อานุภาพแห่งพลังจิตใต้สำนึก

พลังจิตใต้สำนึก

อย่าล้อเล่นกับพลังจิตใต้สำนึก

พลังดึงดูด โชคลาภ การงาน ความร่ำรวย ความสุข และความสำเร็จ

คุณเป็นคนดี ใจบุญ กตัญญูรู้คุณคน ไม่ชอบเอาเปรียบผู้อื่นใช่ไหม คุณทำงานหนักขยันตัวเป็นเกลียว ทำงานมากกว่าคนอื่นในตำแหน่งเดียวกัน แต่ผลที่ได้กลับไม่คุ้มค่าที่ลงแรงลงไป เงินเดือนไม่ขึ้น เงินยังไม่พอใช้ หรือหัวหน้าไม่เห็นความดีใช่หรือเปล่า

อันที่จริงเราเห็นคนรอบๆตัวจำนวนมาก ประสบการณ์ที่กล่าวมาหลายคนเกิดคำถามว่า แล้วความยุติธรรมของชีวิตไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหน

โชคดีที่มีนักจิตรวิทยา นักอภิปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากสนใจที่จะหาคำตอบเกี่ยวกับเส้นทางสู่ความสุขและความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้ข้อสรุปที่ตรงกัน แล้วความลับที่อยู่ในตัวเราก็ถูกเปิดเผยออกมา จนเป็นที่ยอมรับกันว่า เคล็ดลับความร่ำรวย ความสุข และความสำเร็จ ในทุกๆด้าน ไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนดีเลิศ ทำงานหนัก ขยัน หมั่นเพียรแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีหนทางอื่นอีกที่ง่ายกว่าและเหนื่อยน้อยกว่าที่สามารถนำเราไปสู่เป้าหมายได้เช่นเดียวกัน

อย่างที่เห็นกัน ในชีวิตจริง จำนวนคนร่ำรวย คนขึ้นสู่ตำแหน่งสูงๆ หรือคนเรียนหนังสือประสบความสำเร็จ หรือคนที่ไม่เคยล้มเหลวในการสอบทุกๆ สนาม หรือคนที่มีโชคลาภอยู่เนืองๆ กลับเป็นคนกลุ่มน้อยมาก และจะสังเกต เห็นว่าคนกลุ่มนี้จะได้รับสิ่งดีเลิศซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่าจะผูกขาดโชคลาภ ความร่ำรวย หรือความสำเร็จไว้เสียคนเดียว ทำนองนั้น

คำถามคือ อะไรเป็นสาเหตุให้คนกลุ่มน้อยเหล่านี้ เจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด

คำตอบคือ ทุกอย่างที่กล่าวมานี้เกี่ยวข้องกับ 2 กฎกฎว่าด้วยการสั่นสะเทือน

กฎว่าด้วยการดึงดูด

ปัจจุบันทางโลกตะวันตกยอมรับว่า พลังสั่นสะเทือนจากตัวมนุษย์มีอยู่จริง เป็นพลังที่เกิดจากร่างกาย คำพูด การกระทำ และความคิด ทุกครั้งที่คนใช้ความคิดจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็จะเกิดพลังสั่นสะเทือนไปถึงสิ่งนั้น และกฎก็มีอยู่ว่าความคิดหรือเจตนารมณ์มีการแผ่เป็นคลื่นสั่นสะเทือนออกไปเชื่อมโยงกับพลังที่มีความถี่ทำนองเดียวกัน และดึงดูดความถี่แบบเดียวกันนั้นเข้ามาสู่ตัวเรา แล้วบันดาลให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆตามกฎที่ว่าด้วยการดึงดูด พลังความสามารถของจิตใต้สำนึก สื่อสารผ่านพลังสั่นสะเทือนของตัวเรา พลังสั่นสะเทือนนี้แหละจะเป็นสื่อนำพาข้อมูล ความคิด หรือโอกาสมาสู่ตัวเรา ส่วนจะเป็นสิ่งดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าคุณส่งคลื่นแบบไหนออกไป

หากคุณส่งคลื่นแห่งอารมณ์หงุดหงิด รำคาญ โกรธ เกลียด อาฆาต พยาบาท บ่น นินทา มุ่งร้าย อิจฉา ริษยา หรือวิตกกังวล คลื่นสั่นสะเทือนในตัวคุณก็จะสะท้อน แผ่กระจาย ไปเชื่อมโยงและดึงดูดพลังรูปแบบเดียวกันกลับมาสู่ตัวคุณนั่นก็คือ สิ่งที่คุณเห็น สิ่งที่คุณสัมผัส ต่อหน้าคุณ เป็นสิ่งที่คุณทำให้มันเกิดขึ้นทั้งนั้นโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ตรงกันข้าม หากคุณรู้จักควบคุมคำพูด อารมณ์ ความคิด และการกระทำให้อยู่ในแนวทางที่สร้างสรรค์ แจ่มใส และเชื่อมั่น สิ่งที่คุณดึงดูดเข้ามาก็จะเป็นสิ่งที่ดีงามเช่นเดียวกัน

หัวใจสำคัญ คือ อย่าล้อเล่นกับพลังจิตใต้สำนึก อย่าปล่อยให้ความคิด จิตใจ และ คำพูด ล่องลอย ไปโดยไม่ควบคุมดูแลการเชื่อมโยงกันในระดับพลังงาน เป็นการถ่ายทอดข้อมูลระหว่างกันในสนามพลังที่ก่อเกิดสรรพสิ่ง ร่างกายของคุณและฉัน วัตถุทุกๆชิ้น แผ่นดิน หิน ทราย ทะเล ภูเขา เสื้อผ้า รองเท้า รถยนต์ หรือหมู่สัตว์น้อยใหญ่ และทุกๆสรรพสิ่งล้วนเป็นการรวมตัวของกลุ่มพลังงาน ให้ปรากฏเป็นรูปร่างขึ้นมา ในกลุ่มพลังงานที่แตกต่างกันนี้ ยังมีคลื่นจากสสารเหล่านั้นแผ่ซ่านกระจายออกไปทุกๆสารทิศไม่หยุดหย่อน และยังมีคลื่นพลังแห่งเจตนารมณ์ที่ไม่มีวันดับสูญ กำลังสั่นสะเทือน เชื่อมโยง ประสานและดึงดูดซึ่งกันและกันตลอดเวลาเมื่อมีความถี่เดียวกัน โดยคุณและฉันมองไม่เห็น แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริง

ไม่เชื่อลองทดลองดูได้ คุณลองด่าคอมพิวเตอร์ หรือตะโกนใส่รถยนต์ที่คุณขับดูซิ ฉันรับรองได้เลย นับแต่วินาทีที่คุณพ่นคำพูดไม่ดีออกไป ไม่นานคอมพิวเตอร์ก็จะไม่ตอบสนอง หรือรถยนต์ที่คุณขับก็จะนำคุณไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์อย่างแน่นอน

อย่าคิดว่ามนุษย์และสัตว์เท่านั้นที่มีชีวิต ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีชีวิต เพียงแต่เรามองไม่เห็นการเคลื่อนไหวด้วยตาเปล่าเท่านั้นแต่ที่แน่ๆคือ ในระดับอะตอมแล้วพลังงานของทุกๆสิ่งเคลื่อนไหว ถ่ายเท และสื่อสารถึงกันอยู่ตลอดเวลา นี่คือกฎของควอนตั้มฟิสิกส์

การทำงานของพลังดึงดูด

จิตมนุษย์มีความมหัศจรรย์เหลือประมาณ สามารถดูดซับ กักเก็บและจัดการข้อมูลข่าวสารที่เราบริโภคเข้าไปทุกๆรายการ ไม่มีการเพิกเฉยละเลยต่อข้อมูลชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าเราจะมีอารมณ์แบบไหน คิดอะไร พูดหัวข้อใด รายละเอียดเป็นอย่างไร ให้ความสำคัญกับเรื่องอะไร จิตใจรับเอาไปดำเนินการต่อทั้งสิ้น

การทำงานของจิตใจแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ระดับจิตสำนึก และระดับจิตใต้สำนึก

การทำงานในระดับจิตสำนึก ยังแบ่งทำหน้าที่ 2 ส่วน ส่วนแรกคือ จิตใจจะทำงานตราบเท่าที่เรารู้สึกตัวหรือกำลังตื่นอยู่เฉพาะเรื่องทางกายภาพจับต้องมองเห็นได้ เช่น เดิน ยิ้ม หัวเราะ หรือจงใจนิ่งเฉย ซึ่งอาจควบคุมง่าย จิตสำนึกส่วนที่สองทำหน้าที่สำคัญคือ ทุกๆข้อมูลข่าวสารที่จิตสำนึกปฏิบัติแล้วยังส่งต่อไปยังจิตใต้สำนึกจัดการซ้ำอีกทอดหนึ่ง

การทำงานในระดับจิตใต้สำนึก เป็นส่วนที่เราไม่สามารถควบคุมได้เป็นการทำงานที่ซับซ้อน และมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการมีชีวิต ความสำเร็จ ความมั่งคั่ง และสุขภาพดี จิตใต้สำนึกเป็นพลังลึกลับ ที่ควบคุมการทำงานของสมองและส่วนอื่นๆของร่างกายโดยอัตโนมัติ มีความเป็นกลาง ทำงานอย่างซื่อสัตย์ และเป็นพลังบริสุทธิ์ที่สามารถเชื่อมต่อกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับพลังที่ก่อกำเนิดสรรพสิ่งซึ่งพลังนี้เองที่เป็นแหล่งข้อมูลอันไร้ขอบเขตจำกัดที่พลังดึงดูดในตัวเราสามารถติดต่อเข้าถึงได้ แล้วดึงดูดคำตอบ ทุกๆคำถาม ดึงดูดผลลัพธ์ทุกๆคำร้องขอ โดยส่งพลังโยงใยชักนำเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราคิดซ้ำๆ บริโภคซ้ำๆ หรือต้องการอย่างแรงกล้า ไปเชื่อมโยงกับการเคลื่อนๆไหว การกระทำอื่นๆ แล้วชักนำให้ไปพบกับโอกาส ช่องทาง เหตุการณ์ จนทุกสิ่งทุก อย่างเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตามที่จิตใต้สำนึกของเรา ทำหน้าที่สร้างพลัง ดึงดูดเข้ามา

ข่าวดี พลังจิตใต้สำนึกนี้แหละที่จะสร้างปาฏิหาริย์ความสำเร็จให้เกิดขึ้นกับเรา แม้เราจะควบคุมไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกป้อนข้อมูลข่าวสารที่เหมาะสมเพื่อให้จิตใต้สำนึกนำไปจัดการให้เราได้

การทำ Visualization หรือการจินตนาการจนเห็นภาพเหมือนจริง เป็นขั้นตอนสำคัญมาก เพราะทุกๆ เหตุการณ์ความสำเร็จที่จับต้องได้ในโลกนี้ล้วนเริ่มต้นจากจุดนี้ทั้งสิ้น หากปราศจากความฝันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลักการทำงานของกฎแห่งการดึงดูดของคุณคอร์บิน มีอยู่ว่า

 

ในขณะที่คุณคิด คุณจะมีความรู้สึก

ขณะที่คุณรู้สึกก็จะเกิดพลังสั่นสะเทือน

เมื่อมีการสั่นสะเทือน ก็จะเกิดพลังดึงดูด

การเริ่มต้นที่ง่ายๆเพื่อต้องการพิสูจน์ด้วยตนเอง

พุ่งพลังความคิดไปยังสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ

หลีกเลี่ยงการคิดถึงสิ่งที่ไม่ต้องการ

 

เพื่อที่จะให้กฎแห่งการดึงดูดทำงานในด้านบวก มีข้อห้าม

1. ห้ามอ่าน ชม หรือ ฟังข่าวสารข้อมูลด้านลบข่าวสารในทางทำลาย หรือข่าวสารที่น่าสมเพชเวทนา ที่ทำให้จิตใจกังวล เคียดแค้น เครียด หดหู่ ผิดหวัง สิ้นหวัง เกลียดชัง ซึ่งถ้าเราบริโภคซ้ำๆ เราก็จะรับข้อมูลนี้มาเป็นส่วนหนึ่งของความคิด อารมณ์ ความเชื่อ และการกระทำโดยไม่รู้ตัว เพราะนี้คือการถูกสะกดจิตชนิดหนึ่ง เป็นการบั่นทอนพลังด้านบวกในตัวเรา

2. ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ บ่น ตำหนิ ซุบซิบ นินทา ใส่ร้ายป้ายสี บุคคลอื่นโดยเด็ดขาด นี่คือกฎที่ไม่มีข้อยกเว้น สำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีให้กับชีวิตตัวเอง การฝ่าฝืนกฎข้อนี้จะทำให้เกิดการสร้างพลังดึงดูดสิ่งไม่ดีให้เกิดขึ้น

3. ห้ามพูดคำว่า ยากเป็นไปไม่ได้ไม่น่าเชื่อ แต่ ไม่ กับสิ่งที่เราปรารถนาให้เกิดขึ้น

4. ห้ามกลัว ห้ามลังเลสงสัย ความน้อยเนื้อต่ำใจ และห้ามทำตัวโดดเดี่ยว จงสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น โปรดจำไว้ว่า ทุกสิ่งเป็นไปได้ทั้งสิ้น เพียงแต่ แต่ละเรื่องต้องใช้ระยะเวลาในการดึงดูดเท่านั้น

5. ห้ามคิด พูด หรือจดจ่อในสิ่งที่ไม่ต้องการ ห้ามนึกถึงความขัดสน ขาดแคลน ความไม่มี ความล้มเหลว

ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้จริงต้องจดจ่อครุ่นคิดถึงเป้าหมายตลอดเวลา

 

ข้อควรปฏิบัติสำหรับชีวิตประจำวัน เช้าและก่อนนอนดังนี้

1. ต้องสร้างความรักให้เกิดขึ้นก่อน รักตัวเอง รักทุกคนในบ้าน รักคนรอบข้าง รักคนที่เราไม่ชอบ และรักทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพบเจอ โดยขั้นแรก จินตนาการเห็นภาพ ว่าเราคุยกับคนในบ้านหรือคนในที่ทำงาน ด้วยความรัก ยิ้มแย้ม แจ่มใส และเขาก็คุยกับเราด้วยความรักเช่นเดียวกัน พลังคลื่นความรักนี้จะมีความถี่เดียวกันกับพลังต้นกำเนิดสรรพสิ่ง

2. ตัดสินใจให้แน่นอน ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ

3. ระบุเป้าหมาย ที่เฉพาะเจาะจงลงไปให้ชัดเจน ว่าเป้าหมายใดที่ต้องการบรรลุอย่างเร่งด่วน ในเวลานี้

4. สร้างพลังจินตนาการว่าสิ่งนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ให้นึกหรือหลับตามองเห็นภาพตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ที่ประสบความสำเร็จนั้นๆ แล้วรู้สึกมีความสุข (สำคัญมาก) กับสิ่งนั้นอย่างเต็มที่

5. ลงมือทำทันที หมายความว่า เราต้องทำอะไรบางอย่างที่จำเป็นเพื่อเดินทางไปสู่เป้าหมาย ในระหว่างนั้นขจัดข้อสงสัยให้หมดสิ้นไป

6. ให้ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจากการลงมือทำอย่างมีสติ เส้นทางที่จักวาลหยิบยื่นให้ อาจมีทั้งด้านบวกและลบ ให้ถามคำถาตลอดเวลาว่ามีความหมายอย่างไร เพื่อให้มีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆจนบรรลุเป้าหมายที่วางไว้และห้ามเลิกล้มความตั้งใจโดยเด็ดขาด