวถึง เป้าหมาย

ทุกคนอาจจะมีหรือไม่มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต ขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นๆ ที่จะสร้างวัตถุประสงค์ของตนเอง และใช้ชีวิตแบบพอดี ไม่สิ้นเปลือง รู้จักการช่วยเหลือตัวเองได้ จะถือว่าเป็นเป้าหมายของทุกคน อีกประเด็นหนึ่งที่ ท่าน ดร.เป้ง ได้กล่าวว่า “ คนวัยหนุ่มสาวถ้าเริ่มต้นออมเร็ว ย่อมจะบรรลุถึง ความมั่งมีเร็ว ” จะเห็นได้ว่า ช่วงเวลาที่เรามีร่างกายที่แข็งแรงควรจะเริ่มที่จะออมตั้งแต่อายุยังเด็ก ออมในที่นี้ จะเกิดมาจากรายได้หรือการประกอบอาชีพ เช่น อาชีพรับจ้างที่เป็นมนุษย์เงินเดือน เปิดกิจการเป็นของตัวเองหรือทำอะไรก็ได้ ซึ่งได้มาเกิดเป็นรายรับของตัวเงิน
ในการดำเนินชีวิตประจำวัน มีทั้งพลังกายและที่สำคัญพลังใจที่จะสู้กับการทำงานและท่าน ดร.เป้ง ได้นำแบบอย่างผู้ประสบความสำเร็จมา 3 บริษัทห้างร้านด้วยกัน

1. Jim Thompson
เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับส่งออกไหม ไม่ว่าจะเป็นผ้าไหมไทยและข้าวของเครื่องใช้ที่ทำด้วยผ้า ได้ดำเนินธุรกิจนี้มาไม่ต่ำกว่า 50-60 ปี ซึ่งในช่วงปี 2540 หรือช่วงเกิดเหตุฟองสบู่
มีบริษัท Jim Thompson ที่ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม บริษัทนี้ยิ่งมีความเจริญรุงเรือง มีกำไรสูง โดยเขาพัฒนา Brandname ทั่วโลก ให้เป็นที่รุ้จักว่า เส้นไหมทุกเส้นของไทยที่ผลิตมา มีคุณภาพดี มีขั้นตอนที่ละเอียดในการลงลวดลายไทยบนผ้าไหม โดยต่างประเทศอาจไม่นิยมศิลปวัฒนธรรมไม่ตรงกัน ก็ต้องจ้างชาวต่างชาติมาออกแบบ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งจะเห็นได้ว่า บริษัท Jim Thompson สร้างรายได้มีกำไรปีละหลายร้อยล้านบาทเลยทีเดียว
2. MK สุกี้
ปัจจุบันคนอาจจะหันมาใส่ใจกับการกินมากขึ้น อาหารที่ครองใจลูกค้าและครองตลาดใหญ่นี้คือ สุกี้ จุดเด่นของ MK ที่เห็นได้ชัดคือ

1. ยี่ห้อ เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
2. ลูกค้าเลือกทานได้ ปรุงเองได้
3. อาหารทุกอย่างสะอาดมีมาตรฐาน
4. พนักงานใส่ใจกับการทำงาน
5. เปิดหลายสาขา เช่น Big C Lotus Carrefour และศูนย์การค้าอื่นๆ

จุดเด่นของ MK ซึ่งยกมา 5 ประการ จะเห็นได้ว่า MK สามารถขายและทำกำไรสูง ผู้บริหารของ MK บอกว่า ต้องสร้างความน่าเชื่อถือ โดยมี Brandname ที่แพร่หลายถือว่าเป็นหัวใจของการประสบผลสำเร็จนี้ด้วย
3. Starbucks
เป็นร้านกาแฟที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้บริหารได้พัฒนาเครื่องหมายยี่ห้อแบบต่อเนื่องและมีผู้บริหารระดับอาวุโสคอยดูแลเครื่องหมายการค้าอีกด้วย บริษัทจึงมีความแข็งแกร่ง และสามารถทำธุรกิจนี้ได้อย่างดี
เมื่อเราเห็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จแล้ว ในการประกอบธุรกิจต่างๆของเราเอง อาจมีความผิดพลาดหรือทำอะไรแล้วไม่ประสบผลสำเร็จตัวอย่างเช่น การตั้งเป้าเพื่อให้ได้เกรดเอ ของวิชากฎหมาย แต่กลับได้เกรดบี สาเหตุคือ ข้อเขียนทำไม่ได้ ทำได้แต่ข้อกา ดังนั้น เมื่อผิดพลาดมา เราต้องมาคิดวิเคราะห์ดูว่า ทำไม ไม่ได้เกรดเอ เมื่อรู้สาเหตุแล้วก็ต้องสามารถแก้ไขกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้นโดยเร็ว

ต่อมาเรามารุ้จักคำว่า ประหยัด กันดีกว่า

การประหยัด หมายถึง การใช้จ่ายเฉพาะในสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งการประหยัดจะอยู่ตรงกลางระหว่างคำว่า ตระหนี่กับฟุ่มเฟือย คือ ถ้าตระหนี่ก็หมายถึง การไม่ยอมใช้จ่ายแม้ในสิ่งที่จำเป็น ส่วนคำว่า ฟุ่มเฟือย ก็หมายถึงการใช้จ่ายที่เกินจำเป็น การประหยัดจึงเป็นทางสายกลางของการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง และท่าน ดร. เป้ง ได้กล่าวไว้ว่า หากคนเราไม่ประหยัดแล้ว หาเท่าไหร่ก็ไม่พอกิน พอใช้ ท่านได้ให้หลักการประหยัดมีดังนี้

  1. ประหยัดในขณะที่หาเงินมาได้เช่น เงินเดือน ฯลฯ
  2. ต้องประหยัดตอนอายุยังน้อย
  3. ออมอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ มีวินัยกับตนเอง
  4. ห้ามสร้างหนี้ เพราะมันจะทำให้มีภาระเพิ่มขึ้น
  5. ใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น
  6. ระวังเรื่องเงินเฟ้อ ประเทศไทยมีโอกาสต่ำประมาณ 30%

ดังนั้น อยากจะรวยต้องประหยัด เพื่ออนาคตเขาตนเองกับครอบครัว เรายังไม่รู้ว่าชีวิตเราจะมีอะไรเกิดขึ้น จะอยู่ได้นานแค่ไหน สิ่งที่เราสร้างขึ้นมานี้ เพื่อให้ครอบครัวที่มีกิน มีใช้ และมีความอบอุ่นในครอบครัว

สำหรับเรื่องการลงทุน

เรามารู้จักคำว่า สินทรัพย์ ที่ท่านได้กล่าวมา สินทรัพย์เราจะแบ่งออกเป็นสินทรัพย์ที่ใช้ได้ และสินทรัพย์ที่ใช้ไม่ได้ สินทรัพย์ที่ใช้ได้ เช่น บ้าน คอนโด และอพาร์ตเมนต์ เป็นสิ่งที่ต้องลงทุนสิ่งแรก สามารถเป็นทุนต่างๆได้ เมื่อสร้างการลงทุน สิ่งที่เกิดตามมาเพื่อให้ได้ผลกำไรและค่าตอบแทน กับการใช้ชีวิตในการทำงานได้มากขึ้น ส่วนสินทรัพย์ที่ใช่ไม่ได้ คือ เงินฝากแบงก์ หุ้น กองทุนต่างๆ เป็นส่วนที่ตัวเองต้องประหยัดให้กับตนเอง และในครอบครัว หรือแม้กระทั่งในยามเจ็บป่วย ฉุกเฉิน เราก็สามารถเอาทุนนี้มาใช้ประโยชน์ได้มาก เป็นต้น

หุ้นกับกองทุนเป็นเช่นไร

หุ้นกับกองทุนเป็นทรัพย์สินเพื่อที่จะลงทุนในการประกอบกิจการ โดยมีข้อดีของการลงทุนกับหุ้นคือ มีเงินปันส่วนอย่างสม่ำเสมอ เหมือนกับการฝากแบงก์ แต่การลงทุนกับหุ้นก็มีความเสี่ยงมากกว่าทรัพย์สินเช่นกัน ท่าน ดร.เป้ง ได้กล่าวบอกในรายการ ดร.สุวรรณชี้ทางรวย วิทยุ FM 89.5 แนะนำให้คำนึงถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้วย เพราะ เป็นการซื้อทรัพย์สินที่มีค่าและถ้าซื้อเลือกในทำเลที่ดี ก็มีโอกาสได้กำไรมากกว่าการซื้อหุ้น หากต้องการลงทุนกับหุ้น ถ้าคิดว่าตัวเราเองไม่มีความชำนาญพอ อาจจะเลือกวิธีการซื้อกองทุน มีบริษัทจัดการกองทุน หรือ(บลจ) ถ้าเป็นกองทุนหุ้น จะขายหน่วยละ 10 บาทกองทุนตราสารหนี้ บลจ. จะเอาเงินส่วนใหญ่ไปลงตราสารเป็นพันธบัตร หุ้นกู้ หรือ ตั๋วเงิน โดยผลที่ได้ดอกเบี้ยเป็นรายวัน
จะสังเกตได้ว่า ในช่วงที่ดอกเบี้ยขาขึ้น จะขาดทุน แต่ทางตรงกันข้าม หากดอกเบี้ยอยู่ในขาลง จะได้กำไรเพิ่ม ด้วยเหตุนี้ การซื้อหุ้นในกองทุนตราสารหนี้ก็มีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่โอกาสผันผวนค่อนข้างมีน้อยมาก

แล้วเจะลงทุนอย่างไร ให้คลายกังวล

ท่านได้บอกหลักการง่ายๆที่คิดจะลงทุน โดยไม่ต้องกังวล มีดังนี้

  1. เริ่มลงทุนแต่น้อย โดยใช้ข้อมูลจากประสบการณ์ในการลงทุน จะช่วยป้องกันความเสี่ยงได้มากและจะช่วยในการตัดสินใจดีขึ้น อย่างที่คติประจำใจของท่าน คือ ต้องมีชีวิตอยู่ ด้วยความหลัง อดีตเป็นบทเรียนที่ดีเสมอ
  2. ลงทุนด้วยเงินเยน เป็นเงินที่เราออมสะสมโดยไม่ได้กู้ยืมใครมา ถ้าจะลงทุนก็ต้องออมไว้คือ ลงทุนกับหุ้นหรือกองทุนเป็นบ้าน เป็นคอนโด ที่ดินและอื่นๆ เรามีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง
  3. เก็บเงินสดไว้พอใช้ ที่คาดว่าจะใช้ในช่วงระยะเวลา 6 เดือน ท่านควรมีเงินเพียงพอที่จะใช้จ่ายในครอบครัวได้อย่างน้อย 6 เดือน โดยไม่ได้ไปกู้ยืม
  4. ถ้าเริ่มลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย โดยท่าน ดร.เป้งได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว จะมีโอกาสรวยก่อน โดยชีวิตของคนเราไม่มีความแน่นอน อาจจะใช้เงินกะทันหัน จึงควรมีเงินออมใช้ยามฉุกเฉิน ดังนั้น การลงทุนเปรียบเสมือนกับการจัดทีมฟุตบอลเพื่อลงสนามแข่งขันนี่เอง

แม่บ้านช่วยดูแลการเงินได้

ถึงแม้ว่าผู้ชายจะเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่สมัยนี้หญิงเก่ง ก็ยิ่งมีมาก เมื่อเราแต่งงาน ก็ให้ภรรยาหรือสามีช่วยออมเงิน ช่วยกันทำมาหากิน โดยท่าน กล่าวว่า ช่วยกันออมเงินจะมีเงิน และค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 3-4 เท่า แล้วจะต้องช่วยประหยัด อดออม ควบคุมการใช้จ่ายด้วย

มีเงินเท่าใด จึงจะพอ

ท่าน ดร.เป้ง ได้กล่าวไว้ว่า การมีเงินทองที่ใช้จ่ายอย่างไม่คิด ก็จะไม่มีวันรวยและจะต้องดิ้นรนแสวงหาเงินอยู่ไปเรื่อยๆ ดังนั้น การรู้จักเริ่มออมตั้งแต่วัยรุ่นและวางแผนการเก็บที่ดี ก็จะได้เงินออมเร็วขึ้น มีเงินเก็บเพิ่มขึ้นด้วย

การบริหารหนี้สิน

หนี้ที่ท่าน ได้กล่าวมามี 2 แบบ คือ หนี้ที่จำเป็นกับหนี้ที่ไม่จำเป็น ไม่มีใครปฏิเสธว่าชีวิตนี้เราต้องกู้ยืมเงินหรือเป็นหนี้เป็นสิน ถ้าหากไม่กู้เราอาจจะพลาดโอกาสดีๆก็ได้

หนี้ที่จำเป็น คือ

  1. กู้เงินเพื่อซื้อบ้าน ทุกคนต้องมีบ้านเป็นของตัวเอง ราคาบ้านอาจจะเป็นหลายแสน หลายล้านบาท การที่เราจะหาเงินสดไปซื้อบ้านแทบจะไม่มี ต้องกู้และผ่อนไปเรื่อยๆ และได้แนะนำอีกว่า ถ้ามีความขยัน ซื่อสัตย์และเรียนรู้ต่อเนื่อง งานที่ทำจะก้าวหน้า เงินเดือนจะเพิ่มขึ้นตามด้วย จะมีเงินชำระหนี้ได้เร็วขึ้น การเลือกซื้อบ้านต้องเลือกทำเลที่ตั้งดีและให้มีความเหมาะสมในเรื่องราคาด้วย
  2. เพื่อซื้อรถยนต์ สำหรับคนที่เริ่มทำงาน มีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์โดยท่านแนะนำให้ซื้อรถยนต์ของญี่ปุ่น มีสภาพดีมือสองก่อน เมื่อใช้ได้ 3-4 ปี มีเงินเก็บที่เพียงพอค่อยเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ด้วยเงินออมของเราเอง
  3. หนี้ฉุกเฉิน คนที่ยังมีเงินออมอยู่ไม่มาก เมื่อประสบเหตุการณ์ร้ายขึ้น เราจะต้องมีเงินส่วนนี้ มาใช้ในยามฉุกเฉิน ซึ่งมีไม่มาก เราต้องไปยืมมาใช้ ถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น

หนี้ที่ไม่จำเป็น ในปัจจุบันคนเราชอบจับจ่ายซื้อ ด้วยความอยากได้และอยากมี ใช้เพื่อเชิดหน้าชูตา แม้จะต้องได้กู้ยืมมาเพื่อหาสิ่งๆนั้นก็ยอม เช่น เสื้อผ้าสวยๆ กระเป๋าแพงๆ สิ่งเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นมากนักในการดำเนินชีวิตและทำให้เราเพิ่มภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นอีกด้วย

เรามาขจัดหนี้ด้วยวิธี ดังนี้

  1. ตรวจสอบเอกสารและมูลหนี้ต่างๆว่า มีหนี้เท่าไร ผ่อนไปนานแค่ไหน และต้องเก็บเอกสารหลักฐานต่างๆที่สำคัญไว้ เพื่ออ้างอิงจนกว่าจะชำระหมด
  2. ตั้งเป้าชำระหนี้ เราจะต้องตั้งเป้าว่าจะใช้หมดกี่เดือน กี่ปี ถ้าหากเป็นหนี้ที่เขากำหนดเวลาชำระหนี้ไว้แน่นอนแล้ว เราต้องผ่อนคืนตามระยะเวลา
  3. จ่ายหนี้ดอกเบี้ยสูงก่อน ต้องดูว่าหนี้รายใดดอกเบี้ยสูง ก็รีบชำระคืนให้จนหมด
  4. หยุดก่อหนี้ใหม่
  5. เปลี่ยนตัวเจ้าหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ยหรือเรียกว่า Refinance คือ เจ้าหนี้ประเภทเดียวกันที่ให้ข้อเสนอที่ดีกว่า เราจะเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้หนึ่งไปอีกเจ้าหนี้หนึ่ง เช่น นาย ก. ผ่อนบ้าน
    ดอกเบี้ย 8% ต่อปีกับแบงก์เอ หากแบงก์บี เสนอผ่อนเพียง 6% ต่อปี ดังนั้น เราควรย้ายเงินกู้จากแบงก์เอไปแบงก์บี ซึ่งแบงก์บีได้ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าแบงก์เอ เป็นต้น
  6. มีวินัยด้านการเงิน โดยผ่อนหนี้อย่างสม่ำเสมอ
  7. ปรึกษาผู้รู้สำคัญ เมื่อเราเกิดปัญหาในเรื่องๆหนึ่ง ไม่รู้ทางออกของเรื่อง เราควรไปปรึกษาผู้รู้เพื่อไม่ให้โอกาสหรือใครสามารถเอาเปรียบเราได้
  8. ห้ามหนีหนี้

ดังนั้น 8 ข้อ ข้างต้นเป็นเพียงบางส่วน เราอาจจะสามารถกำหนดการชำระหนี้เองได้ดี แต่ที่สำคัญ คือต้องมีความตั้งใจ มีวินัย ใช้จ่ายให้น้อยลง ลดสิ่งฟุ่งเฟีอย ไม่ทำตามคนอื่น จะสามารถปลดหนี้ได้เร็วแน่นอนท่านดร.เป้ง กล่าว

การลงทุนด้วยการศึกษา

ทุนคนมีการศึกษาที่ดี แต่บางคนการศึกษาที่สูงและอีกบางคนการศึกษาต่ำ การเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญในสังคมต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง มีรูปแบบ ดังนี้
1. เข้าเรียนหลักสูตรสั้นๆมีการอ่านหนังสือและเชื่อฟังครูอาจารย์
2. เรียนรู้จากสื่อต่างๆ เช่น หนังสือ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต วิทยุ เป็นต้น
3. เรียนรู้เรื่องภาษา โดยเฉพาะภาอังกฤษ ที่ขาดไม่ได้ สามารถพูดได้ทุกที่
4. เรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ สิ่งที่ใช้หากินได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน เทคโนโลยี ศีลธรรมและจรรยาบรรณ ช่วยเสริมการทำงานได้ดีขึ้น

ประหยัดเวลาเพื่อเพิ่มรายได้

ท่าน ดร.เป้ง กล่าวว่า ไม่ว่าคนรวยหรือคนจน เวลามีเท่ากัน ในทุกวันทุกวินาที ที่มีค่า ต้องมีการวางแผนการบริหารที่ดี โดยมีหลักการ ดังนี้

1. ทำงานใกล้บ้าน ลดการเดินทางและค่าใช้จ่าย
2. ทำงานครั้งเดียวให้จบ บางคนทำงานที่แก้แล้วแก้อีก ไม่เสร็จสิ้นสักที ควรร่างงานก่อน แล้วค่อยแก้ไข 1 ครั้ง ก็จบ
3. หาผู้ช่วยลดเวลาทำงานให้กับตนเอง หาผู้ช่วยหรือเลขาที่เก่ง โดยให้เงินเดือนสูงหน่อย แล้วจะได้ประหยัดเวลาการทำงานและเงินในกระเป๋าอีกด้วย
4. ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ลดขั้นตอนการทำงาน ถือเป็นการปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อได้ประโยนช์จาก Intangibles เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่ช่วยให้การทำงานสั้นลง แล้วจะได้ผลงานที่ดี รายได้เพิ่ม เงินลงทุนจะเติบโตขึ้นกว่าการที่คุณไม่พัฒนาด้านนี้เลย