ตั๋วเครื่องบินเยอรมนีราคาถูก

บริการจองตั๋วเครื่องบินเยอรมนีออนไลน์ ให้บริการค้นหาตั๋วเครื่องบินเยอรมนีราคาถูก และเปรียบเทียบตั๋วเครื่องบินทุกเส้นทาง

เราได้ร่วมงานกับ Jetradar บริษัทตัวแทนชั้นนำ บริการจองตั๋วเครื่องบินเยอรมนีออนไลน์ เรายืนยันว่าลูกค้าจะได้รับราคาที่ดีที่สุด ด้วยระบบค้นหาเพื่อเปรียบเทียบราคา ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการจองตั๋วเครื่องบินราคาถูก กับตัวช่วยการค้นหาเที่ยวบิน เพื่อเปรียบเทียบราคาให้ง่ายต่อการตัดสินใจ

ค้นหาตั๋วเครื่องบินจากสายการบินและเว็บไซต์ท่องเที่ยวทั่วโลกเพื่อหาราคาดีที่สุด ให้คุณได้จองตั๋วเครื่องบินราคาถูกและไม่เสียค่าธรรมเนียม

ระบบค้นหาตั๋วเครื่องบินเยอรมนีที่ถูกที่สุด

ระบบค้นหาจะแสดงราคาค่าตั๋วเครื่องบินไปเยอรมนีที่ดีที่สุดของแต่ละเดือนล่วงหน้าตามที่ตั้งค่าดังนี้สถานที่ เดินทางไป-กลับหรือไปเที่ยวเดียว ช่วงเวลาเดินทาง และบินตรงหรือไม่

ระบบค้นหาตั๋วเครื่องบินเยอรมนีราคาถูกแบบเจาะจงเวลา

ระบบค้นหาโรงแรมห้องพักเยอรมนีที่ถูกที่สุด

เปรียบเทียบราคาโรงแรมที่พักเยอรมนีจากเอเจนซีต่างๆ และจองโดยเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุด! รวบรวมราคาจาก 50 เอเจนซีชั้นนำและเว็บไซต์ของโรงแรม เช่น agoda, booking.com คุณสามารถดูราคาทั้งหมดได้ที่นี่




ระบบค้นหารถเช่าเยอรมนีที่ถูกที่สุด

ค้นหารถเช่าเยอรมนี เปรียบเทียบราคารถเช่าเยอรมนี จากบริษัทให้บริการเช่ารถชั้นนำ Avis Hertz Budget เพื่อให้ได้รถเช่าในราคาถูกและคุ้มที่สุด จุดมุ่งหมายของเรา คือ การให้แน่ใจว่า คุณจะเดินทางแบบความสะดวกสบายและ ในราคาที่เหมาะสม ด้วยยานพาหนะทันสมัยให้เลือก มีความพร้อม ที่จะรองรับ ความต้องการของลูกค้า ทั้งจุดส่งรถคนละที่กับจุดรับรถ


  • การค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก
  • ขั้นตอนการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก
  • ข้อมูลทั่วไปเยอรมนี

JetRadar ไม่ได้ขายตั๋วเอง JetRadar เพียงแค่ให้บริการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน JetRadar ไม่ได้ติดตามหรือเก็บข้อมูลของคุณ และก็ไม่มีการคิดค่านายหน้ากับผู้ใช้บริการแต่อย่างใด นั่นหมายความว่าราคาของตั๋วที่คุณเห็นในหน้าเว็บไซต์หรือแอพของ JetRadar นั้น JetRadar ไม่ได้มีการบวกเพิ่มราคาแต่อย่างใด ตอนนี้คุณอาจจะสงสัยว่าแล้ว JetRadar จะได้รายได้อย่างไร? JetRadar จะได้รับรายได้จากการจองตั๋วของคุณ โดยผู้ที่จ่ายให้กับ JetRadar คือสายการบินหรือทราเวลเอเจนซีเท่านั้น JetRadar ไม่ได้คิดค่านายหน้ากับผู้ใช้บริการ เพราะฉะนั้น คุณมั่นใจได้ว่าราคาตั๋วที่คุณเห็นเป็นราคาตั๋วที่ทางสายการบินหรือทราเวลเอเจนซีชาร์จ JetRadar ไม่ได้บวกเพิ่มอย่างแน่นอนค่ะ รู้อย่างนี้แล้ว มาลองใช้ JetRadar กันดีกว่าค่ะ เพื่อประหยัดเวลาและเงินในการค้นหา เปรียบเทียบ และจองตั๋วเครื่องบินค่ะ

การค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก

  1. ซื้อตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า ยิ่งซื้อล่วงหน้า ยิ่งประหยัด
    JetRadar ได้เก็บสถิติจากการซื้อตั๋วผ่านเว็บไซต์ของ JetRadar โดยมีจำนวนการซื้อตั๋วเครื่องบินทั้งหมดอยู่ที่ 2.5 ล้านใบสำหรับช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา จากสถิติแสดงให้เห็นว่าตั๋วที่มีวันเดินทางตั้งแต่วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์จะ มีราคาแพงที่สุด ส่วนตั๋วที่ถูกที่สุดจะมีวันที่ออกเดินทางตั้งแต่วันอังคารถึงวันพฤหัสบดี ส่วนเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะซื้อตั๋วเป็นตอนเช้าหรือไม่ก็ช่วงเย็นหลัง เลิกงาน เนื่องจากช่วงเวลาทำงาน ทางเอเจนซี่ท่องเที่ยวและสายการบินจะทำการค้นหาข้อมูลเที่ยวบินจำนวนมาก อาจทำให้เที่ยวบินที่ราคาถูกที่สุดไม่ถูกแสดงให้เราเห็น และโดยปกติแล้ว ตั๋วจะราคาถูกที่สุด หากเราจอง 6 เดือนก่อนวันเดินทางค่ะ
    ทำไม ราคาตั๋วเครื่องบินถึงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง? ที่ราคาขึ้นๆลงๆ นั้นเกี่ยวพันโดยตรงกับความต้องการของลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น เราจะแบ่งที่นั่งทั้งหมดบนเครื่องบินออกเป็น 3 กลุ่ม เพื่อให้เข้าใจโดยง่ายนะคะ กลุ่มที่ 1 ถูกปล่อยออกมาขายในราคา A หากมีความต้องการซื้ออยู่ในระดับสูง กลุ่มที่ 2 ที่ถูกปล่อยออกมาขายจะมีราคาสูงขึ้น แต่ถ้าหากความต้องการซื้อน้อยลงมากเนื่องจากราคาที่สูงขึ้น กลุ่มที่ 3 ที่จะถูกปล่อยออกมาขาย จะมีราคาถูกกว่ากลุ่มที่ 2 อย่างไรก็ตาม ในบางช่วงเวลา เช่นช่วงปีใหม่ ราคาจะยิ่งแพงขึ้น หากไม่จองตั้งแต่เนิ่นๆ เนื่องจากความต้องการซื้อตั๋วมีมาก แต่ถ้าหากจุดหมายปลายทางที่เราจะไปไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก โอกาสที่ราคาจะเพิ่มสูงขึ้นนั้นมีน้อยมาก
  2. ซื้อตั๋วตอนมีโปรโมชั่น
    การ ซื้อตั๋วโปรโมชั่นก็เป็นอีกทางที่ทำให้เราได้ตั๋วราคาถูก แต่ส่วนใหญ่แล้วตั๋วโปรโมชั่นมักจะไม่ยืดหยุ่น เช่น ไม่สามารถเปลี่ยนวันเวลาได้ หรือถ้าเปลี่ยนได้ ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยน ซึ่งถ้าเกิดเรามีการเปลี่ยนแปลงวันเดินทางขึ้นมา เราอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนมากกว่าการซื้อตั๋วใหม่เลยก็ได้ วิธีนี้จึงเหมาะกับผู้ที่มีการเดินทางที่แน่นอนแล้ว
  3. เที่ยวบินต่อเครื่อง เชื่อมต่อเที่ยวบิน
    วิธีนี้อาจไม่สะดวก เนื่องจากคุณต้องต่อเที่ยวบินเพื่อไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่มันก็ทำให้คุณได้ตั๋วในราคาที่ถูกกว่าการบินตรงโดยไม่ต้องต่อเที่ยวบิน อาจถูกกว่ามากถึง 50% กันเลยทีเดียว เพียงแค่มีการเชื่อมต่อเที่ยวบินอย่างน้อย 1 เที่ยวขึ้นไป
  4. เปรียบเทียบราคาตั๋วจากหลายๆเอเยนต์ และ สายการบิน
    เดี๋ยวนี้เรามีเครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน หรือที่เรียกกันว่า flight meta search engine ซึ่งจะทำให้คุณสามารถค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินได้ เพียงแค่ใช้เครื่องมือนี้ ตั๋วเครื่องบินทั้งหมดรวมถึงตั๋วเครื่องบินของสายการบินต้นทุนต่ำ (Low-cost airlines) เช่น นกแอร์, แอร์เอเชีย, โอเรียลท์ไทยและไลอ้อนแอร์ จะถูกรวบรวมให้คุณไว้ในที่เดียว คุณไม่ต้องนั่งเปิดหลายๆเว็บไซต์เพื่อเปรียบเทียบราคาอีกต่อไป เพียงแค่คุณเข้าไปที่เว็บไซต์เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน แล้วใส่ข้อมูลการเดินทางของคุณ จากนั้นระบบจะทำการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินให้คุณเอง โดยรวมตั๋วเครื่องบินทั้งหมด รวมถึงโปรโมชั่นตั๋วจากสายการบินและเอเจนซีต่างๆ จากนั้นคุณแค่เลือกเที่ยวบินที่คุณต้องการและจองผ่านเว็บไซต์ได้เลย เครื่องมือเปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบิน (flight meta search engine) นี้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วและคุณมั่นใจ ได้ว่าคุณจะได้ตั๋วราคาที่ถูกที่สุดจากสายการบินและเอเจนซี่ต่างๆ

ขั้นตอนการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก

การค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก

  1. เลือกสถานที่ต้นทางที่ต้องการ ประเทศ เมือง (ระบบป้อนข้อมูลโดยอัตโนมัติ) เช่น
  2. เลือกสถานที่ปลายทางที่ต้องการ
  3. เลือกวันเวลาทเดินทาง และวันเวลากลับสำหรับเดินทางไปกลับ(Round Trip)
  4. เลือกจำนวนผู้โดยสารผู้ใหญ่ และเด็กหรือทารก
  5. เลือกชั้นประหยัด หรือชั้นธุรกิจ
  6. กด ค้นหา

ค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋ว เพียงแค่นี้ JetRadar ก็จะค้นหาและเปรียบเทียบราคาตั๋วให้คุณ

เลือกตั๋วเครื่องบินราคาถูก

  1. ระบบจะแสดงข้อมูลของเที่ยวบินทุกสายการบินทุกเส้นทางที่ว่าง พร้อมเรียงราคาต่ำสุดและรายละเอียด
  2. นำตัวเลือกทั้งหมดมาให้คุณ เรามีฟิวเตอร์ซึ่งเป็นเครื่องมือในการกรองตั๋วให้คุณ เพื่อให้คุณได้ตั๋วตามที่คุณต้องการ คุณสามารถเลือกเวลาเดินทาง เลือกสายการบินหรือทราเวลเอเจนซี่ที่คุณชื่นชอบ เลือกว่าจะต่อเที่ยวบินหรือไม่
  3. หลังจากที่คุณปรับฟิวเตอร์ตามที่คุณต้องการแล้ว ทีนี้คุณก็สามารถจองเที่ยวบินที่คุณต้องการเองได้ เพียงแค่คลิกปุ่ม “จองเดี๋ยวนี้” จากนั้น JetRadar จะนำคุณไปสู่เว็บไซต์สายการบินหรือทราเวลเอเจนซีโดยตรงเพื่อให้คุณทำการจอง ตั๋ว เพียงแค่นี้ คุณก็จะได้ตั๋วตามที่คุณต้องการแล้วค่ะ การเดินทางของคุณกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ผลการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก

ข้อมูลเยอรมนีทั่วไป

ประเทศเยอรมนี หรือสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เป็นประเทศในทวีปยุโรป

สภาพภูมิอากาศ

ลักษณะอากาศของเยอรมันเป็นแบบ ค่อนข้างหนาวเย็น มี 4 ฤดู คือ

  • ฤดูร้อน ( มิถุนายน – สิงหาคม )อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 18-20 องศาเซลเซียส
  • ฤดูใบไม้ร่วง ( กันยายน – พฤศจิกายน) อากาศจะเย็นลงและมีฝน ใบไม้จะเปลี่ยนเป็น สีเหลืองบ้าง สีแดงบ้าง  ดูสวยงาม
  • ฤดูหนาว ( ธันวาคม – กุมภาพันธ์ ) อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 5 องศาถึง ลบ 5 องศาเซลเซียสโดย จะมีหิมะตกบ้าง
  • ฤดูใบไม้ผลิ ( มีนาคม- พฤษภาคม ) อากาศจะอุ่นขึ้น ดอกไม้เริ่มบานและต้นไม้ แตกใบอ่อน นำความเขียวขจีกลับมาอีกครั้ง

ฤดูร้อนเป็นฤดูที่มีฝนตกน้อยที่สุด ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางในประเทศเยอรมนีขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และรสนิยมของนักท่องเที่ยวแต่ละคน ฤดูใบไม้ผลิคือฤดูดอกไม้บานโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามท้องทุ่งและป่าเขา ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและงานเทศกาลพื้นบ้านต่างๆ ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูแห่งสีสันของแมกไม้และสายหมอก ในขณะที่ฤดูหนาวคือวันเวลาสำหรับผู้เล่นสกี ตลาดคริสต์มาส การละคร และดนตรีคลาสสิก สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเยือนประเทศเยอรมนีโดยไม่ต้องทุกข์ทรมานกับความหนาวเย็นมากเกินไปน่าจะเป็นเวลาตั้งแต่ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ถึงต้นเดือนตุลาคม

เวลา

การแบ่งเวลาของเยอรมัน เป็นแบบยุโรปตอนกลาง ซึ่งเวลาจะช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมส่วนในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนเมษายน ถึงตุลาคม เวลาจะช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง

เชื้อชาติ

ศาสนา

คริสต์นิกายโปรแตสแตนท์และคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค เป็นส่วนใหญ่

ภาษาราชการ

เยอรมัน

สกุลเงิน

ยูโร (EUR)

ระบบไฟฟ้า

ระบบโทรทัศน์และวีดีโอ ระบบ PAL 220 โวลท์ ปลั๊กไฟเป็นระบบกลมสองขา ถ้าติดตั้งดาวเทียมสามารถรับสัญญาณภาพจากสถานีโทรทัศน์ช่องห้าได้

โทรศัพท์

รหัสโทรศัพท์ 49

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

  • พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก
    พระราชวังนิมเฟนเบิร์ก ตั้งอยู่ที่เมืองมิวนิคในแคว้นบาวาเรียของประเทศเยอรมนี นิมเฟนเบิร์กเป็นวังฤดูร้อนของพระราชวงศ์ผู้ปกครองบาวาเรีย ผู้ริเริ่มสร้างปราสาทคือเฟอร์ดินานด์ มาเรีย เจ้าชายอีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรีย และ เฮ็นเรียตตา อเดลเลดแห่งซาวอยตามแบบของสถาปนิกอากอสติโน บาเรลลิ ในปี ค.ศ. 1664 หลังจากทรงมีพระโอรสองค์แรก แม็กซิมิลเลียน ที่ 2 เอ็มมานูเอลเจ้าชายอีเล็คเตอร์แห่งบาวาเรีย ส่วนกลางของวังสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1675
  • ปราสาทไฮเดลเบิร์ก
    ปราสาทไฮเดลเบิร์ก ตั้งอยู่บนเนินเขาและโดยรอบมีป่าละเมาะล้อมรอบ และมีจุดชมวิวที่สวยงามคือ เมืองเก่าไฮเดลเบิร์ก และยังสามารถมองเห็นแม่น้ำเนคคาร์ ที่ใหลผ่าน ตัวเมืองไฮเดลเบิร์ก ปราสาทไฮเดลเบิร์ทถือเป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง สร้างเมื่อปี ค.ศ.1300 มีการก่อสร้างต่อเนื่องกว่า ๔๐๐ปี ลักษณะของปราสาท คือตัวอาคารด้านนอกและตัววังเก่าเป็นศิละแบบโกธิคและเรอเนสซองค์ ส่วนอีก๒อาคารที่อยู่ ทางตะวันออกและทางเหนือสร้างเมื่อศตวรรษที่ ๑๖ ซึ่งถือว่า เป็นอาคารที่มีชื่อเสียงและมีความสำคัญทางด้านสถาปัตยกรรม ของเยอรมัน นอกจากนี้ ปราสาทไฮเดลเบิร์กยังมีห้องเก็บไวน์ซึ่ง บรรจุไว้ในถังโอ๊คบ่ม ที่เป็นไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปราสาทนอยชวานชไตน์ ปราสาทนอยชวานชไตน์ เป็นปราสาทที่ถูกตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ แถบแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ซึ่งได้ใรการก่อสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ในช่วง ค.ศ. 1845-1886 เป็นปราสาทที่มีความงดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังเป็นต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทรา ที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ และโตเกียวดิสนีย์แลนด์ รวมไปถึงที่แดนเนรมิต การก่อสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับอย่างสันโดษของพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย และเพื่ออุทิศให้แก่กวี ริชาร์ด วากเนอร์ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างให้เป็นไปตามบทประพันธ์เรื่อง อัศวินหงษ์ โดยได้รับการออกแบบจาก คริสเตียน แยงค์
  • ปราสาทโฮเฮ็นชวานเกา
    ปราสาทโฮเฮ็นชวานเกา ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านชวานเกาใกล้เมืองฟุสเซ่นทางตอนใต้ของแคว้นบาวาเรียในประเทศเยอรมนี เป็นปราสาทที่พระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรียประทับเมื่อยังทรงพระเยาว์ ตัวปราสาทสร้างบนซากปราสาทชวานสไตน์เดิมซึ่งกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ปราสาทเดิมสร้างโดยครอบครัวของอัศวิน หลังจากการยุบเลิกระบบอัศวินในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ปราสาทก็เปลี่ยนมือหลายครั้ง และตัวปราสาทก็เสื่อมโทรมลงจนเหลือแต่ซากเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 และในปี ค.ศ. 1829 มงกุฏราชกุมารแม็กซิมิลเลียนแห่งบาวาเรียผู้ต่อมาเป็นพระเจ้าแม็กซิมิลเลียนที่ 2 แห่งบาวาเรียทรงพบว่าปราสาทนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่มีสิ่งแวดล้อมเป็นที่ต้องตา ทรงถูกพระทัยจึงได้ซึ้อปราสาทเมื่อปี ค.ศ. 1832 ปีหนึ่งต่อมาการก่อสร้างปราสาทใหม่ก็เริ่มขึ้นและสร้างต่อมาจนถึง ค.ศ. 1837 โดยมีสถาปนิกโดเมนนิโค ควากลิโอเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างปราสาทให้เป็นแบบฟื้นฟูกอธิค
    ปราสาทโฮเฮ็นชวานเกาสร้างเป็นพระราชวังฤดูร้อนและล่าสัตว์ของพระเจ้าแม็กซิมิลเลียน เจ้าหญิงมารีแห่งปรัสเซียพระชายา และพระโอรสสององค์ เมื่อพระเจ้าแม็กซิมิลเลียนที่ 2 สิ้นพระชนม์เมื่อปี ค.ศ. 1864 พระราชโอรสเจ้าชายลุดวิกก็ขึ้นครองต่อเป็นพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ทรงย้ายจากส่วนที่ต่อเติมไปอยู่ในห้องบรรทมของพระบิดาและมารดา ในเมื่อลุดวิกไม่ทรงมีครอบครัว เจ้าหญิงมารีแห่งปรัสเซียพระมารดาจึงทรงประทับอยู่ที่ปราสาทได้ พระเจ้าลุดวิกทรงโปรดการพำนักอยู่ที่โฮเฮ็นชวานเกาโดยเฉพาะเมื่อทรงเริ่มสร้างปราสาทนอยชวานชไตน์บนเนินเหนือโฮเฮ็นชวานเกา และเมื่อพระเจ้าลุดวิกที่ 2 สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1886 พระราชินีมารีแห่งปรัสเซียทรงเป็นผู้เดียวที่อาศัยอยู่ในโฮเฮ็นชวานเกาจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1889 ต่อมาพระปิตุลาของลุดวิกเจ้าชายลุทโพลด์แห่งบาวาเรียก็มาประทับอยู่บนชั้นสาม และทรงเป็นผู้รับผิดชอบในการติดตั้งไฟฟ้าและลิฟต์ในปราสาทในปี ค.ศ. 1905 เมื่อเจ้าชายลุทโพลด์สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1912 วังก็กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในปีต่อมา
  • เมืองโคโลญ
    เมืองโคโลญ เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของเยอรมนี สร้างโดยชาวโรมัน มีประวัติศาสตร์ย้อนไปถึง ค.ศ. ​50 ชาวเยอรมันเรียกโคโลญจน์ว่าเคิล์น มีมหาวิหารขนาดใหญ่อลังการที่สุดในยุโรปเรียกกันว่า เคิล์นโดม หรือวิหารโคโลญ ซึ่งเป็นวิหารที่ได้รับเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก นอกจากนี้เมืองโคโลญจน์เป็นที่มาของน้ำหอมชนิดหนึ่งที่เรียกว่าออดิโคโลญจน์ ทั้งนี้เพราะผู้ผลิตน้ำหอมชนิดนี้ตั้งอยู่ในเมืองนี้ซึ่งใช้ชื่อยี่ห้อว่า 4711 ยี่ห้อนี้มีที่มาจากบ้านเลขที่ 4711 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตในขณะนั้นออดิโคโลญจน์ของ4711จึงเป็นของฝากขึ้นชื่อของโคโลญจน์จนถึงปัจจุบัน และเมืองโคโลญยังมีเทศกาลประจำปีของเมืองนี้ด้วยคือ เทศกาลคานิวาล ซึ่งเป็นเทศกาลที่มีเสน่ห์ของเมือง โคโลญจน์ เทศกาลนี้เริ่มขึ้นในวันที่ 11 เดือน 11 เวลา 11 นาฬิกา 11 นาที และ 11 วินาที ของทุกปี แล้วจะดำเนินต่อไปจนถึงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงเวลาดังกล่าวทั้งเมืองจะมีการแสดงดนตรี วงโยธวาทิต การประกวดเต้นรำของชุมชนต่าง ๆ การแต่งกายแบบแฟนซี ขบวนแห่ การดื่มกินและสรวลเสเฮฮากันอย่างสุดเหวี่ยง
  • เมืองมิวนิก
    เมืองมิวนิกเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ และเป็น 1 ในเมืองมั่งคั่งที่สุดของยุโรป ตัวเมืองตั้งอยู่บนแม่น้ำอีซาร์ เหนือเทือกเขาแอลป์ เมืองมิวนิกตั้งอยู่บนที่ราบสูงบาวาเรียตอนบน อยู่ห่างจากตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ไปทางทิศเหนือประมาณ 50 กิโลเมตร มิวนิกตั้งอยู่สูง 520 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง แม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่านได้แก่ แม่น้ำอิซาร์ และแม่น้ำเวือร์ม และเมืองมิวนิกยังเป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจเข้มแข็งที่สุดในประเทศเยอรมนี มิวนิกสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1701 เมื่อแคว้นบาวาเรียรวมตัวกันสำเร็จใน พ.ศ. 2049 มิวนิกจึงกลายเป็นเมืองหลวงของบาวาเรีย ปี พ.ศ. 2349 มิวนิกเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรบาวาเรียที่สถาปนาใหม่ ในช่วงนั้นมิวนิกถือเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในยุโรปพื้นทวีป
  • แม่น้ำไรน์
    แม่น้ำไรน์ เป็นแม่น้ำที่ยาวและสำคัญที่สุดในทวีปยุโรป ยาวทั้งสิ้น 1,230 กิโลเมตร มีต้นน้ำจากเทือกเขาแอลป์ ซึ่งไหลผ่านประเทศอิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ ออสเตรีย เยอรมนี ฝรั่งเศส ลักเซมเบิร์ก เบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ ไปออกที่ทะเลเหนือ แม่น้ำไรน์เป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งทางน้ำที่สำคัญ สามารถขนสินค้าเข้าสู่ภายในแผ่นดินยุโรปได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังมีความสำคัญทางด้านยุทธศาสตร์และภูมิศาสตร์ในการเป็นเส้นแบ่งเขตแดนที่สำคัญของยุโรป นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้นักท่องเที่ยวได้ล่องแม่น้ำไรน์เพื่อสัมผัสความงามทางธรรมชาติและชมวิวที่สวยงาม
  • เมืองแฟรงค์เฟิร์ต
    เมืองแฟรงค์เฟิร์ต เป็นเมืองตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำไมน์ เป็นเมืองที่มีประวัติต่อเนื่องอันยาวหลายศตวรรษเคยซึ่งเคยเป็นสถานที่ที่กษัตริย์และจักรพรรดิหลายพระองค์เคยใช้ ประกอบพิธีราชาภิเษก และในปัจจุบัน แฟรงเฟิร์ตกลาย เป็นเมืองศูนย์กลางการคมนาคมเชื่อมโยงไปทั่ว ประเทศ จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงทางการค้าของเยอรมัน ภูมิอากาศ เมืองแฟรงค์เฟิร์ตตั้งอยู่ในแถบลมตะวันตกที่มีอุณหภูมิหนาวเย็นปานกลางระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติคและภูมิอากาศแบบทวีปในเขตตะวันออก ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีการแปรเปลี่ยนของอุณหภูมิอย่างมาก การท่องเที่ยว ส่วนใหญ่สถานที่ท่องเที่ยวจะเป็นโบสถ์ วิหาร อาคารเก่า และส่วนใหญ่ถูกทำลายระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่เกือบทั้งหมด
  • เมืองฟุสเซ่น เมืองฟุสเซ่น เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางแคว้นบาวาเรียตอนใต้ของเยอรมนี ซึ่งจะติดกับชายแดนออสเตรีย เมืองฟุสเซ่นนั้น เป็นเมืองเก่ามาตั้งแต่ครั้งจักรวรรดิโรมัน เป็นที่ตั้งปราสาทของกษัตริย์บาวาเรีย ล้อมรอบไปด้วยทะเลสาบน้อยใหญ่ที่มีความงดงามทางด้านทัศนียภาพ พร้อมๆกับชื่นชม ชมเมืองฟุสเซ่น เมืองสุดท้ายบนถนนสายโรแมนติกที่เคยมีความรุ่งเรืองในอดีตตั้งแต่ยุคโรมัน และได้ใช้เมืองนี้เป็นจุดแวะพักขนถ่ายสินค้า และซื้อขายเกลือมาแต่โบราณ เมืองฟุสเซ่น เป็นเมืองที่มีความน่ารัก และตกแต่งไปด้วยสีสันที่สวยงามของบ้านเรือนและโรงแรมที่พักซึ่งแต่ล่ะแห่งจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
  • มหาวิหารโคโลญ มหาวิหารโคโลญ สร้างเสร็จพร้อมกับมีพีธีวางหลักหินบันทึกข้อมูลการก่อสร้าง โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1248 แต่มีปัญหาให้ต้องหยุดพักการก่อสร้างไปบ้าง จึงต้องใช้เวลากว่า600ปีจึงสร้างเสร็จสมบูรณ์ และ สร้างเสร็จในปี 1880 มหาวิหารโคโลญเป็นศาสนสถานของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก นับเป็นวิหารที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลกในสมัยนั้น ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิก เป็นหอคอยแฝดสูง 157 เมตร กว้าง 86 เมตร ยาว 144 เมตร สร้างเพื่ออุทิศให้นักบุญปีเตอร์และพระแม่มารี
  • พิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาวาเรียน (The Bavarian National Museum) อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมและศิลปะ โดยพระเจ้าแมกซิมิเลียนที่ 2 จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์นี้คือ คอลเลกชั่นงานศิลป์ชั้นยอด ตั้งแต่ยุคกลางเรื่อยมาจนถึงอาร์ตนูโว จัดแสดงเต็มพื้นที่ทั้ง 3 ชั้น ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาวัฒนธรรมและศิลปะยุโรปในยุคต่าง ๆ ผ่านทางภาพเขียน เฟอร์นิเจอร์ งานหัตถกรรม เครื่องดนตรี และอาวุธในสมัยโบราณพิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาวาเรียนตั้งอยู่ที่ Prinzregentenstenstrasse 3 เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. วันพฤหัสบดีเปิดเวลา 10.00-20.00 น. โทร +49 (0) 89-2112-40
  • ตลาดวิคทัวเลียน (Viktualienmarkt) ถูกค้นพบในปี 1807 เป็นตลาดผักและผลไม้สดกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของเมือง ที่ที่เหมาะอย่างยิ่งที่จะมาซื้อและหาของกิน ตั้งแต่ผักสด ๆ จากฟาร์มไปจนถึงผลไม้นำเข้า รวมถึงแผงลอยที่ขายอาหารทานเล่น เช่น ชีส ฮอตด็อก หรือไส้กรอกอีกนับไม่ถ้วนViktualienmarket เปิดวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 7.00-20.00 น. วันเสาร์ 7.00-16.00 น. ปิดวันอาทิตย์ รถไฟฟ้าใต้ดินสาย U-Bahn และรถไฟ S-Bahn ลงที่สถานีมาเรียนพลาตซ์
  • พิพิธภัณฑ์นอย พิกาโกเทค (Neue Pinakothek) พิพิธภัณฑ์ศิลปะพินาโกเทคยุคใหม่ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับอัลเท่อ พินาโกเทค (The Alter Pinakothek ) จัดแสดงภาพวาดและงานปติมากรรมยุโรปตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 ถึงศตวรรษที่ 20 ที่มีจุดเด่นอยู่ที่งานศิลปะเยอรมันในสมัยศตวรรษที่ 19 คอลเลกชั่นที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่งยวด นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่เก็บรวบรวมคอลเลกชั่นดี ๆ ของงานศิลปะอิมเพรสชั่นนิสม์จากประเทศอังกฤษ สเปน และฝรั่งเศส ในสมัยศตวรรษที่ 19อีกด้วยNeue Pinakothek ตั้งอยู่ที่ Barer Stasse 29 โทร. +19 (0) 89-2380-5195 เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. ปิดวันอังคาร ค่าเข้าชม 5 ยูโร วันอาทิตย์เข้าฟรี รถไฟฟ้าใต้ดินสาย U2/U8 ลงที่ Theresienstasse รถรางสาย 27 ลงสถานี Pinakothek รถเมล์สาย 53 ลงป้าย Schellingstrasse
  • เมืองเบอร์ลิน เมืองหลวงของประเทศตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 เป็นเมืองใหญ่สุด มีประชากร 3.5 ล้านคน เป็นศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรม มีโรงละคร โรงแสดงคอนเสิร์ต วงดนตรีขนาดใหญ่ที่เรียกว่าวงออเคสตร้า พิพิธภัณฑ์ และเวทีแสดงศิลปะและดนตรีที่มีชื่อเสียง มีสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัย 11 แห่ง วิทยาลัยศิลปะและดนตรีอีก 6 แห่ง
  • กำแพงเบอร์ลิน (Berliner Mauer) อดีตแห่งการแบ่งแยกที่ปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่กิโลเมตร เพื่อเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ให้กับคนรุ่นหลัง จะมีไม้กางเขนปักอยู่ นั่นเป็นบริเวณที่ผู้หลบหนีในอดีตถูกยิงเสียชีวิตตรงนั้น เขาเลยเอาไม้ กางเขนมาปักเอาไว้เป็นอนุสรณ์เตือนใจ
  • พิพิธภัณฑ์ชาร์ลี เช็คพ้อยส์ (CHARLIE CHECKPOINT) จุดตรวจคนเข้า-ออก ระหว่าง 2 ฝั่งเบอร์ลิน ซึ่งท่านจะได้เห็นภาพของความพยายาม ในการหลบหนี ของผู้คนจากฝั่งตะวันออก สู่ฝั่งตะวันตก
  • ประตูบรานเดนบวร์ก (Brandenburger Tor/Brandenburg Gate) เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบอร์ลินเพราะเป็นประตูเมืองเก่า ได้รับการก่อสร้างระหว่าง ค.ศ.1788-91 ตามศิลปะแบบโรมัน โดยฝีมือ C.G.Langhans ตั้งอยู่ที่ Pariser Platz และถนน Unter den Linden สถานที่แห่งนี้ถือเป็นเครื่องหมายแห่งความสงบสุข และมีความสำคัญโดยเป็นจุดแบ่งกรุงเบอร์ลินออกเป็นสองส่วนคือตะวันออกและตะวันตก ด้านบนมีรูปปั้นชื่อ Quadrigaสูง 5เมตร มีราชินีแห่งชัยชนะ (Siegesgoettin Viktoria)ควบขับรถเทียมม้า 4 ตัว มุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันออกของเบอร์ลิน ในมือถืออิสริยาภรณ์กางเขนเหล็กกับพวงมาลัยใบมะกอกและ นกอินทรีซึ่งเป็นสัตว์ที่แสดงอำนาจของยุคปรัสเซียร์ (Preussen/Prussia)
  • พระราชวังชาล็อตเทนเบิร์ก (Schloss Charlottenburg) พระราชวังอันสวยงาม เดิมเป็นที่ประทับฤดูร้อนในสมเด็จพระราชินีโซเฟียชาล็อต สร้างปลาย ศตวรรษที่ 17 และมีการต่อเติมเรื่อยมาในศตวรรษที่ 18 เดิมมีชื่อว่า Lietzenburg เป็นพระราชวัง สำหรับฤดูร้อนของพระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 1 ต่อมาเมื่อพระราชินีคือพระนางโซเฟีย ชาล็อตสวรรคตลง จึงเปลี่ยนชื่อพระราชวังตามชื่อของพระนางเพื่อเป็นการรำลึกถึง นางฟ้าบนยอดปราสาทหมุนได้ ตามแรงลม ดังนั้นแต่ละวันเธอจะหันหน้าไปคนละทิศกัน เชื่อว่าถ้าเธอหันหน้ามาทางทิศที่เราอยู่จะ โชคดี หรือไม่ก็เดินหามุมไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอเอง
  • อนุสาวรีย์แห่งชัยชนะ (Siegessaeule) สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคปรัสเซีย เพื่อเป็นอนุสรณ์ของการต่อต้านพวกเดนมาร์ก ในปี1864 ออสเตรีย ในปี 1866 และฝรั่งเศส ในปี 1870-71 เป็นเสาสูงประมาณ 69 เมตร ออกแบบก่อสร้างโดย J.H.Strack ระหว่าง ค.ศ.1865-73 แต่ชาวเบอร์ลินมักจะเรียกสถานที่นี้ว่า Golde Else หรือ Victoria แห่งเบอร์ลิน บนยอดเสาคือรูปปั้นของวิคตอเรีย (Victoria)เทพีแห่งชัยชนะ ถือพวงมาลัยจากใบมะกอก (สัญลักษณ์ของชัยชนะ) กับหอก รูปปั้นนี้หนัก 35 ตัน สูง 8 เมตร มีบันได 285 ขั้น สามารถเดินขึ้นไปชมวิวด้านบนได้ บริเวณนี้ทั้งหมดเรียกว่า Grosser Stern แปลว่าดาวดวงใหญ่ เพราะมีถนนห้าสายใหญ่มาบรรจบกันที่อนุสาวรีย์นี้ ถ้ามองจากข้างบนลงมาจึงดูคล้ายรัศมีของดาวที่เป็นแฉก นอกจากนี้บริเวณนี้ยังใช้เป็นที่จัดงาน Loveparadeหรือ Techno-Party อีกด้วย
  • เมืองพอตสดัม (POTSDAM) อีกหนึ่งเมืองสวยของอดีตเยอรมันตะวันออก ซึ่งถูกซ่อนเก็บไว้หลังกำแพง ความแตกแยกมากว่า 40 ปี
  • พระราชวังซองส์ ซูซี (SANS SOUCI) ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส ในความหมายว่า “ไร้กังวลหรือไกลกังวล” ซึ่งมีความงดงามไม่แพ้พระราชวัง แวร์ซายส์ เป็น​ที่ประทับฤดูร้อนของ​พระมหากษัตริย์ (ไร้กังวลหรือไกลกังวล) นี้​ได้กลาย​เป็นมรดกโลก ภายใต้การคุ้มครอง ขององค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. 1990 ​และมีหน่วยงานด้านการดูแลพิพิธภัณฑ์คอยบำรุงรักษา ปัจจุบันนี้มีคน เข้าเยี่ยมชมมากกว่าปีละ 2 ล้านคนจากทั่วโลก คฤหาสน์ไกลกังวลนี้​เป็น​พระราชวังฤดูร้อน ของ​พระเจ้า เฟรเดอริคมหาราชแห่งปรัสเซียค่ะ​หาก​จะเปรียบเทียบก็ประมาณว่า ​เป็นคู่แข่ง​กับ​พระราชวังแวร์คซายส์ เห็น​จะ​ได้ ​แต่คฤหาสน์ไกลกังวลนี้ขนาด​จะเล็กกว่ามาก ผู้ออกแบบ​คือ Georg Wenzeslaus von Knobelsdorff ตาม​พระบัญชาของเฟรเดริคมหาราช​ที่ทรงประสงค์​จะมี​ที่พักผ่อนอันสงบจากงานพิธีในกรุงเบอร์ลิน ​พระราชวังหลังนี้ใหญ่กว่าวิลล่าขนาดใหญ่สองชั้นไม่มากนัก ​และมีห้องหลัก ๆ​ แค่ 10 ห้อง ​แต่ปลูกสร้างบนเนิน​ที่ทำ​เป็นเทอร์เรซไล่เลียงลงเนิน​ไปตามลำดับ
  • จัตุรัสโรเมอร์ ที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ความสำคัญของที่แห่งนี้มี เดอะไคเซอร์ซาล หรือห้องจักรพรรดิที่มีการฉลองพิธีการสวมมงกุฎอันยิ่งใหญ่ ตรงกลางจัตุรัสเป็น น้ำพุแห่งความยุติธรรมด้านหน้าเป็นบ้านโครงไม้สมัยกลางที่ได้รับการบูรณะแล้ว