ตั๋วเครื่องบินพม่าราคาถูก

บริการจองตั๋วเครื่องบินพม่าออนไลน์ ให้บริการค้นหาตั๋วเครื่องบินพม่าราคาถูก และเปรียบเทียบตั๋วเครื่องบินทุกเส้นทาง

เราได้ร่วมงานกับ Jetradar บริษัทตัวแทนชั้นนำ บริการจองตั๋วเครื่องบินพม่าออนไลน์ เรายืนยันว่าลูกค้าจะได้รับราคาที่ดีที่สุด ด้วยระบบค้นหาเพื่อเปรียบเทียบราคา ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก กับตัวช่วยการค้นหาเที่ยวบิน เพื่อเปรียบเทียบราคาให้ง่ายต่อการตัดสินใจ

ค้นหาตั๋วเครื่องบินจากสายการบินและเว็บไซต์ท่องเที่ยวทั่วโลกเพื่อหาราคาดีที่สุด ให้คุณได้จองตั๋วเครื่องบินราคาถูกและไม่เสียค่าธรรมเนียม

ระบบค้นหาตั๋วเครื่องบินพม่าที่ถูกที่สุด

ระบบค้นหาจะแสดงราคาค่าตั๋วเครื่องบินไปพม่าที่ดีที่สุดของแต่ละเดือนล่วงหน้าตามที่ตั้งค่าดังนี้สถานที่ เดินทางไป-กลับหรือไปเที่ยวเดียว ช่วงเวลาเดินทาง และบินตรงหรือไม่

ระบบค้นหาตั๋วเครื่องบินพม่าราคาถูกแบบเจาะจงเวลา

ระบบค้นหาโรงแรมห้องพักพม่าที่ถูกที่สุด

เปรียบเทียบราคาโรงแรมที่พักพม่าจากเอเจนซีต่างๆ และจองโดยเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุด! รวบรวมราคาจาก 50 เอเจนซีชั้นนำและเว็บไซต์ของโรงแรม เช่น agoda, booking.com คุณสามารถดูราคาทั้งหมดได้ที่นี่




  • การค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก
  • ขั้นตอนการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก
  • ข้อมูลทั่วไปพม่า

JetRadar ไม่ได้ขายตั๋วเอง JetRadar เพียงแค่ให้บริการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน JetRadar ไม่ได้ติดตามหรือเก็บข้อมูลของคุณ และก็ไม่มีการคิดค่านายหน้ากับผู้ใช้บริการแต่อย่างใด นั่นหมายความว่าราคาของตั๋วที่คุณเห็นในหน้าเว็บไซต์หรือแอพของ JetRadar นั้น JetRadar ไม่ได้มีการบวกเพิ่มราคาแต่อย่างใด ตอนนี้คุณอาจจะสงสัยว่าแล้ว JetRadar จะได้รายได้อย่างไร? JetRadar จะได้รับรายได้จากการจองตั๋วของคุณ โดยผู้ที่จ่ายให้กับ JetRadar คือสายการบินหรือทราเวลเอเจนซีเท่านั้น JetRadar ไม่ได้คิดค่านายหน้ากับผู้ใช้บริการ เพราะฉะนั้น คุณมั่นใจได้ว่าราคาตั๋วที่คุณเห็นเป็นราคาตั๋วที่ทางสายการบินหรือทราเวลเอเจนซีชาร์จ JetRadar ไม่ได้บวกเพิ่มอย่างแน่นอนค่ะ รู้อย่างนี้แล้ว มาลองใช้ JetRadar กันดีกว่าค่ะ เพื่อประหยัดเวลาและเงินในการค้นหา เปรียบเทียบ และจองตั๋วเครื่องบินค่ะ

การค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก

  1. ซื้อตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า ยิ่งซื้อล่วงหน้า ยิ่งประหยัด
    JetRadar ได้เก็บสถิติจากการซื้อตั๋วผ่านเว็บไซต์ของ JetRadar โดยมีจำนวนการซื้อตั๋วเครื่องบินทั้งหมดอยู่ที่ 2.5 ล้านใบสำหรับช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา จากสถิติแสดงให้เห็นว่าตั๋วที่มีวันเดินทางตั้งแต่วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์จะ มีราคาแพงที่สุด ส่วนตั๋วที่ถูกที่สุดจะมีวันที่ออกเดินทางตั้งแต่วันอังคารถึงวันพฤหัสบดี ส่วนเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะซื้อตั๋วเป็นตอนเช้าหรือไม่ก็ช่วงเย็นหลัง เลิกงาน เนื่องจากช่วงเวลาทำงาน ทางเอเจนซี่ท่องเที่ยวและสายการบินจะทำการค้นหาข้อมูลเที่ยวบินจำนวนมาก อาจทำให้เที่ยวบินที่ราคาถูกที่สุดไม่ถูกแสดงให้เราเห็น และโดยปกติแล้ว ตั๋วจะราคาถูกที่สุด หากเราจอง 6 เดือนก่อนวันเดินทางค่ะ
    ทำไม ราคาตั๋วเครื่องบินถึงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง? ที่ราคาขึ้นๆลงๆ นั้นเกี่ยวพันโดยตรงกับความต้องการของลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น เราจะแบ่งที่นั่งทั้งหมดบนเครื่องบินออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อให้เข้าใจโดยง่ายนะคะ กลุ่มที่ 1 ถูกปล่อยออกมาขายในราคา A หากมีความต้องการซื้ออยู่ในระดับสูง กลุ่มที่ 2 ที่ถูกปล่อยออกมาขายจะมีราคาสูงขึ้น แต่ถ้าหากความต้องการซื้อน้อยลงมากเนื่องจากราคาที่สูงขึ้น กลุ่มที่ 3 ที่จะถูกปล่อยออกมาขาย จะมีราคาถูกกว่ากลุ่มที่ 2 อย่างไรก็ตาม ในบางช่วงเวลา เช่นช่วงปีใหม่ ราคาจะยิ่งแพงขึ้น หากไม่จองตั้งแต่เนิ่นๆ เนื่องจากความต้องการซื้อตั๋วมีมาก แต่ถ้าหากจุดหมายปลายทางที่เราจะไปไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก โอกาสที่ราคาจะเพิ่มสูงขึ้นนั้นมีน้อยมาก
  2. ซื้อตั๋วตอนมีโปรโมชั่น
    การ ซื้อตั๋วโปรโมชั่นก็เป็นอีกทางที่ทำให้เราได้ตั๋วราคาถูก แต่ส่วนใหญ่แล้วตั๋วโปรโมชั่นมักจะไม่ยืดหยุ่น เช่น ไม่สามารถเปลี่ยนวันเวลาได้ หรือถ้าเปลี่ยนได้ ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน ซึ่งถ้าเกิดเรามีการเปลี่ยนแปลงวันเดินทางขึ้นมา เราอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนมากกว่าการซื้อตั๋วใหม่เลยก็ได้ วิธีนี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีการเดินทางที่แน่นอนแล้ว
  3. เที่ยวบินต่อเครื่อง เชื่อมต่อเที่ยวบิน
    วิธีนี้อาจไม่สะดวก เนื่องจากคุณต้องต่อเที่ยวบินเพื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่มันก็ทำให้คุณได้ตั๋วในราคาที่ถูกกว่าการบินตรงโดยไม่ต้องต่อเที่ยวบิน อาจถูกกว่ามากถึง 50% กันเลยทีเดียว เพียงแค่มีการเชื่อมต่อเที่ยวบินอย่างน้อย 1 เที่ยวขึ้นไป
  4. เปรียบเทียบราคาตั๋วจากหลายๆเอเยนต์ และ สายการบิน
    เดี๋ยวนี้เรามีเครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน หรือที่เรียกกันว่า flight meta search engine ซึ่งจะทำให้คุณสามารถค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินได้ เพียงแค่ใช้เครื่องมือนี้ ตั๋วเครื่องบินทั้งหมดรวมถึงตั๋วเครื่องบินของสายการบินต้นทุนต่ำ (Low-cost airlines) เช่น นกแอร์, แอร์เอเชีย, โอเรียลท์ไทยและไลอ้อนแอร์ จะถูกรวบรวมให้คุณไว้ในที่เดียว คุณไม่ต้องนั่งเปิดหลายๆเว็บไซต์เพื่อเปรียบเทียบราคาอีกต่อไป เพียงแค่คุณเข้าไปที่เว็บไซต์เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน แล้วใส่ข้อมูลการเดินทางของคุณ จากนั้นระบบจะทำการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินให้คุณเอง โดยรวมตั๋วเครื่องบินทั้งหมด รวมถึงโปรโมชั่นตั๋วจากสายการบินและเอเจนซีต่างๆ จากนั้นคุณแค่เลือกเที่ยวบินที่คุณต้องการและจองผ่านเว็บไซต์ได้เลย เครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน (flight meta search engine) นี้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วและคุณมั่นใจ ได้ว่าคุณจะได้ตั๋วราคาที่ถูกที่สุดจากสายการบินและเอเจนซี่ต่างๆ

ขั้นตอนการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก

การค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก

  1. เลือกสถานที่ต้นทางที่ต้องการ ประเทศ เมือง (ระบบป้อนข้อมูลโดยอัตโนมัติ) เช่น
  2. เลือกสถานที่ปลายทางที่ต้องการ
  3. เลือกวันเวลาทเดินทาง และวันเวลากลับสำหรับเดินทางไปกลับ(Round Trip)
  4. เลือกจำนวนผู้โดยสารผู้ใหญ่ และเด็กหรือทารก
  5. เลือกชั้นประหยัด หรือชั้นธุรกิจ
  6. กด ค้นหา

ค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋ว เพียงแค่นี้ JetRadar ก็จะค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วให้คุณ

เลือกตั๋วเครื่องบินราคาถูก

  1. ระบบจะแสดงข้อมูลของเที่ยวบินทุกสายการบินทุกเส้นทางที่ว่าง พร้อมเรียงราคาต่ำสุดและรายละเอียด
  2. นำตัวเลือกทั้งหมดมาให้คุณ เรามีฟิวเตอร์ซึ่งเป็นเครื่องมือในการกรองตั๋วให้คุณ เพื่อให้คุณได้ตั๋วตามที่คุณต้องการ คุณสามารถเลือกเวลาเดินทาง เลือกสายการบินหรือทราเวลเอเจนซี่ที่คุณชื่นชอบ เลือกว่าจะต่อเที่ยวบินหรือไม่
  3. หลังจากที่คุณปรับฟิวเตอร์ตามที่คุณต้องการแล้ว ทีนี้คุณก็สามารถจองเที่ยวบินที่คุณต้องการเองได้ เพียงแค่คลิกปุ่ม “จองเดี๋ยวนี้” จากนั้น JetRadar จะนำคุณไปสู่เว็บไซต์สายการบินหรือทราเวลเอเจนซีโดยตรงเพื่อให้คุณทำการจอง ตั๋ว เพียงแค่นี้ คุณก็จะได้ตั๋วตามที่คุณต้องการแล้วค่ะ การเดินทางของคุณกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ผลการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก

ข้อมูลพม่าทั่วไป

สหภาพเมียนมาร์ (Union of Myanmar)

สภาพภูมิอากาศ

อยู่ในเขตมรสุมมี 3 ฤดู เช่นเดียวกับประเทศไทยแต่จะมีฝนตกชุกและมีความชุ่มชื้นสูงกว่าไทยมาก -ฤดูฝน ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม -ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ - ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายน ฤดูที่น่าเดินทางไปท่องเที่ยว ฤดูหนาว อากาศเย็นสบายทางเหนือของประเทศจะมีอากาศหนาว เป็นช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว

เวลา

เวลาที่ประเทศพม่าจะช้ากว่าประเทศไทย 30 นาที

เชื้อชาติ

ประเทศเมียนมาร์ มีประชากรประมาณ 46 ล้านคน อยู่รวมกันทั้งสิ้น 135 ชาติพันธุ์ในจำนวนนี้ มีชนเผ่าพม่ามากที่สุด คือประมาณ 1 ใน 4 ส่วน รองลงมาก็คือ ไทยใหญ่ กะเหรี่ยง มอญ และกะฉิ่น ตามลำดับ สำหรับรัฐที่มีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์มากที่สุด ก็คือรัฐฉาน เนื่องจากมีชนเผ่าอยู่รวมกันถึงประมาณ 80 ชาติพันธุ์ อาทิ ไทยใหญ่ ไทยน้อย ไทยทนุ อินตา ลีซอ อาข่า ม้ง จีนฮ่อ ฯลฯ

ศาสนา

เชื้อชาติของชนเผ่าพม่าเป็นเชื้อชาติผสมพยู มองโกล และอินเดีย ศาสนาพุทธเผยแผ่เข้ามาในเมียนมาร์ตั้งแต่สมัยพุทธกาล และยังคงนับถือสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ถือได้ว่าศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติสัดส่วนของการนับถือศาสนามีดังนี้ ศาสนาพุทธ 89 เปอร์เซ็นต์ คริสต์ทุกนิกายรวมกัน 5.6 เปอร์เซ็นต์ อิสลาม 3.8 เปอร์เซ็นต์ ฮินดู 0.5 เปอร์เซ็นต์

ภาษาราชการ

ภาษาพม่าเป็นภาษาราชการ (นอกจากนี้พม่ามีภาษาหลักที่ใช้งานในประเทศถึงอีก 18 ภาษา)

ตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก ได้แก่ ภาษามอญ ภาษาปะหล่อง ภาษาปะลัง (ปลัง) ภาษาปะรวก และภาษาว้า ตระกูลภาษาซิโน-ทิเบตัน ได้แก่ ภาษาพม่า (ภาษาทางการ) ภาษากะเหรี่ยง ภาษาอารากัน (ยะไข่) ภาษาจิงผ่อ (กะฉิ่น) และ ภาษาอาข่า ตระกูลภาษาไท-กะได ได้แก่ ภาษาไทใหญ่ (ฉาน) ภาษาไทลื้อ ภาษาไทขึน ภาษาไทคำตี่ มีผู้พูดหนาแน่นในรัฐฉาน และรัฐกะฉิ่น ส่วนภาษาไทยถิ่นใต้ภาษาไทยกลาง และภาษาไทยถิ่นอีสาน มีผู้พูดในเขตตะนาวศรี ตระกูลภาษาม้ง-เมี่ยน ได้แก่ ภาษาม้งและภาษาเย้า (เมี่ยน) ตระกูลภาษาออสโตรนีเชียน ได้แก่ ภาษามอเกนและภาษามาเลย์ ในเขตตะนาวศรี

สกุลเงิน

จั๊ต (Kyat)

ระบบไฟฟ้า

ไฟฟ้าในพม่าเป็นไฟ 220 volt ใช้ปลั๊กไฟได้หลายแบบ ทั้งแบบ 2 ขาแบน 2 ขากลม และ 3 ขาแบน

โทรศัพท์

รหัสโทรศัพท์ระหว่างประเทศ +95

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

  1. พระเจดีย์ชเวมอดอร์ (Shwe Mordore) หรือพระธาตุมุเตา ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในหงสาวดี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี เป็นสัญลักษณ์ยืนยันความ เจริญรุ่งเรืองในอดีต อีกทั้งยังเป็นเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของกรุงหงสาวดีมาช้านาน เป็นเจดีย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองและเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า เป็นเจดีย์ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ของไทย เคยมาสักการะ เจดีย์องค์นี้เป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างศิลปะพม่าและศิลปะของมอญได้อย่างกลมกลืน พระเจดีย์สูง 377 ฟุต สูงกว่าพระเจดีย์ชเวดากอง 51 ฟุต มีจุดอธิษฐานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงบริเวณยอดฉัตร ซึ่งยอดอของเจดีย์ได้หักและตกลงมาจากการเกิดแผ่นดินไหว ในปี พ.ศ. 2473 ปัจจุบันส่วนของยอดที่หักลงมานั้นก็ยังอยู่ในสภาพเดิม อยู่บริเวณฐานของพระธาตุ ซึ่งน่าอัศจรรย์ใจที่ส่วนของยอดเจดีย์ที่หักลงมาจากที่สูงขนาดนั้นไม่แตก จึงเป็นที่ร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธ์โดยแท้ ซึ่งชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์มาก และเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงไม่เสื่อมคลาย นอกจากนั้นแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่พระเจ้าหงสาลิ้นดำ ใช้เป็นที่เจาะพระกรรณ (หู) ตามพระราชประเพณีโบราณเพื่อทดสอบความกล้าหาญก่อนขึ้นครองราชย์ พระธาตุไจ้ทีโย ถ้าแปลเป็นภาษาไทย จะแปลว่า “ก้อนหินทอง” หรือที่ส่วนใหญ่เราจะเรียกว่า “พระธาตุอินทร์แขวน” ระยะทางจะห่างจากเมืองย่างกุ้งประมาณ 195 กิโลเมตร อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร ลักษณะเป็นเจดีย์องค์เล็ก ๆ สูงเพียง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนก้อนหิน บนยอดเขาอย่างหมิ่นเหม่ มีพระเกศาธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุอยู่ภายในพระเจดีย์ ตามคติการบูชาพระธาตุประจำปีเกิดของชาวล้านนา พระธาตุอินทร์แขวนนี้ให้ถือเป็นพระธาตุปีเกิดของปีจอ แทนพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ พระธาตุอินทร์แขวนนั้นตั้งอยู่เชิงหน้าผา ซึ่งหากมองจากทางด้านล่างก็จะดูคล้ายกับลอยอยู่เหนือหน้าผา ราวกับพระอินทร์นำไปแขวนไว้กลางอากาศ การเดินทางขึ้นไปยังบนยอดเขานั้นจะต้องนั่งรถกระบะ 6 ล้อขึ้นไป ซึ่งเป็นกฎข้อบังคัญของประเทศพม่าเลย ห้ามรถอื่น ๆ ขึ้นเด็ดขาด ใครจะไปจะมาก็ต้องลงรถที่บริเวณ คิมปูแคมป์ และก็ต้องเปลี่ยนเป็นรถ 6 ล้อ แม้แต่ผู้นำประเทศก็ต้องปฏิบัติตาม อาจจะเป็นเพราะเรื่องของความปลอดภัย เพราะทางที่ขึ้นนั้นเป็นถนนเลนเดียว สวนไม่ได้ เพราะฉะนั้นเวลาลงหรือขึ้นนั้นก็จะต้องให้รถทางใดทางหนึ่งนั้นลงมาก่อน ถึงจะขึ้นได้ ก็จะสลับกันไป เมื่อถึงบริเวณบนเขาแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงดี เพราะจะต้องเดินเท้าขึ้นเขาอีกประมาณ 4 กิโลเมตร แต่ก็จะมีบริการ นั่งเสลี่ยง ซึ่งขอแนะนำว่าควรนั่งเสลี่ยงดีกว่า ถึงแม้ว่าจะดูแล้วราคาแพงไปซักนิดก็ตาม คือคนละ 800 บาท เพื่อที่จะออมแรงไว้เดินเท้าเปล่าไปสักการะพระธาตุ เมื่อถึงที่หมายบนยอดเขา ดูแล้วหลายต่อ แต่รับรองได้ว่า หากขึ้นไปเห็นแล้วจะหายเหนื่อยแน่นอน กับความพิศวง และความศรัทธา และชาวพม่าจะมีความเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้มานมัสการพระธาตุอินทร์แขวนนี้ครบ 3 ครั้ง ผู้นั้นจะมีแต่ความสุขความเจริญ พร้อมทั้งขอสิ่งใดก็จะได้สมดั่งปรารถนาทุกประการ สามารถนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ได้ตลอดคืน สำหรับท่านที่ต้องการนมัสการกลางแจ้งเป็นเวลานาน
  2. เปียงมะนา ( Pyanmana) เมืองหลวง (เนปิดอย์) ที่ตั้งของเมืองเปียงมะนาอยู่ห่างจากย่างกุ้งไปทางเหนือราว 244 ไมล์ และเป็นจุดตัดของถนนสายหลัก 2 เส้น ซึ่งเชื่อมพม่าตอนเหนือกับตอนใต้เข้าด้วยกัน รวมถึงเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่ใช้กันมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 อีกทั้งยังเชื่อมกับเส้นทางรถไฟที่ติดต่อไปยังตอนใต้ของจีน อย่างไรก็ดี ศูนย์กลางที่รัฐบาลพม่าใช้ก่อตั้งเมืองหลวงใหม่จริงๆ อยู่ห่างจากเปียงมะนาไปทางตะวันตกราว 7 ไมล์ เป็นจุดที่เรียกว่า “ไจ้เปี่ย” (Kyep Pyay) ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากนายพลอองซาน เคยใช้เป็นชัยภูมิสู้รบจนได้เอกราชจากอังกฤษ ทั้งยังเป็นพื้นที่ที่พรรคคอมมิวนิสต์เคยใช้ปักหลักต่อสู้กับรัฐบาลพม่าในอดีตตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2548 รัฐบาลพม่าได้ย้ายเมืองหลวงไปที่ เปียนมานาตั้งอยู่ใน "เขตพรมแดน" ของบรรดารัฐของชนชาติส่วนน้อยต่างๆ ตามแนวชายแดน ซึ่งนับว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศทางการพม่าประกาศอย่างชัดเจนครั้งแรกในวันจันทร์ (7 พ.ย.) เกี่ยวกับการย้ายที่ทำการรัฐบาลออกจากกรุงย่างกุ้ง ไปสู่ "เมืองหลวงใหม่" ที่เมืองเปียนมานา (Pyanmana) ห่างขึ้นไปทางเหนือกว่า 300 ก.ม. ถัดจากเมืองตองอู ค่อนทางเกือบจะถึงเมืองมัณฑะเลย์ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของประเทศ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เป็นมหาเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศพม่าอายุเก่าแก่กว่าสองพันห้าร้อยปี เพื่อเสริมบารมีในสถานที่ที่เปรียบเสมือนได้กับจิตวิญญาณของชาวย่างกุ้ง และชาวพม่าสถานที่แห่งนี้มี ลานอธิฐาน จุดที่บุเรงนองมาขอพรก่อนออกรบ รอบพระเจดีย์มีประดิษฐกรรมที่สวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ พระเจดีย์นี้ได้รับการบูรณะและต่อเติมโดยกษัตริย์หลายรัชกาลองค์เจดีย์ห่อหุ้มด้วยแผ่นทองคำทั้งหมดน้ำหนักยี่สิบสามตันภายในประดิษฐานเส้นพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวนแปดเส้นและเครื่องอัฐะบริขารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนทั้งสามพระองค์ บนยอดประดับด้วยเพชรพลอยและอัญมณีต่างๆ จำนวนมาก และยังมีเพชรขนาดใหญ่ประดับอยู่บนยอด บริเวณเจดีย์จะได้ชมความงามของวิหาร สี่ทิศ ซึ่งทำเป็นศาลาโถงครอบด้วยหลังคาทรงปราสาท ซ้อนเป็นชั้นๆ งานศิลปะและสถาปัตยกรรมทุกชิ้นที่รวมกันขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพุทธเจดีย์ล้วนมีตำนานและภูมิหลังความเป็นมาทั้งสิ้นชมระฆังใบใหญ่ที่อังกฤษพยายามจะเอาไปแต่เกิดพลัดตกแม่น้ำย่างกุ้งเสียก่อนอังกฤษกู้เท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นภายหลังชาวพม่า ช่วยกันกู้ขึ้นมาแขวนไว้ที่เดิมได้ จึงถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีซึ่งชาวพม่าถือว่าเป็นระฆังศักดิ์สิทธิ์ ให้ตีระฆัง 3 ครั้งแล้วอธิษฐานขออะไรก็จะได้ดั่งต้องการ เป็นเจดีย์ที่มีความสวยงดงามและยิ่งใหญ่สมเป็นมหาเจดีย์ที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งจะมีทั้งผู้คนชาวพม่าและชาวต่างชาติมากมายพากันเดินทางมาเที่ยวชมและนมัสการทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างไม่ขาดสาย โดยค่าเข้าชมของชาวต่างชาตินั้น ราคาถึง 20 เหรียญสหรัฐ
  3. พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว พระพุทธรูปนอนที่ที่มีพุทธลักษณะที่สวยงามในแบบของมอญ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่า ถือได้ว่าเป็นพระนอนที่งดงามที่สุดของพม่า อีกทั้งตลอดสองข้างทางของบริเวณวัด ท่านสามารถที่จะเลือกหาเครื่องไม้แกะสลักที่มีให้เลือกมากมาย ราคาไม่แพง หรือจะเป็นไม้หอมที่เป็นไม้หายากมีอยู่เพียงไม่กี่ประเทศที่มี เจดีย์ไจ๊ปุ๋น สร้างในปี 1476 ก่อเป็นแกนทึบสี่เหลี่ยมอยู่ตรงกลาง รอบ ๆ มีพระพุทธรูปนั่งสูง 30 เมตร ประดิษฐานอยู่ทั้งสี่ทิศ แทนองค์พระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ในภัทรกัป สร้างขึ้นโดยสตรีสี่พี่น้องที่มีพุทธศรัทธาสูงส่งและต่างให้สัตย์สาบานว่าจะรักษาพรหมจรรย์ไว้ชั่วชีวิต ไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ ต่อมา 1 ใน 4 สาวหนีไปแต่งงาน ร่ำลือกันว่าทำให้พระพุทธรูปองค์นั้นเกิดรอยร้าวขึ้นทันที ซึ่งต่อมามีการบูรณะเจดีย์เมื่อปี พ.ศ. 2019
  4. เมืองหงสาวดี หรือชาวพม่าจะเรียกว่า เมืองพะโค หรือ Bago ในภาษาอังกฤษ เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ทั้งทางด้านพระพุทธศาสนา และประวัติศาสตร์ชาติพม่า เป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของอาณาจักรมอญในอดีต มีเจดีย์และวัดเก่ากว่านับพันปี พระราชวังบุเรงนอง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อดีในนามผู้ชนะสิบทิศ เคยเป็นที่ประทับของพระนางสุพรรณกัลยา และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งต้องตกเป็นเชลยศึก เมื่อต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า แต่ปัจจุบัน พระราชวังแห่งนี้ได้เหลือเพียงแต่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์ และถูกสร้างจำลองพระราชวังและตำหนักต่าง ๆ ขึ้นมาใหม่โดยอ้างอิงจากพงศาวดาร และความเข้าใจตามข้อมูลของกรมศิลปกรของรัฐบาลพม่า ภายในมีห้องบรรทมและพระที่นั่งผึ้ง (จำลอง) และพระที่นั่งสิงค์ (จำลอง)
  5. เมืองสิเรียม ห่างจากเมืองย่างกุ้งประมาณ 45 กิโลเมตร ชมความแปลกตาของเมืองสิเรียมที่เคยเป็นเมืองท่าของโปรตุเกสมาก่อน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำย่างกุ้งที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำอิระวดี
  6. พระเจดีย์เยเลพญา เจดีย์เกาะกลางน้ำอายุนับพันปี ต้องนั่งเรือพายข้ามไป ประมาณ 10 นาที เป็นที่เคารพนับถืออย่างมากของชาวเมืองสิเรียม พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี พระพุทธรูปปางไสยาสน์ มีความยาวถึง 55 เมตร สูง 16 เมตร ซึ่งพระบาทมีภาพมงคล 108 ประการ เป็นรอยพระบาทที่ซ้อนทับกัน และตามคติทางพุทธศาสนาเถรวาทแล้ว เชื่อว่าอดีตพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์จะเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้
  7. วัดพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วจำลอง ที่ได้มาจากอาณาจักรน่านเจ้า ที่เคยนำมาประดิษฐานที่พุทธมณฑล
  8. เจดีย์ซูเลย์ เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่างกุ้ง สร้างในสมัยที่อังกฤษยังปกครองพม่าอยู่ ถ้าเปรียบแล้ว เจดีย์ซูเลนี้ ก็เหมือนกับหัวใจของเมืองย่างกุ้ง เพราะชาวอังกฤษได้วางผังเมืองให้เจดีย์นี้ เป็นศูนย์กลาง ฝั่งตรงข้ามของเจดีย์ซูเลมีสวนสาธารณะมหาบัณฑุละ ภายในสวนมีอนุสาวรีย์อิสระภาพ รูปเสาแหลมสูง 40 เมตร ล้อมรอบด้วยเสาหินสูง 9 เมตร 5 ต้น แทนรัฐที่ปกครองตนเองกึ่งอิสระ 5 รัฐ คือ ฉาน กะฉิ่น กะยิน(กะเหรี่ยง) กะยา และชิน บริเวณใกล้เคียงก็จะมีสถานที่ราชการที่สำคัญในอดีต ก่อนที่พม่าจะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองอื่น
  9. เมืองพุกาม ดินแดนแห่งเจดีย์หมื่นองค์อย่างเมืองพุกามที่มีความสำคัญด้านพุทธสถานอย่างหาที่เปรียบมิได้นั้น นับเป็นดินแดนอารยธรรมที่เปี่ยมไปด้วยพระเจดีย์และวัดวาอารมอันศักดิ์สิทธิ์และสวยงาม ทั้ง พระเจดีย์ชเวซิกอง วัดถ้ำจันสิทธา วัดทิโลมินโล วิหารนันปยะ เจดีย์อานันทะ เจดีย์มิงกาลา เจดีย์กูบยางคยี และอีกหลากหลายความงามแห่งศิลปกรรมที่มิอาจพรรณนาได้หมด เพราะแต่ละพุทธสถานก็มีความงดงามที่ยิ่งใหญ่จากฐานรากวัฒนธรรม ประเพณีและวิถีความเป็นมาที่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่าพุทธสถาน ณ แห่งหนตำบลใดในดินแดนพม่าแห่งนี้ เชื่อได้เลยว่า ความขลังและความศักดิ์สิทธิ์จะสามารถประทับใจผู้มาเยือนให้จดจำไว้อย่างมิรู้ลืม
  10. วัดกุโสดอ (Kuthodaw)ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ทำสังคยานาพระไตรปิฎกครั้งที่ 5 พุทธสถานสำคัญที่ถูกบันทึกไว้ในกินเนสบุ๊คว่ามีแผ่นจารึกพระไตรปิฏก ทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  11. สะพานอูเป็ง สะพานไม้สักที่มีความยาวที่สุดในโลกแห่งมัณฑะเลย์
  12. วัดอะตูมาชิ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน วัดนี้เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจำนวน 114 แห่งที่สร้างขึ้นใน รัชสมัยของพระเจ้ามินดง ตลาดเซโจ เป็นศูนย์กลางการค้าในเขตพม่าบน ช่างฝีมือของที่นี่ ผลิตงานฝีมือตามกรรมวิธีโบราณ ด้วยทอง เงิน หินอ่อน กับสิ่ว เส้นด้าย และหูกทอผ้า
  13. พระเจดีย์โบตะตอง ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรับพระเกศาธาตุก่อนที่นำไปบรรจุในพระเจดีย์ชเวดากอง เมื่อพระเกศาธาตุได้ถูกอัญเชิญขึ้นจากเรือ ได้นำมาประดิษฐานไว้ที่พระเจดีย์โบตะตองแห่งนี้ก่อน พระเจดีย์แห่งนี้ได้ถูก ทำลายในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ โดยมีความแตกต่างกับ พระเจดีย์ทั่วไปคือ ออกแบบให้ใต้ฐานพระเจดีย์มีโครงสร้างโปร่งให้คนเดินเข้าไปภายในได้ โดยอัญเชิญพระบรมธาตุไว้ในผอบทองคำให้ผู้คนได้เข้ามากราบไหว้มองเห็นได้ชัดเจน ส่วนผนังใต้ฐานเจดีย์ได้นำทองคำและของมีค่าต่างๆ ที่มีพุทธศาสนิกชนชาวพม่านำมาถวายแก่องค์พระเจดีย์ มาจัดแสดงไว้
  14. ตลาดสก็อต (Scot Market) หรือ ตลาดโบฉกอองซาน (Bogyoke Aung San) เป็นตลาดเก่าแก่ของชาวพม่าสร้างขึ้นโดยชาวสก๊อตในสมัยที่ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ เป็นลักษณะอาคารเรียงต่อกันหลายหลัง สินค้าที่จำหน่ายในตลาดแห่งนี้มีหลากหลายชนิด สามารถซื้อหาของที่ระลึกพื้นเมืองได้มากมายในราคาถูก เช่น เครื่องเงิน ที่มีศิลปะผสมระหว่างมอญกับพม่า ภาพวาด งานแกะสลักจากไม้ อัญมณี หยก ผ้าทอ เสื้อผ้าสำเร็จรูป แป้งทานาคา (Thanakha)ผ้าปักพื้นเมืองและเครื่องเงิน เป็นต้น (หากซื้อสิ้นค้าหรืออัญมณีที่มีราคาสูงควรขอใบเสร็จรับเงินด้วย ทุกครั้ง เนื่องจากจะต้องแสดงให้ศุลกากรตรวจ) สำหรับชาวไทยแล้วอาจจะต้องใช้เวลาเดินที่ตลาดนี้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
  15. วัดพระหินขาว หรือที่มีชื่อเรียกอย่างทางการว่า “Lawka Chantha Abaya Labamuni Buddha Image” พระหินขาวนี้สร้างจากหินขาวที่มีลักษณะมันวาว สีขาวสะอาดและไม่มีตำหนิ สูง 37 ฟุต กว้าง 24 ฟุต หนัก 600 ตัน เป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง พระหัตถ์ขวาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากสิงคโปร์ และศรีลังกายกขึ้นหันฝ่าพระหัตถ์ออกจากองค์ หมายถึงการไล่ศัตรูและประทานความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ยังมีการนำหินที่เหลือมาสลักเป็นพระพุทธบาทซ้าย-ขวา ประดิษฐานอยู่ บริเวณด้านหลังพระพุทธรูปด้วย
  16. วัดชเวนันดอ (Shwenandaw) ซึ่งสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ลวดลายแกะสลักวิจิตร อ่อนช้อยทั้งหลังคา บานประตู และหน้าต่างอันเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับพุทธประวัติ และทศชาติของพระพุทธเจ้าซึ่งความงดงามตามแบบศิลปะพม่าแท้ ๆ ภายในวัดมีพระพุทธรูปอันวิจิตรงดงามศิลปะพม่า
  17. พระเจดีย์ชเวซิกอง ( Shwezigon Pagoda ) อันศักดิ์สิทธ เจดีย์องค์ใหญ่ ที่มีสีทองอร่ามตา เริ่มสร้างขึ้นในปี พ.ศ 1627 โดยพระเจ้าอโนรธามหราช แต่สร้างไม่เสร็จ จนกระทั่งมาสร้างเสร็จในรัชสมัยของพระเจ้าจันสิธาเมื่อปี พ.ศ 1656 เชื่อกันว่าภายในบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งรูปแบบถาปัตยกรรมของพระ เจดีย์ชเวซิกองนี้ ต่อมาเป็นแบบอย่างของการสร้างเจดีย์ของประเทศพม่า ในยุคต่อ ๆ มา
  18. พระพุทธมหามุนี (Mahamui Pagoda ) หรือรู้จักกันในนามพระล้างหน้า ที่มีความงดงามตามศิลปกรรมพม่า ที่มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปสำริดปิดทอง ที่อย คู่บ้านคู่เมืองมาช้านานที่สร้างขึ้นราว ปี พ.ศ 2327 เป็นสถานที่ที่สำคัญรองจากพระธาตุเชเวดากองในกรุงย่างกุ้ง พระราชวังมัณฑะเลย์ของพระเจ้ามินดงและกษัตริย์ สีป่อ พระเจ้าแผ่นดินองค์สุดท้าย พระราชวังมัณฑะเลย์สร้างขึ้นสมัยพระราชามินดง Mindon ราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ภายหลังจากมีสงครามระหว่างพม่ากับอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2395เวลานั้นเมืองหลวงอยู่ที่ อมรปุระ Amarapura ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2325 พระราชามินดงต้องการที่จะหาที่ตั้งของเมืองหลวงที่จะสร้างใหม่หลังสงครามเพราะเมืองหลวงเก่าได้ซึ่งผ่านสิ่งร้ายๆมา ประกอบกับการยึดมั่นในหลักศูนย์กลางพุทธศาสนา และพระพุทธเจ้าได้ปรินิพพานครบ 2,400 ปี จึงมีรับสั่งให้สร้างเมืองหลวงใหม่ให้เป็น "เมืองสีทอง" Golden City ได้ปรึกษากับพระโหราจารย์ และได้ศุภฤกษ์ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2400 โดยได้วางศิฤาฤกษ์ และต่อมาก็ตั้งผังเมือง โดยฝั่งทางตะวันตกนั้นได้นำชีวิตมนุษย์สังเวย โดยนำชาย หญิง และเด็กจำนวน 52 ชีวิต ฝังไว้ภายใต้เสาหลักเมือง เชื่อว่าวิญญาณของคนเหล่านี้จะปกป้องคุ้มครองเมือง การก่อสร้างเมืองเสร็จสมบูรณ์ในปี 2402 รวมระยะเวลาในการสร้าง 2 ปี เมืองสร้างเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส วัดได้ ประมาณ 2,030 เมตร ในแต่ละด้าน พระราชวังตั้งอยู่ตรงกลางจตุรัส มีกำแพงล้อมรอบโดยมีประตู 12 ด้าน ตามจักราศรีพระราชวังโดดเด่นด้วยหอสูง 78 เมตร ซึ่งตั้งเป็นศูนย์กลางของจักรวาลตามความเชื่อ เกี่ยวกับเรื่องไตรภูมิในพุทธศาสนา หลังคาสูงเจ็ดชั้นประดับด้วยทองคำเปลว โดยได้สร้างให้สมเกียรติ กับบัลลังค์สิงโตซึ่งใช้ในการประกอบพิธีกรรมสำคัญๆ เช่นพิธีKadaw เทิดพระเกียรติ ซึ่งจัดขึ้น 3 ครั้งต่อปี พระราชวังทั้งหมดทำจากไม้ซึ่งนำมาจากวังเดิมที่อมรปุระ พระราชวังตกแต่งด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปตามเทพนิยาย รูปดอกไม้และสัญลักษณ์ทางโหราศาสตร์ มีหอนาฬิกาที่ทำจากไม้สักเพื่อเป็นที่สังเกตุการณ์ของทหารเพื่อระวังไฟไหม้ กษัตริย์มินดงได้สวรรค์คตในปี 2421 ต่อมาพระราชวังได้ถูกไฟไหม้วอดวาย ในปี 2488 รัฐบาลพม่าจึงได้บูรณะวังใหม
  19. วัดถ้ำจันสิทธา (Kyanzittha Umin ) ซึ่งมีลักษณะอาคารเตี้ยก่อด้วยอิฐอยู่ใต้ดิน ครึ่งหนึ่งบนพื้นดินครึ่งหนึ่ง พบกับภาพเขียนโบราณซึ่งวาดขึ้นในระหว่างพุทธ ศตวรรษที่ 16-19 ที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าจันสิทธา
  20. วัดทิโลมินโล (Htilominlo Pagoda ) ที่สันนิษฐานว่า น่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า “ไตร โลกมงคล “ สร้างโดยพระเจ้าติโลมิโล เมื่อปี พ.ศ 1761 ซึ่งได้รับการยกย่องว่ามีความ สวยงามมากทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะปูนปั้นบริเวณฐานด้านนอก วิหารนันปยะ ( Nanpaya ) ตามตำนานกล่าวว่าเป็นที่ประทับของพระเจ้ามนูหะ ซึ่งพระเจ้า อโนรถา ทรงจับเป็นเชลยมาจากเมือง สะเทิน สร้างด้วยอิฐและสอดินแต่พื้นปูด้วยหิน มี แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและมีมุขยื่นยาวออกไปทางทิศตะวันออก ใกล้กับแท่นบูชา ภายในอาคารมีเสาหิน 4 เสา และบนแต่ละด้านของเสาก็สลักลายดอกไม้รูปสามเหลี่ยมและ เทวรูปพระพรหมทรงถือดอกบัวอยู่ในแต่ละหัตถ์ งานตกแต่งภายนอกอาคารที่น่าสนใจยิ่ง คือ บานหน้าต่างเป็นช่องปรุทำจากศิลา อันเป็นแบบอย่างและกรรมวิธีของงานงางพุกามใน ส่วนที่เชื่อว่ารับวัฒนธรรมมอญ ทั้งนี้รวมถึงลวดลายที่ประดับกรอบของหน้าต่างและส่วน อื่นของผนังด้วยพระเจดีย์ธรรมยาจี สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้านรถุ (พ.ศ. 1710 – 1713) เจดีย์อานันทะ (ชื่อดังเดิมคือ อนันตปัญญา) เป็นวิหารทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสมีมุขเด็จ ออกไปเท่ากันทั้ง 4 ด้านแต่ละด้านมีซุ้มคูหาประดิษฐานพระพุทธรูปทรงสูง 10 เมตร ใหญ่โตสูงสง่าและเป็นศิลปะพระพุทธรูปต้นแบบสมัยพุกามดั้งเดิม เจดีย์สัพพัญญู (THATBYINYU) เป็นวิหารสูงที่สุดในพุกามทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส มีความสูง 201 ฟุต เป็นวัดประจำรัชกาลพระเจ้าอลองสินธสร้างเลียนแบบวัดในประเทศอินเดีย สูงห้า ชั้นโดยชั้นที่สี่เป็นที่ปดิษฐานพระไตรปิฎกฉบับต้นแบบและชั้นที่ห้าเป็นองค์พระสถูปอัน ศักดิ์สิทธิ์ พระเจดีย์กูบยางคยี (GUPYAUKKYI PAGODA) ที่สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิธะในราวปี พ.ศ. 1656 พระเจดีย์แห่งนี้สร้างแบบศิลปะของพยูหรือพุกามตอนต้น ภายใน พระเจดีย์ท่านจะได้ชมจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดของเมืองพุกามที่ยังคง หลงเหลืออยู่
  21. วัดมหากันดายงค์ ( Maha Gandayon Monastery ) ซึ่งเป็นวัดใหญ่ที่สุดของพม่าที่เมืองอมรปุระ ซึ่งในช่วงเพลจะมีภิกษุสงฆ์นับร้อยรูปเดินเรียงแถวด้วยอาการสำรวมเพื่อรับอาหาร
  22. พระเจดีย์มิงกาลา ชมทัศนียภาพของอาณาจักรพุกามจากมุมสูง จากสถานที่ แห่งนี้ ท่านจะได้พบกับพระเจดีย์น้อยใหญ่จำนวนมากมายที่เป็นที่มาของชื่อ “ดินแดนแห่งพระจดีย์สี่พันองค์” พระอาทิตย์ตกริมฝังแม่น้ำอิรวดีที่พระเจดีย์บุพะยา (BUPAYA PAGODA) ซึ่งจะทำให้ท่านประทับใจมิรู้ลืม ช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองจำพวกเครื่องเขิน (LACQUERWARE ) ในบริเวณหมู่บ้าน พุกามใหม่ (New Bagan) ซึ่งดำเนินกิจการติดต่อนานกว่า 1,000 ปี
  23. มิงกุน มิงกุนตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำเอยาวดี ทางตอนบนสุดของทิวเขา ที่โอบล้อมเมืองสกายน์เอาไว้ ที่นี่มีระฆังใบใหญ่ที่สุดในโลก ที่ยังคงสภาพดีเยื่ยม กับพระเจดีย์ขนาดมหึมา ที่ยังสร้างไม่เสร็จอีกองค์หนึ่ง ตั้องยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของเขามัณฑะเลย์ ห่างไปกว่า 10 กิโลเมตรมิงกุน ไม่ใช่ราชธานี ที่ประทับของกษัตริย์อย่างอินน์วะ กับอมรปุระ แต่ก็มีความสำคัญในตัวเอง และมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาก หมู่บ้านแห่งนี้ เข้ามาได้โดยทางน้ำเท่านั้น โดยจะมีเรือ อกจากมัณฑะเลย์ทุกวัน และใช้เวลาเดินทาง ราวหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ถ้าคุณไม่ได้โดยสารเรือกลไฟเยาวดี จากมัณฑะเลย์มายังปะกั่น อย่างน้อย ก็น่าจะลองนั่งเรือ สำหรับการเดินทาง ในช่วงนี้ดู จะได้ชมวิถีชีวิต ของชาวบ้านบนลำน้ำสายนี้ จากมยิตจีนากับปะเต่งลงมายังย่างกุ้ง เมืองมิงกุน “เจดีย์ยักษ์มิงกุน”เจดีย์องค์นี้ถ้าสร้างสำเร็จก็จะมีความสูงถึงราว 165 เมตร และจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่ สุดในประเทศพม่า อย่างไรก็ดีเมื่อพระเจ้าปะดุงสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. 2362 เจดีย์องค์นี้ก็ถูกทอดทิ้งไม่มีการสร้าง คงเหลือไว้เป็นกองอิฐที่ใหญ่ที่สุดในโลกจากนั้นชม “ระฆังยักษ์มิงกุน” ซึ่งพระเจ้าปะดุงทรงสร้างไว้ เป็นระฆังสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศพม่า น้ำหนักประมาณ 90 ตัน ระฆังนี้สูง 4 เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ปากกว้างราว 5 เมตร นับว่าเป็นระฆังที่แขวนอยู่ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก
  24. หมู่สถูป -เจดีย์ที่มีให้เห็นอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง และผู้คนที่มีชีวิตชีวาเปี่ยมไปด้วยน้ำใจ ไมตรีมัณฑะเลย์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงย่างกุ้ง ห่างขึ้นมา 620 กิโลเมตร และอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 80 เมตร ชาวพม่าถือว่าสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและพุทธศาสนา ทั้งในอดีตและปัจจุบันของพม่าคือมัณฑะเลย์ ใจกลางเมืองมี ตลาดเซโจ เป็นศูนย์กลางการค้าในเขตพม่าบน ช่างฝีมือของที่นี่ ผลิตงานฝีมือตามกรรมวิธีโบราณ ด้วยทอง เงิน หินอ่อน กับสิ่ว เส้นด้าย และหูกทอผ้า สองฝั่งน้ำเอยาวดี มีท่าเรือคั่นอยู่เป็นระยะ เรือขนข้าวขึ้นล่องผ่านไปมา ไม่ขาดสาย สถานที่ท่องเที่ยวในมัณฑะเลย์เจดีย์เจาตอจี (Kyauktawgyi Pagoda ) หรือเรียกว่า วัดหินใหญ่ ภายในมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่แกะสลักจากหินอ่อนก้อนเดียว เนินเขามัณฑะเลย (Mandalay Hill ) มีความสูง 236 เมตร ซึ่งทางขึ้นเป็นบันไดที่มีหลังคาทอดตัวขึ้นสู่ยอดเขาทั้งหมด 1,729 ขั้น และศาลเล็ก ๆ ตั้งอยู่เป็นระยะ ๆ มีอยู่หลายหลังที่เป็นผลงานของฤาษีอู่ขั้นตี่ ผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งบนยอดเขามีวิหารหลังใหญ่แห่งแรกที่บรรจุพระบรมธาตุสามองค์ ของพระพุทธเจ้าไว้ ท่านจะสามารถเห็นทัศนียภาพของตัวเมืองมัณฑะเลย์ ยามอาทิตย์อัสดงได้อย่างชัดเจน สะพาน อูเป็ง ( U Bien Bridge ) เป็นสะพานที่สร้างขึ้นจากไม้สักที่นำมาจาก พระราชวังในเมืองอังวะ ที่สร้างขึ้นเมื่อ 200 กว่าปี ที่แล้วมีความยาว 1.2 ก.ม
  25. พระเจดีย์สินพยุเม ซึ่งพระเจ้าพะคยีดอทรางสร้างใน พ.ศ. 2359 ก่อนที่จะเสด็จขึ้นเสวยราชย์ เจดีย์องค์นี้เปรียบเสมือนพระเจดีย์จุฬามณีซึ่งตั้งอยู่เหนือเขาพระสุเมรุอันเป็นศูนย์กลางของจักรวาลตามความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องไตรภูมิในพุทธศาสนา พระเจ้าพะคยีดอทรงสร้างอุทิศแด่พระชายาคือ เจ้าหญิงสินพยุเมที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว แม้จะถูกทำลายโดยแผ่นดินไหว แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมและปัจจุบันยังคงอยู่ในสภาพดี มัณฑะเลย์ เคยเป็นราชธานีของเขตพม่าบน แต่กลับมีอายุเก่าแก่ ไม่ถึง 150 ปี ดี และเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่เมือง ของพม่าที่ยังคง ใช้ชื่อเดิมเรื่อยมาโดยไม่มีการเปลี่ยนคำเรียกหาแต่อย่างใด ชื่อ มัณฑะเลย์ ฟังดูเก่าแก่โบราณพอๆ กับ แม่น้ำเอยาวดี (อิระวดี) ที่ทอดสาย ไหลเอื่อยผ่านตัวเมืองแห่งนี้ เสน่ห์ของมัณฑะเลย์ อยู่ที่การเป็นราชธานีแห่งสุดท้ายของ พระราชวงศ์พม่า หมู่สถูปเจดีย์ ที่มีให้เห็นอยู่ทั่ว ทุกหนทุกแห่ง และผู้คนที่มีชีวิตชีวา เปี่ยมไปด้วย น้ำใจไมตร มัณฑะเลย์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงย่างกุ้ง ห่างขึ้นมา 620 กิโลเมตร และอยู่สูง เหนือระดับน้ำทะเล 80 เมตร ชาวพม่าถือว่า สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและพุทธศาสนา ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ของพม่า คือมัณฑะเลย์ใจกลางเมืองมี ตลาดเซโจ เป็นศูนย์กลาง การค้า ในเขตพม่าบนช่างฝีมือของที่นี่ ผลิตงานฝีมือตามวิธีโบราณ ด้วยทอง เงิน หินอ่อน กับสิ่ว เส้นด้าย และหูกทอผ้า สองฝั่งน้ำเอยาวดี มีท่าเรือคั่นอยู่เป็นระยะ เรือขนข้าวขึ้นล่องผ่านไปมา ไม่ขาดสาย มัณฑะเลย์ เคยเป็นราชธานีของเขตพม่าบน แต่กลับมีอายุเก่าแก่ไม่ถึง 150 ปีดี และเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่เมืองของพม่า ที่ยังคง ใช้ชื่อเดิมเรื่อยมาโดยไม่มีการเปลี่ยนคำเรียกแต่อย่างใด ชื่อมัณฑะเลย์ ฟังดูเก่าแก่โบราณพอๆ กับแม่น้ำเอยาวดี (อิระวดี) ที่ทอดสายไหลเอื่อยผ่านตัวเมืองแห่งนี้ เสน่ห์ของมัณฑะเลย์ อยู่ที่การเป็นราชธานีแห่งสุดท้ายของพระราชวงศ์พม่า