ธุรกิจแฟรนไชส์ Franchise

การเริ่มต้นธุรกิจ Franchise

ก่อนที่เราจะมาทำธุรกิจของเรา ให้อยู่ในระบบแฟรนไชส์นั้น ควรมาทำความเข้าใจก่อนว่า แฟรนไชส์นั้น หมายถึงอะไร เห็นหลายต่อหลายท่าน สอบถามเรื่องการทำแฟรนไชส์ มากมายพอสมควร

แฟรนไชส์ (Franchise)

1. มีรากศัพท์มาจากภาษาฝรั่งเศส คือ "Franchir" แปลว่า "สิทธิพิเศษ" "Franchise" แปลว่า สิทธิพิเศษที่บริษัทแม่มอบให้กับ ผู้ที่เข้าร่วมกิจการโดย สิทธิพิเศษนี้จะครอบคลุมระบบเกือบทั้งหมดเพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมกิจการนั้น สามารถทำธุรกิจได้แม้จะไม่มีประสบการณ์มาเลย
2. "แฟรนไชส์" หมายถึงกลยุทธ์ทางธุรกิจหรือตลาดในการกระจายสินค้า หรือบริการสู่ผู้บริโภคโดยหน่วยธุรกิจซึ่งประสบความสำเร็จ และต้องการขยายการจำหน่ายสินค้า หรือบริการของตน (บริษัทแม่) โดยผ่านหน่วยค้าปลีก (บริษัทสมาชิก) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอิสระ และทั้งสองฝ่ายได้ทำสัญญาหรือข้อตกลงร่วมกัน ภายใต้เครื่องหมายการค้าหรือบริการ เทคนิคการตลาดและอำนาจของบริษัทแม่ ในการควบคุมหน่วยธุรกิจนั้นเพื่อแลกกับการได้รับชำระค่าธรรมเนียม และค่ารอยัลตี้ (royalty) จากบริษัทสมาชิกดังกล่าว

 

แฟรนไชส์ (Franchise) หมายถึง ระบบธุรกิจที่ประกอบไปด้วยลักษณะสำคัญ 3 ประการคือ

  1. จะต้องมีเจ้าของสิทธิ์ (Franchisor) ถ่ายทอดวิทยาการ การทำธุรกิจทุกอย่างให้แก่ผู้รับสิทธิ์อย่างใกล้ชิด
  2. ผู้รับสิทธิ์ (Franchisee) จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม ในการใช้ชื่อการค้าเป็นค่าธรรมเนียม เริ่มแรก (Franchise Fee)
  3. ผู้รับสิทธิ์จะต้องจ่ายค่าตอบแทน (Royalty Fee) อย่างต่อเนื่องตามสัดส่วนของผลการดำเนินงาน อาจจะเรียกเก็บเป็นเปอร์เซ็นต์ ต่อเดือนหรือต่อปีจากยอดขาย หรือบางทีก็อาจจะเก็บจากยอดสั่งซื้อสินค้า

 

 

1. Product or Brand Franchise Wholesaler เป็นระบบแฟรนไชส์ที่ให้สิทธิ เพื่อจัดจำหน่าย (ค้าส่ง) ผลิตภัณฑ์ของ Franchisor รวมถึงการให้สิทธิในการใช้เครื่องหมายทางการค้าของผู้ผลิต
2. Business Format Franchise Retailer เป็นระบบแฟรนไชส์ที่ให้สิทธิ เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยมีการถ่ายทอดในวิธีการดำเนินธุรกิจแบบร้านมาตรฐาน (ค้าปลีก)
3. Conversion Franchise คือการนำธุรกิจที่มีอยู่แล้วมาร่วมตัวกัน เพื่อสร้างเครือข่ายซึ่งจะช่วยในการต่อรอง ซึ่งจะให้ประโยชน์ร่วมกันในด้านการโฆษณา ที่ทำให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น เช่น ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจรถเช่า บริษัททัวร์ ฯลฯ

 

ลักษณะของผู้ซื้อสิทธิ

แฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จได้ ส่วนใหญ่มาจากการคัดเลือกบุคลากรเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบงาน ผู้ซื้อสิทธิมีบทบาทสำคัญในการสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ลักษณะของผู้ซื้อสิทธิที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ มีดังนี้

  1. มีความมั่นใจตัวเองและความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้
  2. มีความกระตือรือร้น
  3. มีประสบการณ์หรือมีความเข้าใจระบบงาน
  4. มีประสบการณ์เคยเป็นเจ้าของธุรกิจมาก่อน
  5. รู้จักพัฒนาบุคลากร
  6. มีความอดทนต่อภาวะกดดัน และความเสี่ยง
  7. มีเงินทุน
  8. เต็มใจทำงานหนัก
  9. มีความสามารถในการขาย

 

องค์ประกอบของแฟรนไชส์
  1. แฟรนไชส์ซอร์ (Franchisor) หมายถึง ผู้ให้สิทธิที่เป็นเจ้าของชื่อทางการค้า เครื่องหมายการค้า และระบบการจัดการธุรกิจนั้น ๆ
  2. แฟรนไชซี (Franchisee) หมายถึง ผู้รับสิทธิในการดำเนินธุรกิจตามระบบที่เจ้าของสิทธิได้จัดเตรียมไว้ และใช้ชื่อทางการค้า เครื่องหมายการค้าเดียวกัน โดยต้องจ่ายค่าตอบแทนการใช้สิทธิ
  3. ค่าตอบแทนในการใช้สิทธิ
    3.1 แฟรนไชส์ฟีส์ (Franchise Fees)
    3.2 รอยัลตี้ฟีส์ (Royalty Fees)
    3.3 แอนนวลฟี (Annual Fee)

 

ปัจจัยความสำเร็จของธุรกิจแฟรนไชส์


ปัจจัยความสำเร็จของธุรกิจแฟรนไชส์ จึงควรประกอบด้วยล

  1. เลือกประเภทธุรกิจที่ดีมีอนาคต
  2. เลือกสินค้าและบริการที่มีจุดเด่นต่างกับผู้อื่น
  3. เลือกทำเลที่ตั้ง
  4. ความตั้งใจจริงในการทำงาน
  5. เงินทุนหมุนเวียน
  6. การร่วมลงทุน
  7. การร่วมถือหุ้น
  8. การให้สัมปทาน
  9. การให้สิทธิในการผลิตและจำหน่ายสินค้า

 

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการทำแฟรนไชส์

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์การเจรจาต่อรองในธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อให้ผู้ให้สิทธิ (บริษัทแม่) และผู้รับสิทธิ (สาขา) ได้เข้าใจถึงการทำธุรกิจแฟรนไชส์อย่างถูกต้องตามหลักมาตรฐานและป้องกันความผิดพลาด ดังนี้

  1. ค่าธรรมเนียมเริ่มต้น
  2. เงินรายงวด/ค่าธรรมเนียมการจัดการ
  3. ต้าทุนการตกแต่งร้าน
  4. ข้อตกลงหรือสัญญา
  5. ทุนดำเนินงาน
  6. เงื่อนไขการจ่ายเงิน
  7. พื้นที่ประกอบการ


ข้อดีของการซื้อแฟรนไชส์

  1. สิทธิเกี่ยวกับการถ่ายทอดระบบงาน กรรมวิธีการผลิตต่าง ๆ โดยจะได้รับคู่มือการปฏิบัติงานเพื่อให้ได้มาตรฐานเดียวกัน ได้รับสิทธิและความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ประโยชน์จากการจดทะเบียนการค้า ชื่อทางการค้า เครื่องหมายการค้า ความลับเกี่ยวกับกรรมวิธี และสูตรการผลิตต่าง ๆ ทางการค้า การขอเป็นสถานประกอบการทางด้านการศึกษา แฟรนไชซอร์จะเป็นผู้ขอให้กับแฟรนไชซี่ ซึ่งสะดวกกว่าการเข้าไปขอเปิดโรงเรียนด้วยตัวเอง
  2. "แฟรนไชซี่" จะได้รับบริการฝึกอบรม การให้คำปรึกษา การสนับสนุนและช่วยแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบจากแฟรนไชซอร์ตัวจริงเท่านั้น ที่จะทำให้ธุรกิจแฟรนไชส์เกิดขึ้นในไทยเพราะคนที่ไม่เคยทำธุรกิจมองว่า "แฟรนไชส์" ง่าย สะดวก และมีสูตรสำเร็จ แนวโน้มของธุรกิจแฟรนไชส์เริ่มเป็นที่นิยมในไทยเหมือนกับประเทศอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ออสเตรเลีย มาเลเซีย และสิงคโปร์
  3. ชื่อเสียง ภาพลักษณ์ แบรนด์ ที่ดีและเป็นที่ยอมรับจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งตรงนี้จะต้องมีความชัดเจน เนื่องจากการสร้างชื่อเสียง ภาพลักษณ์ แบรนด์ ไม่ได้สร้างโดยใช้เวลาแค่สองสามเดือน ดังนั้นถ้าแฟรนไชซอร์ที่มีอายุการเปิดหรือประสบการณ์น้อย หมายความว่าชื่อเสียงหรือแบรนด์ของเขายังไม่แข็งแรงพอต้องระวัง
  4. สะดวกในการจัดอุปกรณ์ เครื่องจักร วัสดุสิ้นเปลืองได้ง่าย และได้สิทธิซื้อในราคาที่ต่ำกว่า เนื่องจากร้านแฟรนไชส์ทุกร้านจะต้องมีการตกแต่งในคอนเซ็ปท์เดียวกัน แฟรนไชซอร์จะเป็นผู้กำหนดว่าจะต้องใช้อุปกรณ์ เครื่องจักร หรือวัสดุสิ้นเปลืองแบบไหน ซึ่งแฟรนไชซอร์สามารถซื้ออุปกรณ์ เครื่องจักร หรือวัสดุสิ้นเปลืองให้กับแฟรนไชซี่ได้ในราคาที่ถูกกว่าการที่แฟรนไชซี่จะ ซื้อเพื่อไปเปิดสาขาของตัวเอง
  5. ได้รับผลทางด้านกิจกรรมทางการตลาด โดยแฟรนไชซอร์ที่ดีจะต้องทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างแบรนด์ และรักษาแบรนด์ พร้อมทั้งต้องช่วยในเรื่องของการเพิ่มยอดขายให้กับแฟรนไชซี่ด้วย เพราะฉะนั้นหากแฟรนไชซอร์ที่มีการส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งการทำ มาร์เก็ตติ้งฟรี และแอดเวอร์ไทซิ่งฟรี ระบบธุรกิจแฟรนไชส์จะเป็นระบบการดำเนินการที่ถูกกว่าการเริ่มต้นทำธุรกิจ ใหม่ด้วยตัวเอง
  6. การประกอบธุรกิจแฟรนไชส์เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ทั้งจำนวนเงินที่จะลงทุนเนื่องจากแฟรนไชซอร์จะต้องมีการกำหนดจำนวนที่แน่นอน ให้กับแฟรนไชซี่แล้ว นอกจากนี้ยังไม่ต้องเสี่ยงกับปัญหาหลัก ๆ เนื่องจากเป็นระบบที่มีเทคนิค ระบบการทำงาน กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แน่นอนอยู่แล้วรวมทั้งยังมีเรื่องของชื่อเสียงที่ ย่อมดีและเป็นที่ได้รับของลูกค้าอยู่แล้ว

ข้อเสียเปรียบของแฟรนไชส์

  1. ต้องสูญเสียอิสระภาพในการดำเนินธุรกิจ เพราะแนวคิดของการทำแฟรนไชส์คือการดำเนินธุรกิจตามวิธีที่ได้รับการพัฒนาจาก แฟรนไชซอร์ การดำเนินธุรกิจตามรูปแบบที่กำหนดไว้เท่านั้น
  2. ด้วยเหตุที่แฟรนไชซีเป็นเจ้าของกิจการ และเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง การปฏิบัติงานและตัดสินใจหลายๆเรื่อง จึงเป็นความรับผิดชอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ด้วยจุดนี้ที่ทำให้ผลเสียในด้านการสูญเสียการควบคุมโดยตรงเกิดขึ้นได้มาก หากระบบต่าง ๆ ของแฟรนไชส์ไม่ดีพอ หรือยากต่อการปฏิบัติ
  3. ค่าใช้จ่ายสูง แฟรนไชซีจำเป็นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายล่วงหน้าเพื่อการได้มาซื้อสิทธิในการ ประกอบกิจการ นอกจากนี้แฟรนไชซียังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น เงินลงทุนเพื่อตกแต่งร้านค้าและค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเป็นประจำสำหรับบริการสนับสนุนที่ได้รับจากแฟรนไชซอร์

 

ประโยชน์ของแฟรนไชส์

ธุรกิจแฟรนไชส์เป็นธุรกิจที่ร่วมกันของบุคคล 2 ฝ่าย โดยที่ฝ่ายหนึ่งขาดความรู้ ความชำนาญ คือ แฟรนไชซี และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ คือ ผู้ขายสิทธิหรือผู้ให้สิทธิ หากผู้ขายสิทธิไม่สามารถสร้างให้ผู้รับสิทธิประสบความสำเร็จได้ ก็เป็นการยากที่ผู้ให้สิทธิจะประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ในทางตรงข้ามหากผู้รับสิทธิประสบความล้มเหลวก็จะส่งผลกระทบถึงผู้ให้สิทธิได้เช่นกัน

  1. การอาศัยชื่อ/ตราผลิตภัณฑ์
  2. การอาศัยความเชี่ยวชาญทางการตลาด
  3. การฝึกอบรมและสนับสนุนด้านการจัดการ
  4. คุณภาพผลิตภัณฑ์ที่เป็นมาตรฐาน
  5. ผลิตภัณฑ์และรูปแบบทางธุรกิจได้รับการพิสูจน์แล้ว
  6. การสนับสนุนทางการเงิน
  7. การคุ้มครองอาณาเขตดำเนินการ

 

ค่าตอบแทนในการทำแฟรนไชส์

ค่ารอยัลตี้ฟีส์ (Royalty Fees) คือ ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายอย่างต่อเนื่องตามสัดส่วนของผลการดำเนินงาน อาจจะเรียกเก็บเป็นเปอร์เซ็นต่อเดือนหรือต่อปีจากยอดขาย หรืออาจจะเก็บจากยอดสั่งซื้อสินค้า การคิดค่ารอยัลตี้ฟีส์ที่ดีที่สุดคือให้คิดราคาตลาดในปัจจุบัน และมีการพัฒนาระบบแฟรนไชส์ใหม่ขึ้นเรียกว่า “Business Format Franchising” ซึ่งจะให้สิทธิในการใช้ชื่อตราสินค้า และ ให้ระบบการดำเนินงานทั้งระบบ ตั้งแต่ป้ายชื่อร้าน รูปแบบการแต่งร้าน กรรมวิธีประกอบอาหาร ผู้รับสิทธิจะต้องทำแนวความคิดแฟรนไชส์ ทั้งระบบโดยเฉพาะทำให้แฟรนไชส์ประเภทอาหาร (Fast Food) ประสบความสำเร็จมาก โดยผู้ให้สิทธิจะใส่ใจและสนับสนุนผู้รับสิทธิ ตลอดระยะเวลาของสัญญา เพื่อให้ผู้รับสิทธิประสบความสำเร็จ จากแนวความคิดนี้ทำให้ผู้ให้สิทธิมีรายได้จากผู้รับสิทธิหลายแนวทาง คือ

  1. ค่าสิทธิแรกเข้า หรือค่าธรรมเนียมแรกเข้า
  2. ค่าสิทธิระยะยาว
  3. ค่าส่งเสริมการตลาด
  4. ค่าขายสินค้า และบริการต่าง ๆ แก่แฟรนไชส์

 

วิธีการคิดค่ารอยัลตี้ฟีส์ (Royalty Fees)

หลักในการคิดค่ารอยัลตี้ฟีส์ (Royalty Fees) เป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน ซึ่งผู้ให้สิทธิอาจหาแนวทางอื่นก็ได้ แต่ควรคำนึงถึงความสำเร็จของผู้ให้สิทธิไม่ได้วัดจาก การหารายได้ หรือทำกำไรจากผู้รับสิทธิต่างหาก สำหรับวิธีการและสูตรที่นำเสนอนี้ไม่ได้เป็นหลักตายตัวในการคำนวณ แต่เป็นเพียงแนวทางที่จะช่วยให้ผู้ให้สิทธิทำงานได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

 

การเลือกธุรกิจแฟรนไชส์
  1. ศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนว่าบริษัทประกอบธุรกิจประเภทใด ใคร เป็นกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ ท้องที่ที่เราจะเปิดร้านนั้นธุรกิจนี้อิ่มตัวหรือยัง และธุรกิจนี้เหมาะสมกับ "เรา" หรือไม่
  2. บริษัทมีการขยายตัวและการบริหารงานอย่างไร ก่อตั้งมานานแค่ไหน สินค้ามีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดหรือไม่ ผลงานและการเงินของบริษัทเป็นอย่างไร มีระบบการบริหารงานและเป้าหมายในการพัฒนาธุรกิจอย่างไร ทีมผู้บริหารเก่งและมีประสบการณ์แค่ไหน
  3. สมาชิกในเครือแฟรนไชส์มีความก้าวหน้าอย่างไร ควรรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกในเครือแฟรนไชส์หลาย ๆ ราย เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการประเมินธุรกิจและการตัดสินใจของตนเอง
  4. ความช่วยเหลือที่ได้รับจากบริษัทโดยเฉพาะในด้านบริหารและการดำเนินกิจการ ตลอดจนการชี้นำและเป็นที่ปรึกษาของสมาชิกใหม่ รวมถึงการช่วยสมาชิกในการขยายกิจการ
  5. ค่าใช้จ่ายที่บริษัทเรียกเก็บจากแฟรนไชซี ระหว่างการเข้าร่วมแฟรนไชส์สมเหตุสมผลหรือไม่
  6. เนื้อหาของสัญญาและเงื่อนไขในการร่วมมือกัน ผู้ที่จะลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ควรทำความเข้าใจต่อเงื่อนไขที่บริษัทแม่เสนอมา โดยศึกษาเนื้อหาของสัญญาว่ามีอะไรบ้าง รายละเอียดเป็นอย่างไร ต้องอ่านและทำความเข้าใจให้ชัดเจนทุกข้อ ซึ่งรายละเอียดแห่งความร่วมมือทุกประการ ควรระบุเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ในหนังสือสัญญา

การเริ่มต้นธุรกิจการค้าระบบสาขาแฟรนไชส์


พื้นฐานที่สำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจระบบสาขาในฐานะผู้ทรงสิทธิ คือ

  1. ต้องรู้ทฤษฎี รู้หลักการ
  2. การเตรียมการเป็นแฟรนไชซอร์
  3. การโฆษณาประชาสัมพันธ์ การให้ข่าวส่วนตัว
  4. การคัดเลือกแฟรนไชซี
  5. การเปิดร้านพิจารณาเรื่องทำเลและการเปิดตัว
  6. การสนับสนุนและประเมินผล
  7. เป้าหมายของความสำเร็จ

 

องค์ประกอบในการเริ่มต้นธุรกิจมี 4 ประการ คือ

  1. ให้สิทธิชื่อสถานประกอบการ ตรา ยี่ห้อต่อสินค้า และการให้บริการ
  2. ระบบการบริหาร ตรวจสอบ และการควบคุม
  3. เทคนิคการผลิต คุณภาพสินค้า และการบริการ
  4. ระยะสัญญาการซื้อขายสิทธิในอาณาเขตที่กำหนดด้วยหน่วย (Unit) พื้นที่ (Area) และ บริเวณ (Region)

ค่าใช้จ่ายในธุรกิจการค้าระบบสาขาประกอบด้วย

  1. ค่าสิทธิแรกเข้า และค่าสัมปทานรายปี
  2. ค่าบริการ/ค่าเริ่มต้นธุรกิจ

 

ทริกสร้างแฟรนไชส์ให้สำเร็จ ใน ธุรกิจแฟรนไชส์

ในระบบธุรกิจแฟรนไชส์จะประกอบด้วยวิธีการหลาย ๆ ด้าน และไม่สามารถที่จะเน้นงานด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น การสร้างองค์ประกอบรวมในการทำธุรกิจที่ดี แกนหลักของระบบงานเป็นตัวนำ สามารถจะสร้างพื้นฐานการบริหารที่ดีขึ้นได้ หลักการต่าง ๆ ในรายละเอียดในแต่ละส่วนสามารถที่จะยึดเป็นหลักการดำเนินการดังนี้

  1. สร้างระบบการบริหารงานหลายแบบ ในการวางระบบงานสาขาหรืออาจจะเป็นสาขาของบริษัทเองโดยตรง หรือระบบ franchise และรวมถึงร่วมลงทุน joint venture ก็ตามควรจะมีวิธีการบริหารหลายรูปแบบ โดยไม่จำกัดการขยายงานในแบบเดียวเกินไป เพราะในแต่ละวิธีก็จะมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกัน การวางงานในหลายรูปแบบจะได้ช่วยนำข้อดี ข้อเสียมาปรับปรุงระบบโดยรวมทั้งหมดได้ดียิ่งขึ้น
  2. สร้างตัวอย่างสาขาให้เด่น ควรมีสาขาตัวอย่างที่ดี พร้อมให้การบริหารงานทั้งระบบ และมีความเด่นด้านการตลาดเพื่อเป็นแบบที่สมบูรณ์ที่สุด
  3. เน้นระบบ MIS ให้รัดกุม วางทีมงานรับผิดชอบเฉพาะและพัฒนาข้อมูลการวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง
  4. สร้างระบบการอบรมให้เป็นมาตรฐาน เพื่อช่วยพัฒนาบุคลากรและควบคุมมาตรฐานของธุรกิจได้ในระยะยาว
  5. คัดเลือกแฟรนไชซีที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้จริง ไม่เน้นในการระดมทุนแต่สนับสนุนบุคคลที่จะขยายสาขาที่รักงานที่จะลงทุนจริงจัง
  6. การจัดการอุปกรณ์ในการทำงาน ต้องให้ได้มาตรฐานและมีการบำรุงรักษาตลอด
  7. การวางองค์กรการบริหารให้สามารถมีตำแหน่งที่เติบโตได้ในองค์กร และรองรับกับงานที่ขยายตัวรวดเร็วได้ดี
  8. การวางแผนงานโฆษณาการประชาสัมพันธ์ จำเป็นต้องลงรายละเอียดในแผนงานอย่างชัดเจน
  9. สร้างมาตรฐานการวัดคุณภาพของงานทุกขั้นตอน เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบและการปฏิบัติ
  10. ลิขสิทธิ์ จดลิขสิทธิ์ในทุก ๆ ด้านให้ครอบคลุมมากที่สุด
  11. สำรวจกลุ่มลูกค้าประชากร การขยายสาขาจะต้องมีการสำรวจกลุ่มลูกค้าหรือประชากร ทั้งในส่วนพฤติกรรมการจับจ่าย เส้นทางคมนาคม พื้นที่รอบข้างอย่างละเอียดเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน
  12. ทีมงาน จัดทีมงานให้เพียงพอต่อความรับผิดชอบงานสาขาและร้านค้า franchise เพื่อสร้างความสะดวกในการทำธุรกิจจริง ๆ ให้แก่ผู้ลงทุน
  13. เชื่อมั่นในสินค้า บริการ และระบบงาน ผู้บริหารต้องมีความเชื่อมั่นและไม่ควรเปลี่ยนแปลงระบบงานต่าง ๆ ง่ายเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความสับสนในการบริหารสาขาได้
  14. สร้างทีมงานเพื่อพัฒนาสินค้า บริการ มีการกำหนดขอบเขตงานให้เกิดความแตกต่าง และสนองความต้องการของลูกค้าได้ตลอดเวลา
  15. เงินทุนสำรอง หาเงินลงทุนสำรองในกรณีฉุกเฉิน การลงทุนเพิ่มการขยายงาน การใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เช่น กรณีกฎหมาย ภาษี ฯลฯ
  16. การควบคุมระบบงาน การวางงานระบบส่วนบัญชี การเงิน จัดซื้อบุคคล ต้องมีการควบคุมอย่างใกล้ชิด เพราะหน่วยงานเหล่านี้ จะเป็นตัวเสริมธุรกิจให้เดินหน้าอย่างต่อเนื่องได้

อ้างอิง
อ.พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์. ทริกสร้างแฟรนไชส์ให้สำเร็จ ใน ธุรกิจแฟรนไชส์. ค้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2554. จากเว็บไซต์ http://smesmart.is.in.th/?md=content&ma=show&id=139