คนเจ้าเสน่ห์ที่มีความสุข

9 วิธี เป็นคนเจ้าเสน่ห์ที่มีความสุข

หลายคนอาจมั่นใจในตัวเองว่าเป็นคนมีเสน่ห์ และถูกแวดล้อมด้วยคนรอบข้างตลอดเวลา แต่แน่ใจหรือว่า คุณเป็นคนเจ้าเสน่ห์ที่มีความสุข ในชีวิตจริงๆ ไม่ใช่แค่คนมารุมล้อมคุณเพราะการที่คุณลงทุนทุ่มเงิน หรือสิ่งตอบแทนให้เขาเหล่านั้น "หนังสือ 104 วิธีสู่การเป็นคนน่ารัก" ได้ให้แง่คิดการมีชีวิตแบบเป็นสุข จนอดหยิบยกมานำเสนอให้กับสาวเจ้าเสน่ห์ที่อยากมีความสุขที่แท้จริงไม่ได้ว่า จริงๆ แล้ว การหันมามองตัวเองเป็นการสร้างความสุขให้กับตัวเองมากที่สุด

1. สร้างเป้าหมายให้กับชีวิต

ดัชนีที่สามารถใช้ชี้วัดความกระตือรือร้นและพลังชีวิตของแต่ละคนคือ ความสามารถในการสร้างเป้าหมายในชีวิต ลองถามตัวเอง ให้แน่ในเกี่ยวกับเป้าหมายระดับต่างๆ ที่ตั้งไว้ เพราะสิ่งนั้นควรจะเป็นเรื่องที่เราต้องการจริงๆ มีเวลาและพลังงานมากพอ รวมทั้งคุ้มค่าต่อ ความพยายามที่แลกไป เป้าหมายในระดับสูงน่าจะเป็นสิ่งสะท้อนถึงคุณค่าที่เรายึดถือในชีวิตอย่างแท้จริง เพื่อที่ว่าจะได้เกิดแรงผลักดัน ในการไปให้ถึง

2. กำหนดแต่ละก้าวสู่จุดหมายให้ชัดเจน

แต่ละก้าวที่เรามุ่งไปสู่จุดหมาย เมื่อสิ้นสุดภารกิจแต่ละขึ้นตอน สูดหายใจลึกๆ และทบทวนอีกครั้งว่าก้าวต่อไปจะแตกต่างจากเดิมอย่างไร ด้วยวิธีนี้จะทำให้เรามองเห็นขึ้นต่อไปชัดเจนขึ้น และมีพลังงานสำรองมากพอที่จะลุยไปข้างหน้า หากเป้าหมายที่วางไว้เป็น สิ่งใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยในชีวิต ลองปรึกษากับคนที่ประสบความสำเร็จมาก่อน ใช้คำแนะนำและชัยชนะของพวกเขา มาเป็นแรงกระตุ้นที่มีประโยชน์สำหรับเรา แล้วทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

3. รักษาทัศนคติในแง่บวกและความกระตือรือร้นเอาไว้ให้ด

กฎทองที่ควรมีไว้เตือนใจตัวเองเป็นประจำคือ พยายามเพ่งมองผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากสิ่งต่างๆ ที่เรากำลังทำอยู่ในแง่ดี มากกว่ามองในแง่ลบ แล้วสิ่งนี้เองที่จะสะท้อนไปถึงสิ่งแวดล้อมในการทำงาน ที่คุณจะสามารถเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้เป็นอย่างดี ทำให้มีความสุขใน การทำงานเพิ่มขึ้น

4. รู้จักใช้ศิลปะในการวิพากษ์วิจารณ

อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้พ้นทั้งในชีวิตส่วนตัวและชีวิตการงานคือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งที่เราเป็นผู้กระทำและเป็นฝ่ายถูกกระทำ ไม่ว่าจะเป็นมุมไหนก็ตาม ศิลปะในการวิพากษ์วิจารณ์ที่สร้างสรรค์มีกฎง่ายๆ อยู่ไม่กี่ข้อ คือ มีจุดประสงค์ในการวิจารณ์ที่เสนอ ทางออก ที่เป็นจริง รวมทั้งให้คำแนะนำที่ดีในการแก้ปัญหา ในการวิพากษ์วิจารณ์ควรทำเป็นส่วนตัวไม่ใช่ในที่สาธารณะ และคำนึงถึง ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนต่างๆ ด้วย หากทำได้ตามขั้นตอนเหล่านี้ การวิพากษ์วิจารณ์นั้นๆ จะให้ผลในแง่ดี

5. พูดคำว่า "ไม่" เสียบ้าง เพื่อลดความเครียดลง

ดูเหมือนว่าความเครียดส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมาจากการปฏิเสธคนไม่เป็น หรือการไม่พูดคำว่า "ไม่" ออกไปชัดเจน ในบาง สถานการณ์โดยเฉพาะในชีวิตการทำงาน การปฏิเสธในเวลาที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรือทำให้ดูไร้น้ำใจเสมอไป เพียงแต่ต้อง เลือกวิธีการและจังหวะเวลาให้ดี ปฏิเสธอย่างชัดเจนในกรณีที่ทำไม่ได้จริงๆ พูดสั้นๆ แค่ "ไม่ค่ะ ขอบคุณมาก" แต่ในบางกรณีอาจปฏิเสธพร้อมเหตุผลสั้นๆ เช่น "ไม่สะดวกค่ะ ต้องรีบเตรียมรายงานสำหรับวันพรุ่งนี้" การมีท่าทียิ้มแย้มจะทำให้การปฏิเสธนั้นไม่ดูก้าวร้าว

6. มองหาศรัทธาในชีวิต

ในชีวิตคนเราจำเป็นต้องมีศรัทธาต่อบางสิ่งอยู่เสมอ ศรัทธาคือความเชื่อมั่นหรือการให้คุณค่าต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นความหมายและคำอธิบาย ต่อการได้เกิดมามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ง่ายๆ อย่างเช่นความศรัทธาที่มีต่อศาสนา ซึ่งถ้าเราจะยึดถือในเรื่องศาสนาได้อย่างพอดีก็นับเป็นเรื่องดีมาก เมื่อมีศรัทธาแล้ว ก็หันมายอมรับและพอใจกับตัวเอง ด้วยการค้นหาความสำเร็จสูงสุดในชีวิตให้เจอแล้ว แล้วมีความพอใจกับมัน แค่นี้ความพอใจในชีวิตก็จะเกิดขึ้นเอง

7. ดูแลสุขภาพกายใจให้ดีอยู่เสมอ

อย่าหลงลืมเป็นอันขาด การดูแลสุขภาพกายและใจให้แข็งแรงอยู่เสมอ เป็นเรื่องพื้นฐานที่เราต้องทำให้เป็นวินัยไปชั่วชีวิต เพราะเมื่อ สุขภาพดี เป็นเบื้องต้นแล้ว เท่ากับว่าต้อนทุนชีวิตของเรามีตุนอยู่เต็มกระเป๋า โดยเริ่มด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่ามัวคุมอาหารจนผอมหัวโต ออกกำลังกายเป็นประจก อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 20 นาที และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ คุณภาพชีวิตเต็มร้อยแน่นอน

8. อิ่มใจกับความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต

ไม่จำเป็นเสมอไปที่ความอิ่มเอิบใจ จะมาจากความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะมีตัวอย่างหลายต่อหลายเรื่องที่ทำให้เห็นว่า ความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ต่างหากที่จะนำไปสู่ชัยชนะที่สูงที่สุดในชีวิต ดังนั้นลองหันมาชื่นชมกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราทำสำเร็จดูบ้าง หากรู้จักอิ่มใจแล้ว ทีนี้ก็มอบความรักให้กับผู้อื่นด้วยการให้อภัย และพร้อมที่จะยกโทษให้คนรอบข้างได้เสมอ

9. ฟื้นฟูคุณค่าให้ตัวเอง ในวันที่แสนท้อแท้

คงจะมีบ้างในบางวันที่รู้สึกล้มเหลวและเป็นผู้แพ้ แทนที่จะปล่อยให้ตัวเองหมดแรงนอนซม หรือตามใจตัวเองผิดๆ ด้วยการกินอย่าง ไม่บันยะบันยัง ดังนั้นลองหาวิธีง่ายๆในการสร้างกำลังใจให้ตัวเอง เช่น ใช้เวลายามเย็นเดินชมสวน โทรคุยกับเพื่อนเก่าที่มีคำพูดดีๆ ให้เราเสมอ

 

ความสุขคืออะไร

รองศาสตราจารย์ ดร.คัคนางค์ มณีศรี

อาจารย์ วัชราภรณ์ เพ่งจิตต์

 

นักจิตวิทยาชื่อ วีนโฮเฟ่น (1997) ให้นิยามความสุขว่า หมายถึงการประเมินของแต่ละคนว่า ชื่นชอบชีวิตโดยรวมของตนเองมากแค่ไหน การที่เราบอกว่าเรามีความสุข จึงหมายถึงเรารู้สึกชอบหรือพึงพอใจกับชีวิตเรานั่นเองค่ะ คนที่มีความสุขนั้น เป็นคนที่แทบจะไม่รู้สึกวิตกกังวลกับชีวิตตนเอง ชอบสนุกสนานอยู่กับเพื่อนฝูง และชอบประสบการณ์ใหม่ ๆ มีอารมณ์มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงขึ้นลงง่าย และมักจะหวังว่าตนจะพบเจอสิ่งดี ๆ ในอนาคต

วิธีง่าย ๆ 10 ข้อ ในการเพิ่มความสุข

  1. นักจิตวิทยาแนะให้คุณตระหนักว่า ความสุขที่ยั่งยืนไม่มีสูตรสำเร็จที่จะสร้างขึ้นมาได้ แต่มนุษย์มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพ ความเป็นอยู่ของเราได้ ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจน เราก็สามารถมีความสุขได้ จริงอยู่ว่าความยากจนไม่มีจะกินทำให้เกิดทุกข์ แต่คนที่รวยล้นฟ้า ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะมีความสุขเสมอไป
  2. ต้องควบคุมตารางเวลาของตนเอง เพราะคนที่มีความสุขจะรู้สึกว่าชีวิตอยู่ในกำมือตัวเอง แบ่งเวลาออกเป็นส่วน ๆ ตามเป้าหมายว่า วันนี้จะทำอะไรบ้าง เช้าทำอะไร เย็นทำอะไร แล้วก็ทำตามที่ท่านเองวางแผนไว้ แล้วก็จะรู้สึกว่า เราทำอะไร ๆ ได้มากมาย
  3. ทำตัวให้มีความสุข ซึ่งก็ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการยิ้ม นักจิตวิทยาพบว่า เมื่อเรายิ้ม เราจะรู้สึกมีความสุขขึ้น ถ้าเราหน้าบึ้ง ก็จะรู้สึกว่าโลกนี้ไม่น่าอยู่เลย เพราะฉะนั้นอยากมีความสุขก็ให้ยิ้มเข้าไว้
  4. หางานหรือกิจกรรมที่ชอบทำในเวลาว่าง ให้ได้ใช้ทักษะของคุณเอง เช่น ทำงานฝีมือหรือจัดแต่งสวนหน้าบ้าน กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีสมาธิ เพลิดเพลิน รู้สึกอยากทำงานให้สำเร็จ ลืมสนใจอย่างอื่น จนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ต้องรอให้มีเวลาว่าง ในการทำงานทุก ๆ วันของคุณผู้ฟัง ก็สามารถทำได้ โดยการเปลี่ยนงานน่าเบื่อให้มีเป้าหมายว่า แต่ละชั่วโมงจะทำอะไรให้เสร็จบ้าง แล้วก็มุ่งมั่นทำให้ได้จะช่วยให้เราทำงานอย่างมีความสุข
  5. ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น เล่นกีฬา หรือเต้นแอโรบิคอยู่กับบ้านก็ได้ ซึ่งการศึกษาพบว่าการออกกำลังกายนั้น นอกจากจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังสามารถบำบัดอาการซึมเศร้าทางจิตและความวิตกกังวลได้ด้วย เพราะจิตใจที่แจ่มใสย่อมอยู่คู่กับร่างกายที่แข็งแรง
  6. พักผ่อนให้เพียงพอ คนที่มีความสุขนั้นนอกจากจะเป็นคนสดชื่นกระปรี่กระเปร่าแล้ว ถึงเวลาพักก็ต้องพักเต็มที่เพื่อเติมพลัง ถ้าเราพักผ่อนไม่เพียงพอก็จะรู้สึกอ่อนเพลีย เฉื่อยชาและอารมณ์เสียง่ายอีกด้วย
  7. ให้ความสำคัญกับคนใกล้ชิด เวลาเราเหงาหรือทุกข์ใจ ยาขนานเอกก็คือการมีใครสักคนมาใกล้ชิดและห่วงใยเราอย่างแท้จริง อย่าลืมทะนุถนอมความสัมพันธ์ด้วยการแสดงความรักให้อีกฝ่ายรับรู้ อย่าคิดว่าอยู่กันมานานรู้ใจกันอยู่แล้ว หมั่นแสดงน้ำใจต่อคนใกล้ชิดเหมือนที่ท่านแสดงความมีน้ำใจกับผู้อื่น ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันและเติมความรักอยู่เสมอ
  8. นักจิตวิทยาแนะว่า ให้ใส่ใจผู้อื่นให้มากกว่าตัวเอง มองข้ามความต้องการของตัวเองไปบ้าง แล้วดูว่าผู้อื่นต้องการอะไร ต้องการความช่วยเหลืออะไรจากคุณหรือไม่ เพราะการทำความดีโดยการช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นมีความสุข ก็จะทำให้คุณรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ และมีความสุขตามไปด้วย
  9. หันมามองและตระหนักถึงสิ่งดี ๆ ในชีวิตที่คุณมีอยู่และมักจะมองข้ามไป เช่นสุขภาพที่แข็งแรงของคุณ เพื่อน ๆ ที่หวังดี ครอบครัวที่อบอุ่น คนที่จดจำและซาบซึ้งกับสิ่งดี ๆ ในชีวิตจะมีความสุขมากขึ้นได้
  10. สร้างศรัทธาในศาสนาเอาไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ผลจากการวิจัยพบว่าผู้ที่ศรัทธาในศาสนาใดก็ตามจะปรับตัวกับเรื่องร้าย ๆ ในชีวิตได้ดีกว่า รู้สึกว่าชีวิตเรามีความหมาย ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และแน่นอนว่ามีความสุขในชีวิตมากกว่า

 

นี่ก็คือวิธีง่าย ๆ 10 ข้อ ในการเพิ่มความสุขให้แก่คุณ ลองนำไปปฏิบัติ และคุณก็จะเห็นว่าความสุขอยู่ใกล้มือเราเอง