ระบบเครื่องฟอกอากาศ

ระบบฟอกอากาศ

ระบบฟอกอากาศ ( Air Purifier) ในปัจจุบันผู้ผลิตนิยมติดตั้งระบบฟอกอากาศ ไว้ในเครื่องปรับอากาศ เพื่อช่วยทำให้อากาศภายในห้องมีความสะอาดบริสุทธิ์ มากขึ้น ซึ่งระบบฟอกอากาศที่ติดตั้งมาพร้อม เครื่องปรับอากาศ มีอยู่ด้วยกันหลายระบบดังนี้

• การกรอง ( Filtration) เป็นการใช้แผ่นกรองอากาศในการดักจับฝุ่นละออง หรืออนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่าช่องว่างระหว่างเส้นใย โดยที่สิ่งสกปรกจะติดค้างอยู่ที่ไส้กรอง และต้องทำการเปลี่ยนเมื่อหมดอายุการใช้งาน ตัวอย่างของระบบนี้ก็คือ HEPA (High Efficiency Particulate Air) ซึ่งเป็นการกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.05 ไมครอน
ในกรณีที่ต้องการกำจัดกลิ่นในอากาศ จะนิยมใช้แผ่นคาร์บอน ( Activated carbon filters) เพื่อดูดซับกลิ่นเช่น กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอาหารเป็นต้น

• การดักจับด้วยไฟฟ้าสถิต ( Electrostatic Precipitator) เป็นการใช้ตะแกรงไฟฟ้า ( Electric grids) ในการดักจับฝุ่นละออง หรืออนุภาค โดยการเพิ่มประจุไฟฟ้าให้กับอนุภาคฝุ่นละออง และใช้แผ่นโลหะอีกชุดหนึ่งซึ่งเรียงขนานกันดูดอนุภาคฝุ่นละอองไว้ โดยที่หลังจากใช้งานไประยะหนึ่งต้องหยุดเครื่องเพื่อทำความสะอาดแผ่นโลหะ
• การปล่อยประจุไฟฟ้า ( Ionizer) เป็นการใช้เครื่องผลิตประจุไฟฟ้า และปล่อยออกมาพร้อมกับลมเย็นเพื่อดูดจับอนุภาคฝุ่นละออง และกลิ่น โดยประจุลบที่ปล่อยออกมาจะทำการดูดจับอนุภาคฝุ่นละอองและกลิ่น ซึ่งมีโครงสร้างเป็นประจุบวก จนกระทั่งกลุ่มอนุภาคเหล่านั้น รวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่ขึ้น และตกลงสู่พื้นห้อง โดยกลุ่มอนุภาคเหล่านั้นจะถูกกำจัดไปพร้อมกับการทำความสะอาดพื้นห้องตามปกติ ดังนั้นระบบนี้จึงไม่จำเป็นต้องมีการทำความสะอาดเพราะไม่มีการดักจับโดยใช้แผ่นกรองแต่เป็นการใช้ปฏิกิริยาทางเคมี
ประจุลบ = ผลิตจากระบบฟอกอากาศ
ประจุบวก = ฝุ่นละออง กลิ่น ควัน เชื้อโรค

การประหยัดไฟฟ้า ( Energy Saving) ในปัจจุบันมีเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด เพื่อตอบสนองนโยบายการประหยัด การพลังงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ซึ่งเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 จะมีประสิทธิภาพพลังงาน ( EER - Energy Efficiency Ratio) สูงกว่า และช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า แต่ข้อเสียคือมีราคาสูงกว่าเครื่องปรับอากาศธรรมดา ดังนั้นผู้ซื้อจึงควร เปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่างต้นทุนที่เพิ่มขึ้น กับค่าไฟฟ้าในระยะยาวโดยขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายอย่าง เช่น ส่วนต่างราคา จำนวนปีที่จะใช้งาน จำนวนชั่วโมงที่จะใช้งานต่อวัน เป็นต้น

การเลือกซื้อแอร์มีหลักเกณฑ์อะไรบ้าง?


ข้อแนะนำต่อไปนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่กำลังตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศได้ดีขึ้น
1. ควรเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศจากผู้ผลิตและผู้จำหน่ายที่เชื่อถือได้ เพราะเครื่องปรับอากาศโนเนมส่วนใหญ่จะมีกำลังความเย็น ( BTU ) น้อยกว่าที่แสดงไว้บนฉลากหรือที่ภาษาช่างแอร์เรียกว่าไม่เต็มบีทียู เครื่องปรับอากาศจากผู้ผลิตโนเนมส่นใหญ่มีกำลังความเย็นเพียง 70 - 80 % ของที่โฆษณาไว้ นอกจากจะมีกำลังความเย็นไม่เต็มบีทียูแล้ว แอร์โนเนมยังมีเสียงดังแล้วยังเสียเร็วด้วย
2. ควรเลือกใช้เครื่องปรับอากาศ ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หรือเบอร์ 4 และได้มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) เพราะได้รับการทดสอบความสามารถในการทำความเย็นแล้วซึ่งทำให้ท่านแน่ใจได้ว่าจะได้เครื่องปรับอากาศที่ประหยัดไฟฟ้าและมีประสิทธิภาพเต็มบีทียู นอกจากนี้ควรพิจารณาประกอบกับผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือด้วยเนื่องจากว่าอาจจะมีผู้ผลิตบางรายปลอมฉลากเบอร์ 5 ด้วย
3. เลือกใช้เครื่องปรับอากาศของผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายที่มีบริการหลังการขายที่ดี ข้อนี้เป็นข้อที่มีความสำคัญมากและผู้ให้บริการนั้นจะต้องมีความชำนาญและได้มาตรฐาน
4. มีมาตรฐานรับรองเช่น มอก. CE JIS ISO เป็นต้น
5. มีมาตรฐานการให้บริการหลังการขายที่ดี
6. การเลือกเครื่องต้องเหมาะกับห้องปรับอากาศ เนื่องจากการใช้งานติดต่อกันไม่น้อยกว่า 8 ปี และอากาศจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นทุกปี

 

หลักการสำหรับการพิจารณาเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ?

สิ่งที่คุณควรพิจรณาก่อนการเลือกซื้อก็คือ
- พิจารณาระบบฟอกอากาศ ควรเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีระบบการฟอกอากาศแบบไฟฟ้าสถิต
- พิจารณาแผ่นกรองอากาศ
- พิจารณาค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) ของเครื่อง ค่ายิ่งสูงยิ่งดี
- พิจารณาการประหยัดไฟ ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่กินไฟเพียงแค่ 20 วัตต์
- พิจารณาการทำงานเงียบ ควรอยู่ในระดับ 31 เดซิเบล
- พิจารณาการใช้งานและการดูแลรักษา ขนาดและน้ำหนักเครื่อง
- การไหลเวียนอากาศที่มากกว่า ช่วยให้ฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็ว
- ความพึงพอใจของผู้ซื้อต่อแบรนด์ของสินค้า

ระบบ VRV มันเป็นแบบใหน คืออะไร และการทำงานอย่างไร?
VRV เป็นระบบปรับอากาศแบบใหม่สำหรับอาคารขนากลางถึงใหญ่จะแตกต่างจากแอร์บ้านทั่วไป ตรงที่สามารถ control แอร์ทั้งระบบได้จากตัวควบคุมส่วนกลาง โดยสามารถตอบสนองลึกลงไปในแต่ละห้องที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน ระบบการทำงานในแต่ละพื้นที่แยกอิสระ โดยสามารถควบคุมให้เครื่องเปิดทำงานเฉพาะพื้นที่ที่ต้องการปรับอากาศได้อย่งแม่นยำ เหมาะสมกับภาระการทำความเย็น หรือปิดการทำงานลงอย่างสมบูรณ์ด้วยประสิทธิภาพที่ดีกว่าและคุ้มค่ามากกว่า

ที่มา http://wemahidol.mahidol.ac.th/comm/space.php?uid=172&do=blog&id=1089