#temp#

การดูแลร่างกาย

การดูแลร่างกาย หมายถึง การดูแลเรื่อง เสื้อผ้า เครื่องแต่งตัว ผิวพรรณ ทรงผม กลิ่นตัว ตลอดจนอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายให้อยู่ในสภาพที่ดีสวยงาม และแข็งแรง เพื่อให้ตัวเองเป็นคนหน้าตาสะอาดสะอ้าน รูปร่างดี มีบุคลิกภาพดี เป็นที่นิยมของคนที่ได้พบเห็น

การดูแลผิวพรรณ

ผิวที่นุ่มนวลสดใสละมุนละไม จะเป็นผิวที่น่ามอง น่าจับต้อง น่าลูบไล้ทะนุถนอม ไม่ว่าจะเป็นผิวสีขาว สีขาวอมชมพู สีแทน สีกลีบกระดังงา สีดำแดง หรือสีน้ำตาลแก่แน่นอนส่วนหนึ่งของผิวสวยได้มาจากพันธุกรรม แต่สิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่มีผลต่อผิวก็ คือ แสงแดด เครื่องสำอาง น้ำสบู่ ตลอดจนฝุ่นละอองเชื้อโรคที่อยู่ในบรรยากาศก็มีสิทธิทำให้ผิวเสียได้ ดังนั้นจึงควรดูแลถนอมรักษาผิวดังต่อไปนี้

  • รับประทานผักสด ผลไม่สดเป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงอาหารจำพวก นม เนย ครีม ขนมหวาน และไขมันจากเนื้อสัตว์
  • งดเครื่องดื่มประเภท แอลกอฮอล์ บุหรี่ เพราะเป็นศัตรูร้างของผิวพรรณ
  • ดื่มน้ำสะอาด 8 – 10 แก้วต่อวัน เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
  • ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงรังสีอุลตร้าไวโอแลตในแสงแดดจัด
  • อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ควรใช้ยากำจัดกลิ่นตัวเป็นประจำ
  • ควบคุมอารมณ์ไม่ให้เกิดความเครียด ทำให้มีริ้วรอยที่หัวคิ้ว มุมปากตก และเกิดสิว
  • พักผ่อนให้เพียงพอ หน้าตาจะสดชื่น จะไม่มีรอยคล้ำใต้ดวงตา
  • รับประทานอาหารเสริม เช่น วิตามิน เอ อี ซี และเบต้าแคโรทีน
  • ใช้ครีมบำรุงผิวในรูปแบบต่างๆ

วิธีบำรุงรักษาผิวหน้า อาจไม่จำเป็นต้องใช้ครีมบำรุงผิวหรือเครื่องสำอางอื่นๆ เสมอไป มีวิธีบำรุงผิวด้วยสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติมากมาย และล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับผิวหน้าเลยแม่แต่น้อย เราสามารถเลือกวิธีหนึ่งวิธีใดก็ได้

สูตรถนอมผิวจากธรรมชาติ

มะเขือเทศ

หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ วางให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกให้หมดหรือจะใช้วิธีผ่าครึ่งมะเขือเทศตามยาว และถูเบา ๆ ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 3 – 4 นาที แล้วล้างออกให้หมดจะช่วยให้รูขุมขนบนใบหน้ากระชับและทำให้สิวหัวดำจางลง

มะละกอ

นำมะละกอสุกยีให้ละเอียดพอกหน้าทิ้งไว้ 5 – 10 นาที จึงล้างออกช่วยให้ใบหน้าที่มีรอยด่างดำ ดูดีขึ้นเป็นประจำสม่ำเสมอ

ว่านหางจระเข้

ปอกเปลือกล้างยางออกให้หมด ผ่ากลาง ใช้วุ้นข้างในทาผิวให้ทั่ว (อย่าให้เข้าตา) ทิ้งไว้ 10 - 15 นาที แล้วล้างออกผิวจะกระชับอ่อนนุ่มสดใส
น้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันให้ทั่วผิวหน้า (อย่าให้เข้าตา) ทิ้งไว้ 5 – 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น (ไม่อุ่นจัด) ตามด้วยน้ำเย็น นอกจากช่วยให้ผิวนุ่มเนียนสดใสแล้ว ยังช่วยลดความมันบนใบหน้าสำหรับคนผิวมัน

ไข่ขาวผสมน้ำผึ้ง

ผสมไข่ขาว 1 ฟอง กับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ตีให้เข้ากันบ่อย ๆ ไม่ต้องให้ขึ้นฟองมาก ทาผิวหน้าให้ทั่วทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที ล้างออก ช่วยให้ผิวหน้านุ่มนวลแต่งตึง และช่วยให้ลดความมันบนใบหน้าสำหรับคนผิวมัน

ไข่แดง

ตีไข่เฉพาะไข่แดงให้แตก ทาผิวหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้จนหน้าแห้งเอง ล้างออกด้วยน้ำอุ่นไม่จัด จะช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง

การดูแลเส้นผม

เส้นผมเป็นส่วนประกอบของร่างกาย ถ้าหากเส้นผมได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ก็จะช่วยเสริมบุคลิกของคนเรา ให้ดูดีขึ้น

การดูแลผมแห้ง

ผมแห้ง คือ ผมที่แตก เปราะ หยาบ หวีหรือจัดทรงได้ยาก การดูแลผมแห้ง ทำได้ดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงไม่ให้ผมได้รับความร้อนจากแสงแดด ไดร์เป่าผม ไฟฟ้า
  2.  แปรงผมบ่อย ๆ จะช่วยกระตุ้นเซลล์เส้นผม ให้สร้างน้ำมันตามธรรมชาติ
  3. สระผมให้น้อยครั้งลง อย่าสระบ่อย
  4. ใช้ครีมนวดคอนดิชั่นเนอร์ทุก ๆ ครั้ง หลังสระผม
  5. น้ำมันมะกอกอุ่น ๆ นวดโคนผม ใช้หมวกพลาสติกคุม นวดพันทับด้วยผ้าขนหนูทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วสระออก
  6. ใช้ไข่แดงนวดผม แล้วสระด้วยน้ำอุ่น นวดหน้าศรีษะด้วยปลายนิ้ว ให้ทั่วเพื่อกระตุ้น การไหลเวียนโลหิตที่ไปเลี้ยงโคนผม ใช่แชมพูชนิดอ่อน เช่น เบบี้แชมพู หรือ ชนิดที่มีส่วนผสมของไข่ ลาโนลิน น้ำมันมะกอก หรือส่วนผสมที่บำรุงเส้นผมอ่อน ๆ ผสมไข่แดง กับแชมพูอย่างอ่อนก็ใช้ได้
  7.  หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนสีผมหรือดัดผม

 

การดูแลผมมัน มีวิธีดูแลดังนี้

  1. อย่าหวีหรือแปรงผมให้บ่อยจนเกินไป
  2. อย่าสระผมบ่อย อาทิตย์ละ 2 ครั้งพอ
  3. ใช้แชมพูสำหรับผมมันโดยเฉพาะ ซึ่งมีส่วนผสมของน้ำมะนาว น้ำมะกรูด กำมะถัน ในระหว่างสระผมให้ใช้ผ้าฝ้าย ชุบน้ำยาโทนิคซับให้ทั่วศรีษะ แล้วสระกับน้ำมะนาวผสมน้ำส้มสายชู น้ำสุดท้ายแล้วใช้ครีมนวดที่มีส่วนผสมของน้ำมะนาว
  4. อย่าสวมหมวก และหลีกเลี่ยงแสงแดด
  5. อย่าใช้น้ำเย็นมาก ๆ กับหนังศรีษะ
  6. อย่าถูนวดบริเวณหนังศรีษะ
  7. หลีกเลี่ยงแชมพูผสมครีมนวดผม

การดูแลผมแตกปลาย มีวิธีดูแลรักษาดังนี้

  1. ใช้กรรไกรเล็มปลายผมทุกอาทิตย์ ถ้าไว้ผมยาวควรเล็มปลายผมทิ้ง
  2. ควรแปลงผมเบา ๆ ไม่ควรใช้หวีที่มีซี่แหลมคม
  3. อย่าใช้เครื่องเป่าผมที่มีความร้อนสูง
  4. ถ้าผมมีประจุไฟฟ้ามาก ควรใช้เบียร์ หรือน้ำลูบผมพอหมาด

การดูแลผมร่วง มีวิธีดูแลดังนี้

  • ใช้น้ำยานวดโคนผม ใช้มือรวบเส้นผมแล้วกระตุกเบา ๆ
  • รับประทานน้ำมันตับปลาเป็นประจำ
  • รับประทานอาหารประเภท ผักกะหล่ำปลีต้น เนื้อแดงไม่สุกเกินไป ถั่วแขก ผักขม มันฝรั่ง ถั่ว แครอท หัวหอม ขนมปังโฮลวีท น้ำตาลปึก ข้าวซ้อมมือ โยเกิรต์ เนย
  • ควรปรึกษาแพทย์โรคผิวหนัง

การดูแลผมที่มีรังแค มีวิธีดูแลรักษาดังนี้

  • ใช้แชมพูรักษารังแคโดยเฉพาะ ซึ่งมีส่วนผสมซังค์โพธิไธโอนและเซเลเนียมซัลไฟด์
  • เวลาสระทิ้งแชมพูไว้บนหนังศีรษะไว้ 2 – 3 นาที แล้วจึงล้างออก
  • รับประทานอาหารพวกนม และตับ วิตามินบี 1 บี 12
  • ยาที่ใช้กำจัดรังแคใช้กำมะถันป่น 2 ช้อนโต๊ะ แอลกอฮอล์ชนิดที่ใช้ล้างแผล 4 ช้อนโต๊ะ กลีเซอรีน 1 ช้อนชา น้ำกุหลาบ 2 ช้อนชา น้ำกลั่น 1 ถ้วยตวง นำส่วนผสมทั้งหมดผสมให้เข้ากันใช้ลูบโคนผมก่อนนอนซักประมาณ 2 อาทิตย์

 น้ำยาเคมีที่นำเอามาใช้กับผม ที่ควรทราบมีดังนี้

  • สเปรย์ เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผมที่ต้องการให้คงความเป็นรูปทรงได้นาน แต่มีข้อหลังจากฉีดสเปรย์อย่าหวีหรือแปลงผมต่อไปอีก เพราะอาจทำให้ผมอยู่ตัวและมองเป็นธรรมชาติมากกว่า
  • มูส น้ำยาวิทยาศาสตร์ นิยมใช้กับผม สำหรับหนุ่มสาวที่เสริมสวย ทรงผมกันมากวิธีใช้ส่วนใหญ่จะฉีดลงบนฝ่ามือ แล้วถูในลักษณะจับผม ขยำให้ทั่วศีรษะตามรูปทรง ที่ต้องการหรือจะใช้เครื่องเป่าผม ช่วยก็ได้ รวมทั้ง หวีแปรงตามทรงที่ต้องการ
  • เจล เป็นน้ำยาวิทยาศาสตร์ชนิดหนึ่ง ช่วยสร้างความอ่อนหวานของเส้นผมให้ดูที่คลื่น รูปทรงดี มีอยู่หลายชนิด เจล ช่วยทำให้ผมแห้งจัดเข้ารูปทรงได้ง่ายเหมาะสำหรับผมสั้น

ทรงผม

ไม่ว่าหญิงหรือชาย กฏข้อแรกของทรงผมก็คือ ความเรียบร้อย ไม่ว่าคุณจะไว้ผมทรงใดก็ตามวิธีเดียวที่จะทำให้ทรงผมของคุณดูเรียบร้อยได้ก็คือ คุณต้องไปร้านตัด – แต่งทรงผม ผมที่ตัดไว้ดี จะจัดรูปทรงและเข้าที่เองได้ง่าย ช่างผม ฝีมือดีควรจะสามารถแนะนำทรงผมที่รับกับคุณที่สุด การเลือกทรงผมควรจะเลือกตามบุคลิกการทำงาน แทนที่จะเลือกตามแฟชั่นสมัยนิยม ทรงผมแบบที่จะรับกับคุณที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับหน้าของคุณ จุดเด่นที่คุณต้องการจะเน้นหรือจุดด้อยที่คุณต้องการอำพราง และขึ้นอยู่กับส่วนสูงของคุณด้วย

 

การเลือกทรงผม

 

ถ้าคุณสูง

อย่าตัดผมสั้นจนเกินไป คุณควรจะไว้ผมยาวเล็กน้อย เพื่อที่จะให้สมดุลกับส่วนสูงของคุณ

ถ้าคุณเตี้ย

อย่าเลือกทรงผมที่ข่มรูปร่างของคุณ การไว้ผมยาวจะเน้นให้เห็นว่า คุณเตี้ยยิ่งขึ้น

ถ้าคุณมีหน้าผากกว้าง

เลือกทรงผมที่ปิดหน้าผากด้านข้าง แต่อย่าเลือกทรงที่แสกกลาง เพราะจะยิ่งทำให้หน้าผากคุณดูกว้างขึ้น ทรงผมที่แสกข้างจะช่วยทำให้หน้าผากคุณดูแคบลง

ถ้าคุณมีหน้าผากแคบ

ไว้ผมแสกกลางจะทำให้หน้าผากดูกว้างขึ้นได้

ถ้าคุณมีจมูกยาว

อย่างเลือกทรงผมแสกกลาง เพราะยิ่งจะเน้นจมูกของคุณมากขึ้น

ถ้าคุณตาสวย

ไว้ผมม้า เพื่อเน้นจุดเด่นที่ตาของคุณ ผมม้าที่ตัดตรงเหนือคิ้ว จะทำให้ใบหน้าของคุณดูอวบอิ่มขึ้น

ถ้าคุณหน้าผอม

ไว้ผมด้านข้างให้หนา

ถ้าหน้าคุณอ้วน

ไว้ผมตรงกลางศีรษะให้หนา

ถ้าหน้าคุณสี่เหลี่ยม

ไว้ทรงผมที่ดูอ่อนโยนและถ้าเป็นไปได้จะตัดด้วย

ทรงผมสำหรับบุรุษ

 ทรงผมที่เหมาะสำหรับธุรกิจ ไม่ควรเป็นทรงผมที่ยาวเกินปกเสื้อ ตารางเลือกทรงผมที่กล่าวมาแล้วจะช่วยให้คุณเลือกทรงผมที่เหมาะที่ช่วยเสริมบุคลิกของคุณ โดยการเลือกทรงผมที่รับรูปหน้าของคุณ แต่ควรคำนึงลักษณะของเส้นผมของคุณเองด้วย ข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อไปนี้เกี่ยวกับแบบและการตัดแต่งทรงผมให้เหมาะกับลักษณะของเส้นผม

ถ้าคุณมีผมดกหนา -ซอยผมไล่เป็นชั้นลงมา จะช่วยให้ผมจัดรูปทรงได้ง่าย
ถ้าคุณมีผมเส้นเล็กและบาง -ให้ตัดตรง จะช่วยให้ผมดูหนาขึ้น
ถ้าคุณมีผมเส้นใหญ่ -ตัดให้สั้น ถ้าอยากจะไว้ยาวให้ซอยไล่เป็นชั้นและให้บางโดย ปกติ ผมสั้นหนาจะคงรูปได้นานกว่าอยู่แล้ว
ถ้าคุณมีผมหยิกมาก -ตัดให้สั้น เพื่อว่าจะได้จัดรูปทรงได้ง่าย

ทรงผมสำหรับสตรี

 ทรงผมสำหรับสตรีนักธุรกิจที่ดูเป็นการเป็นงาน ควรยาวไม่เกินระดับไหล่ แบบผมที่คุณเลือกขึ้นอยู่กับรูปหน้าของคุณ ขึ้นอยู่กับจุด หรือส่วนบนใบหน้าที่คุณต้องการจะเน้นหรืออำพราง และขึ้นอยู่กับลักษณะของเส้นผมของคุณด้วย มีข้อแนะนำบางอย่างสำหรับการเลือกแบบผมให้เข้ากับลักษณะของเส้นผมดังนี้
ถ้าคุณมีผมดกหนา -ซอยผมไหล่เป็นชั้นลงมาจะช่วยให้ผมจัดรูปทรงได้ง่าย
ถ้าคุณมีผมเส้นเล็กและบาง -ให้ตัดตรง จะช่วยให้ผมดูดกหนาขึ้น แต่ผมคุณจะดูบางขึ้นถ้าหาก ตัดสั้นมากหรือไว้ยาวมากเกินไป
ถ้าคุณมีผมเส้นใหญ่ -ตัดให้สั้น ถ้าอยากจะไว้ยาวให้ซอยไล่เป็นชั้นและให้บางโดยปกติ ผมเส้นหนาจะคงรูปทรงได้นานกว่าอยู่แล้ว
ถ้าคุณมีผมเส้นเล็กมาก -อย่าไว้ยาวเกินไหล่ คุณอาจจะดัดอ่อน ๆ เพื่อให้ผมดูสลวยและมี น้ำหนักแต่ควรจะซอยไล่เป็นชั้น เพื่อให้ผมดูหนาขึ้น
ถ้าคุณมีผมหยิกมาก -ตัดให้สั้น เพื่อว่าจะได้จัดรูปทรงได้ง่าย

1.3 หนวดเคราและการโกน

การไว้หนวดเครา หรือเคราข้างแก้ม ในบางยุคอาจจะเป็นที่นิยม แต่ในบางยุคอาจดูน่าเกลียด
หากคุณต้องการไว้หนวดหรือเครา หรือเคราข้างแก้ม ขอให้สอบถามนโยบายของบริษัทเสียก่อนการไว้หนวดจะต้องขริบให้เรียบร้อย และไม่ควรเลือกแบบหนวดที่พิสดารเกินไปหากเป็นการไว้เคราข้างแก้มขอให้พิจารณาความยาวของเครา และรูปลักษณะใบหน้าของคุณประกอบด้วย

 โดยทั่วไปแล้ว ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาเป็นที่ยอมรับในวงการธุรกิจ
การโกนหนวดอาจจะใช้เครื่องโกนหนวดไฟฟ้า หรือใบมีดโกนหนวด เครื่องโกนหนวดไฟฟ้าอาจจะโกนได้ไม่เกลี้ยงเกลาเท่ามีดโกนบางคนอาจจะจำเป็นต้องโกนซ้ำสองครั้งต่อวัน
น้ำยาทาก่อนโกนหนวดสำหรับเครื่องโกนหนวดไฟฟ้าจะช่วยให้หนวดแข็งโกนได้ง่าย ถ้าเป็นการโกนด้วยมีดโกนควรจะใช้โฟมเยลหรือสบู่ซึ่งจะช่วยให้หนวดอ่อน
น้ำยาทาหลังโกนหนวด ไม่ควรจะมีกลิ่นฉุนจัด คนที่มีใบหน้าแห้งไม่ควรใช้โลชั่น หลังจากโกนหนวดที่มีแอลกอฮอล์ผสม

 1.4 การกำจัดขนที่ไม่พึงปรารถนา

ผู้หญิงส่วนใหญ่ถือว่าขนตามรักแร้ หน้าแข้งและเหนือริมฝีปากเป็นสิ่งที่ไม่น่าดู ผู้ชายที่มีขนมากเกินไปในรูจมูกและรูหูก็ดูน่าเกลียด วิธีกำจัดขนที่ไม่พึงปรารถนามีอยู่หลายวิธี คือ

  • การโกน ผู้หญิงใช้วิธีโกนขนรักแร้และหน้าแข้ง แต่ไม่ควรโกนขนบนใบหน้า
  • การดึงหรือถอนขนโดยใช้แหนบ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายควรถอนขนคิ้ว ที่มีมากเกินไป สำหรับผู้ชายให้ใช้กรรไกรขริบขนในรูจมูกและรูหู
  • การใช้ขี้ผึ้ง ใช้ขี้ผึ้งอุ่นทาบนผิวหนังรอให้เย็นจนแข็งตัวจึงดึงออก ขนก็จะหลุดตามออกมาด้วย วิธีนี้จะใช้ได้กับขนที่แขน ขนหน้าแข้งและบนใบหน้า วิธีนี้ขนจะงอกได้ช้ากว่าการโกน
  • การใช้ครีมกำจัดขน ครีมบางอย่างทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้ ฉะนั้นก่อนใช้ควรอ่าน วิธีใช้ให้ดี ครีมกำจัดขน ส่วนใหญ่ใช้กำจัดขนบนใบหน้าและตามลำตัว
  • การจี้ด้วยไฟฟ้า วิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่จะกำจัดขนได้อย่างถาวร ซึ่งทำได้โดยใช้เข็มไฟฟ้า สอดลงไปในรูขุมขน เพื่อทำลายรากขน ในต่อมขุมขนปกติ วิธีนี้ใช้เฉพาะกับการขจัดขนบนใบหน้าเท่านั้น เพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก และจะต้องทำหลายครั้งจึงได้ผล

 เรื่องกลิ่นตัว

กลิ่นตัว คือ กลิ่นที่แสดงจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ได้แก่

จมูก ผู้ที่ป่วยเป็นโรคโหรา จมูกอักเสบ จะมีกลิ่นเหม็นจากจมูกและมีกลิ่น
ปากด้วยควรปรึกษาแพทย์ทำการรักษา

ศีรษะ ต่อมไขมันใต้ผิวหนังบริเวณศีรษะ เมื่อขับไขมันออกมา อาจมีจุลินทรีย์ ต่าง ๆ เกาะบนไขมันที่หลั่งออกมาทำให้เกิดเป็นกลิ่นผม นอกจากนั้นแล้วผมยังเก็บกลิ่นต่าง ๆ เช่น กลิ่นบุหรี่ไว้ได้ง่ายจึงควรทำความสะอาดสระผมให้สะอาดอยู่เสมอ

ปาก กลิ่นปากมีสาเหตุหลายอย่าง เช่น

  • โรคระบบทางร่างกาย เช่น โรคไซนัสอักเสบควรปรึกษาแพทย์
  • บ้วนปากแรง ๆ และหลาย ๆ ครั้ง หลักรับประทานอาหารแล้ว ควรแปรงฟันให้สะอาด ทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หลังรับประทานอาหารและก่อนนอน หรือใช้ไหมขัดฟันก่อนแปรงฟัน
  • หมั่นสำรวจฟัน โดยไปหมอฟัน ตรวจเช็คฟันทุกซี่ ถ้ามีก็ทำการอุด ก่อนที่จะผุและเป็นที่สะสมของเศษอาหาร ทำให้เกิดกลิ่นปาก
  • เกิดโรคอักเสบ เกิดจากการสารพิษที่ขับออกมาแฝงคราบจุลินทรีย์ที่เกาะอยู่รอบตัวฟันจะทำลายเนื้อ
  • แปรงฟันทุกครั้งหลังกินอาหาร หรือบ้วนปากแรง ๆ หลาย ๆ ครั้ง
  • โรคไซนัสอักเสบ วัณโรคปอด ควรไปพบแพทย์รักษาให้หาย
  • การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน จะทำให้เกิดสารปรอท กำมะถันในช่องปาก

การแก้ไขคือ

  • เมื่อแปรงฟันแล้วควรล้างแปรงฟันให้สะอาดด้วย
  • การควบคุมอาหาร เมื่อกินอาหารแล้ว การหลั่งของน้ำลายในปากก็ลดลงจึงทำให้เกิดกลิ่นปาก ควรแก้ไขโดยดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยให้ปากมีความชุ่มชื้นเป็นการควบคุมจุลินทรีย์
  • การใส่ฟันปลอมที่ไม่ดี อาจกดทับเหงือกจนเป็นแผลทำให้เกิดการอักเสบของเหงือก เมื่อไม่ทำความสะอาดฟันปลอม หลังกินอาหาร หรือแปลงฟันปลอมไม่สะอาด ควรแก้ไขที่ต้นเหตุ

รักแร้ รักแร้มีต่อมเหงื่ออยู่มาก และจะขับกลิ่นอยู่ เป็ฯกลิ่นที่ผสมกับไขมันที่ขับออกจากผิวหนังเชื้อโรคจะเจริญเติบโตทำให้เกิดกลิ่นรุนแรง และกำจัดขนด้วยวิธีการโกน, ถอน

หู  กลิ่นเหม็นอาจเกิดขึ้นได้ ถ้าหากเป็นหูน้ำหนวก หูชั้นกลาง อักเสบ เชื้อราหรือมีขี้หูมากเกินไปควรปรึกษาแพทย์ให้หาย ไม่ควรใช้สิ่งใด ๆ แหย่ในรูหูเล่น

เท้า กลิ่นที่เกิดจากเท้า เนื่องจากการสวมถุงเท้าที่ไม่ระบายอากาศรองเท้ามีฝุ่นผง

  • ควรทำความสะอาด ถุงเท้า รองเท้า บ่อย ๆ
  • และควรทำความสะอาดเท้าด้วยน้ำอุ่นถูให้ทั่ว
  • ใช้มะนาวถูขาตลอดจนส้นเท่า เพื่อให้หนังที่ตายแล้วหลุดออกไปได้จนสบายเท้า
  • เมื่อใช้น้ำหอมพรมบริเวณสันเท้าแล้ว หรือมาใช้โคโลญหรือโลชั่นให้เท้าเพื่อจะได้มีกลิ่นสะอาด
  • อย่าปล่อยให้เล็บยาวจนเกินไป ตัดปลายเล็บให้เสมอนิ้วเท้า
  • เลือกรองเท้าอย่าให้หลวมหรือคับจนเกินไป
  • รองเท้าควรมีการนำออกตากแดด และโรยแป้งหอมก่อนใส่ด้วย

อวัยวะเพศ  บริเวณอวัยวะเพศ จะมีต่อมเหงื่อกระจายอยู่ เมื่อกลิ่นเหงื่อผสมกับขี้ไคล จะทำให้เกิดกลิ่นรุนแรง จึงควรอาบน้ำ และทำความสะอาดบ่อย ๆ

กลิ่นตัวชนิดต่าง ๆ เป็นปัญหาใหญ่ของคนหนุ่มสาวทำให้มีปมด้อยทำให้รู้สึกอาจและเป็นที่รังเกียจของเพื่อนฝูง แต่สามารถดูแลป้องกัน และรักษาให้หายไปได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

1. การรับประทานอาหารที่ไม่ทำให้เกิดกลิ่น ได้แก่

  • รับประทานน้ำมันพืชที่มีคุณภาพ
  • รับประทานพืช ผักใบเขียว ใบเหลือง สาหร่ายทะเล และน้ำส้มสายชูที่หมักตามธรรมชาติ
  • งดรับประทานอาหารรดจืดที่ร้อนและเย็นเกินไป งดอาหารรสจัด
  • รับประทานอาหารที่มีเส้นใยมาก ๆ และเคี้ยวให้ละเอียด
  • รับประทานน้ำผัก ผลไม้ ลดปริมาณเกลือและน้ำตาล และรับประทานอาหารต่างชนิดกัน
  • รับประทานอาหารให้เพียงพอเป็นเวลา ก่อนเข้านอน 2 ชั่วโมง ไม่ควรรับประทานอาหารอีก
  • งดบุหรี่ สุรา กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

2. อาบน้ำ การอาบน้ำเพื่อรักษา และกำจัดกลิ่นตัวมีวิธีอาบได้หลายแบบ คือ

  • อาบน้ำต้มใบไผ่ เป็นวิธีอาบน้ำของคนญี่ปุ่น เพราะในใบไผ่มีสารคลอโรฟิลล์ โพลีซัดคาไรค์ ซึ่งช่วยในการกำจัดกลิ่นเหงื่อโคลนได้
  •  อาบน้ำผสมน้ำสัมหรืออาบน้ำต้นผลส้มโอ เป็นวิธีอาบน้ำของคนญี่ปุ่น วิธีการคือ ผสมน้ำส้มธรรมชาติในน้ำอุ่น หรืออาบน้ำต้นผลส้มโอ ซี่งเป็นการอาศัยกรดซิทริคและอะเซติด ช่วยการเผาผลาญในร่างกาย
  •  อาบน้ำต้มผลมะกอก เป็นวิธีการอาบน้ำของคนทางแถบเมดิเตอร์เรเนียน
  •  อาบน้ำยาสมุนไพร เป็นวิธีอาบน้ำของคนจีน ด้วยการใช้ชายุนนาน ใส่ลงในน้ำร้อนที่ใช้อาบ ใช้ชามีเอนไซน์สำหรับแยกสลายไขมันและกำจัดกลิ่นตัวได้
  •  อาบน้ำผสมเอนไซม์ เป็นวิธีอาบน้ำที่นิยมกันมาก สารเอนไซม์จะย่อยสลายไขมันและฝุ่นละอองในร่างกาย จึงทำให้รู้สึกสะอาดสดชื่น

การอาบน้ำทั้ง 5 วิธีแนะนำมานี้จะต้องอาบโดยวิธีแช่ทั้งตัวลงไปในน้ำจึงจะช่วยขจัดสิ่ง
สกปรกและไขมันที่สะสมอยู่ในต่อมเหงื่อเป็นการขจัดกลิ่นตัวโดยตรงได้

3. การรักษากลิ่นรักแร้ กลิ่นรักแร้เป็นปัญหาใหญ่ที่หลาย ๆ คนกำลังหนักใจ วิธีรักษากลิ่นรักแร้ ทำได้ไม่ยาก คือ

  • การรักษาด้วยยา ยาที่นิยมใช้กันคือ ครีมทารักแร้ สเปรย์หรือแบบลูกกลิ่ง ซึ่งยาพวกนี้จะมีตัวยา2 ชนิด คือ ยาลดเหงื่อ และยาฆ่าเชื้อโรค หรืออาจใช้ผงสารส้มถูทาให้ทั่วรักแร้ก็ได้ผลดี
  • การรักษากลิ่นแบบถาวร เป็นการรักษาด้วยการผ่าตัด วิธีนี้ควรปรึกษาแพทย์จะดีที่สุด

4. การรักษาสุขภาพของช่องปาก โพรงจมูก และรักษาสุขภาพอนามัยให้แข็งแรง ปราศจาก โรคอยู่เสมอ การรักษาสุขภาพช่วยให้เราไม่มีกลิ่นตัวที่น่ารังเกียจ และช่วยให้เราเข้าสังคมอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุขอีกด้วย

1.6 กิจวัตรในการรักษารูปลักษณ์

ลองทำตารางเวลาของกิจวัตรที่จะต้องปฏิบัติในการแต่งตัวที่ดี คุณอาจจะใช้รายการต่อไปนี้
ช่วยคุณทำตารางเวลาของคุณเอง

ประจำวัน

ประจำสัปดาห์

ออกกำลังกาย
อาบน้ำ
ผม
สระผม
แปรงและหวีผม
ใช้น้ำยาระงับกลิ่นตัวและเหงื่อ
ล้างมือ
ล้างหน้า
แปรงฟันและใช้ไหมขัดซอกฟัน
โกนหนวด (สำหรับผู้ชาย)

แต่งเล็บ
ใช้น้ำยาปรับสภาพเส้น

พยายามทำตามที่วางแผนไว้ให้ได้มากที่สุด

1.7 การดูแลรูปร่าง

รูปร่างเป็นสิ่งที่สะดุดตาผู้พบเห็น ไม่มีใครอยากให้ตัวเองอ้วนจนน่าเกลียด และคงไม่มีใครอีกเหมือนกันที่อยากเห็นตัวเองผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ซึ่งจะทำให้มีผลต่อความมั่นใจในบุคลิกของตนเอง
แต่การจะมีรูปร่างสมส่วน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคนเพราะสิ่งที่คิดว่ายากที่สุดที่แก้ไขไม่ค่อยได้ ก็คือเรื่องพันธุกรรม ซึ่งยากจะแก้ไข
ความอ้วนที่ไม่เกี่ยวกับพันธุกรรม และระบบเผาผลาญของร่างกาย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมชาติที่มีแต่กำเนิด สามารถปรับปรุงแก้ไขได้
การลดความอ้วน คนอ้วนที่มีน้ำหนักมาก เกือบทุกคนต้องการลดน้ำหนักตัวเอง ซึ่งสิ่งสำคัญ คือ การควบคุมอาหารจะทำให้น้ำหนักลดลงได้
การควบคุมอาหาร ไม่จำเป็นต้องลดอาหารทุกอย่าง เพียงลดบางอย่างและรับประทานให้ได้สารอาหารครบถ้วน ควรรับประทานให้ครบ 3 มื้อ แต่ลดปริมาณอาหารบางอย่างในแต่ละมื้อดีกว่าลดมื้ออาหารเหลือ 2 มื้อ และในจำพวก 3 มื้อ มื้อเย็นเป็นมื้อที่ควรลดปริมาณอาหารให้น้อยลงกว่ามื้ออื่น ๆ
อาหารที่ลดน้ำหนัก แบ่งออกเป็น 3 ชนิด
1. อาหารที่ควรงด ได้แก่

  • อาหารที่มีไขมันสูง เช่น เค้กหน้าครีม พาย คุ้กกี้ ช็อกโกแลต ไอคกรีม มันสัตว์ เนื้อสัตว์ติดมันมาก

ของทอดทุกชนิด อาหารที่มีกะทิเป็นส่วนผสม ครีมต่าง ๆ เป็นต้น อาหารที่มีไขมันสูง เช่น ขนมหวาน โดยเฉพาะขนมหวานที่มีแต่แป้ง และน้ำตาลเป็นส่วนผสม เครื่องดื่มที่มีรสหวาน น้ำอัดลม น้ำหวาน เป็นต้น

2. อาหารที่รับประทานได้ในปริมาณจำกัด

  • ข้าว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว มักกะโรนี และอาหารที่ทำจากแป้ง
  • อาหารผัดที่มีน้ำมันค่อนข้างมาก
  • เนื้อสัตว์ที่ติดมันไม่มาก
  • ผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน ลำไย ขนุน เป็นต้น
  • อาหารที่กินได้ไม่จำกัด
  • ผัก
  • ผลไม้ที่ไม่หวานจัด เช่น ฝรั่ง มะละกอ มังคุด เป็นต้น

นอกจากอาหาร 3 มื้อ แล้วไม่ควรรับประทานอาหารในระหว่างมื้อ เช่น อาหารว่าง ของขบเคี้ยวต่าง ๆ
การออกกำลังกาย จะช่วยในการลดน้ำหนักได้ วิธีที่ดีที่สุดคือ ควรออกกำลังกายควบคู่กับการควบคุมอาหาร

การใช้ยาลดความอ้วน
  • ยาลดความอ้วน เป็นอันตรายต้องอยู่ในความควบคุมของหมอไม่ควรซื้อยากินเอง
  • ชาลดความอ้วน มีสมุนไพรมะขามแขกใช้เป็นยาระบายรับประทานและทำให้ถ่ายท้องทำ

ให้ร่ายกายสูญเสียและร่างกายได้สารอาหารเข้าสู่ร่างกายอย่างผิดปกติ เนื่องจากอาหารถูกขับออกเป็นอุจจาระ เร่งกลับไปทำให้เกิดสภาวะของสารอาหารกลับได้ และจะทำให้ลำไส้และกระเพาะอาหารผิดปกติเคยชินกับยาระบาย ถ้าไม่รับประทานเกิดอาการท้องผูก

อยากอ้วน

คนที่มีรูปร่างผอมมากไป จะรู้สึกอ่อนเพลียเป็นลมง่ายไม่มีแรง ควรที่จะเพิ่มน้ำหนักได้ ไม่เช่นนั้น นานจะทำให้ไม่มีความต้านทานโรคต่าง ๆ และเกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย
สิ่งที่คนผอมควรปฏิบัติเพื่อให้น้ำหนักเพิ่มดังนี้

  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่มากกว่าที่เคยรับประทาน
  • ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอทุกวัน
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ทำจิตใจให้เบิกบานอยู่เสมอ ไม่วิตกกังวลหรือเครียด
  • ไม่ควรเชื่อคำโฆษณา ซื้อยาบำรุงความอ้วนมารับประทานเอง เพราะจะเป็นอันตราย

 การแต่งตัวพรางรูปร่าง

การปรับปรุงรูปร่างของตนเอง อีกวิธีหนึ่งก็คือ การแต่งตัวพรางรูปร่างโดยใช้ลวดลายของเสื้อผ้า สีของเสื้อผ้า เนื้อผ้าตลอดจนการออกแบบเสื้อผ้า ล้วนมีส่วนช่วยพรางรูปร่างของคนอ้วนให้ผอมหรือคนผอมให้ดูดีขึ้นได้

คนอ้วนควรหลีกเลี่ยงลักษณะเสื้อผ้า ดังนี้

  • ผ้าสีอ่อน
  • ลวดลายขนผ้าที่เป็นดอกใหญ่
  • ลวดลายแบบเสื้อหรือกระโปรงที่มีลายขวางเต็มตัว
  • เสื้อคอตั้ง ติดคอ
  • เสื้อหรือกระโปรงที่มีระบายตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
  • แขนเสื้อพองโต หรือแขนเสื้อที่จีบ รูด เป็นแบบแขนตุ๊กตา
  • กระโปรงต่อสะโพก
  • เนื้อผ้าที่มีน้ำหนักทิ้งตัวมากเกินไป เนื้อผ้าประเภทนี้ใส่แล้วจะแนบตัว ทำให้เห็นสัดส่วนรูปร่าง เป็นการเน้นรูปร่างให้เห็นว่าอ้วน
  • เนื้อผ้าที่เบาบาง

คนอ้วนควรเลือกเสื้อผ้าที่มีลักษณะ ดังนี้

  • ผ้าสีเข้ม
  • ลวดลายตามยาว
  • เนื้อผ้าไม่ทิ้งตัว ใส่แล้วไม่แนบตัว
  • แบบเสื้อที่อยู่นอกกระโปรง เหมาะกว่าเสื้อที่ใส่สอดในกระโปรง
  • กระโปรงทรงตรงที่ไม่สอบเข้ารูป และแนบตัวจนเกินไป เพราะจะเน้นสัดส่วนความอ้วนมากเกินไป
  • แขนเสื้อควรเป็นทรงตรง แต่ไม่แนบเนื้อเกินไป

คนผอมควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าลักษณะ ดังนี้

  • เสื้อผ้าสีเข้ม
  • เสื้อผ้าดอกเล็ก
  • ลายผ้าตามยาว
  • แบบเสื้อที่รัดรูป หรือแนบตัวเกินไป
  • แบบเสื้อคอกว้างเกินไป

คนผอมควรเลือกเสื้อผ้าลักษณะ ดังนี้

  • เสื้อผ้าสีอ่อน
  • เสื้อผ้าดอกใหญ่
  • ลายตามขวาง
  • เสื้อหรือกระโปรงเป็นแบบ จีบรูด หรือติดระบาย
  • แขนเป็นแบบแขนพอง หรือแขนธรรมดาที่ไม่รัดรูปแนบแขนเกินไป
  • คอเสื้อมีปก มีการตกแต่งระบายหรือลูกไม้
  • กระโปรงบานดีกว่ากระโปรงแคบ หรือถ้าจะเป็นกระโปรงแคบ ก็ควรมีจีบรูดที่เอว เล็กน้อย ตัวกระโปรงไม่แนบตัวเกินไป อาจเป็นทรงตัวเอ
  • เนื้อผ้าค่อนข้างหนาจนถึงหนาใส่ได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับภูมิอากาศ หรือจะใช้เนื้อผ้าที่บางก็ได้ แต่ต้องเป็นแบบ ที่มีระบายหรือจีบรูด

การใช้เครื่องประดับ
คนผอมได้เปรียบกว่าคนอ้วนในการเลือกใช้เครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็นเข็มขัด สร้อยคอ ที่ติดเสื้อ
เข็มขัด
คนผอม จะใช้เข็มขัดเส้นกว้าง หรือเส้นเล็กก็ได้ แต่ถ้าผอมแล้วเตี้ยก็อาจจะใช้เข็มขัดเส้นเล็กแทน
คนอ้วน ควรหลีกเลี่ยงการคาดเข็มขัด แต่ถ้าต้องการกับชุดบางชุด ควรใช้เข็มขัดเส้นเล็ก เพื่อไม่ให้ดูเทอะทะจนเกินไป

ที่ติดเสื้อ
คนอ้วน ไม่ควรใช้ที่ติดเสื้อเล็กจนเกินไป หรือใหญ่เกินไป เพราะถ้าใช้เล็กมากก็จะดูไม่เหมาะสมกับสัดส่วนของร่างกาย แต่ถ้าใหญ่เกินไปก็จะดูเทอะทะใหญ่โตไปหมดทั้งตัว โดยเฉพาะการใส่ที่ติดเสื้อที่เป็นดอกไม้ดอกใหญ่
คนผอม จะติดเสื้ออันโตหรืออันเล็กก็ได้

สร้อยคอ
คนอ้วน ควนใช้ลักษณะของสร้อยคอเส้นยาว เพราะเส้นตามยาวจะพรางรูปร่างให้ดูผอมลง รูปร่างของสร้อยคอไม่ควรเป็นชิ้นใหญ่ ควรใช้ลูกปัดยาวรี หรือจะเป็นสร้อยไข่มุกกลมเส้นยาวก็ได้ ไม่ควรเป็นจี้อันกลมใหญ่กลางคอ และไม่ควรเป็นเส้นสั้น ๆ หลาย ๆ เส้น ใส่รุงรังไปหมดเต็มคอ
คนผอม ไม่ควรใส่สร้อยคอเส้นยาวเส้นเดียวโดด ๆ เพราะเส้นตามยาวจะทำให้รูปร่างสูงและผอมลง ควรเป็นสร้อยคอที่มีลักษณะเส้นค่อนข้างสั้น หรือถ้าอยากใส่เส้นยาว ควรใส่หลาย ๆ เส้น รวมกัน ลักษณะของสร้อยคอ จะเป็นวัสดุชิ้นใหญ่หรือเล็กก็ได้

ต่างหู
คนอ้วน ไม่ควรใช้ต่างหูที่ทำเป็นดอกไม้ดอกโต ๆ เพราะจะทำให้ดูหน้าอ้วนกลมมากขึ้น ต่างหูที่เป็นห่วงกลม ๆ ก็ไม่ควรใช้ ควรเป็นต่างหูเรียบ ๆ เป็นมุกเม็ดเดียว หรือพลอย หรือเพชรเม็ดเดียวก็ได้หรืออาจจะเป็นแบบหลายเม็ด ที่ไม่ใหญ่นักเรียงเป็นแนวห้อยลงมาตกติ่งหู
คนผอม ค่อนข้างง่ายต่อการเลือกแบบของต่างหู เพราะจะเป็นต่างหูค่อนข้างโต เป็นห่างเป็นเม็ดหรือเป็นดอกใหญ่ก็ได้ แต่ไม่ควรเลือกชนิดที่เป็นเส้นยาวห้อยลงมาจากหู เพราะจะทำให้ดูผอมสูงแต่ถ้าคนผอมเตี้ยก็อาจใช้ได้

การแต่งกาย

 การแต่งกายเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เสื้อผ้าหรือเครื่องแต่งกายนอกจากจะช่วยห่อหุ้มร่างกายให้มิดชิดปลอดภัย และให้ความอบอุ่นแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกรูปร่าง หน้าตา ของผู้สวมใส่ ให้ดูสวยงามสง่า เหมาะสมกับกาลเทศะอีกด้วย

หลักทั่วไปของการแต่งกาย

1. ถูกกาลเทศะ ควรแต่งกายให้เหมาะกับสถานที่ที่จะไป และในโอกาสต่าง ๆ เหมาะสมกับความนิยม เช่น

  • สถานที่ราชการ ควรใส่สีสุภาพ เรียบร้อย รองเท้าเป็นรองเท้าหุ้มส้น รองเท้าและกระเป๋าควรเป็นสีที่เข้ากัน ไม่ควรสวมเสื้อปล่อยชายออกนอกกระโปรง กางเกง กลัดกระดุมทุกเม็ด ไม่ควรสวมรองเท้าแตะ
  • งานแต่งงาน งานเลี้ยงต้อนรับ งานเต้นรำ งานวันเกิด ซึ่งเป็นงานรื่นเริง งานมงคล ควรสวมเสื้อผ้าที่หรูหราเล็กน้อย รองเท้าหุ้มส้นหรือสวมสูท (สำหรับท่านผู้ชาย)
  • งานศพ : หญิง สวมเสื้อคอปิดสีดำ สีขาวดำ รองเท้าหุ้มส้น ไม่สวมเครื่องประดับมากเกินไป ไม่ใส่เครื่องประดับที่มีสีสัน
    ................ : ชายสวมชุดสีเข้มหรือสูท รองท้าคัทชู ถ้าสวมชุดสากลจะติดแขนทุก ที่ข้างซ้ายเหนือศอก
  • งานบุญ : ไม่ควรสวมกางเกงรัดรูปหรือกระโปรงสั้น หรือควรแต่งกายให้สุภาพ
  • ไปพบผู้ใหญ่ ควรแต่งกายให้สุภาพไม่สวมแว่นตาดำ
  • ไปเข้าเฝ้าฯ ในงานพระราชพิธี ราชพิธี หรืองานสโมสรสันนิบาต ต้องแต่งตามหมายกำหนดคำสั่งหรือแต่งตามระเบียบที่วางไว้ ซึ่งอาจเป็นเครื่องแบบปกติหรือเครื่องแบบเต็มยศ เครื่องยศประดับ เครื่องราชอิสรยาภรณ์ สวมสายสะพายหรือเครื่องราชอิสรยาภรณ์ (สำหรับเครื่องแบบปกติ)

2. ความสะอาดเรียบร้อย ควรรักษาความสะอาด ซักรีดให้เรียบร้อยเสมอ เพราะความสะอาด เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความงาม และช่วยสร้างความเชื่อถือ ไว้วางใจให้กับตัวเอง
3. สวมเสื้อผ้าที่พอดีกับร่างกาย ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป
4. ควรเลือกสีและแบบของเสื้อให้เหมาะสมกับวัย รูปร่าง เพศ สีผิว สีชมพูสดสำหรับคนผิว ขาวสะอาด สีชมพูอมส้มเหมาะกับคนผิวสีการะเกด คนผอมต้องใช้สีอ่อนเย็นตา อย่าเลือกผ้าทีเนื้อเนียนเป็นมัน จะทำให้มองดูผอมมาก ควรเลือกผ้าชนิดเนื้อแข็ง เมื่อตัดเย็บเป็นเนื้อผ้าแล้ว จะมองดูเป็นคนมีเนื้อหนังขึ้น
สำหรับคนอ้วนใช้ผ้าลวดลายดอกพราว เด่น สีสดสวย จะทำให้มองไม่เห็นความอ้วน
ผิวสีคล้ำ ควรเลือกสีชมพู สีเหลือง สีฟ้า ถ้าเป็นดอกก็ควรออกลวดลาย สีเหลือง สีฟ้า สีชมพู
สีส้ม สีเปลือกข้าวโพด ห้ามเด็ดขาด อย่าเลือกใช้สีขรึม ๆ ประเภทออกน้ำตาลแก่ เทาแก่ น้ำเงินแก่ มาสวมเพราะจะทำให้ผิวดำคล้ำ มากขึ้น
ผิวสีขาวจัด ควรเลือกสีผ้าน้ำตาลอ่อน สีเขียวหม่น ๆ สีชมพูอมสีปูน สีเหลืองอมสีส้ม สีส้มอมสีน้ำตาล สีเลือดหมู ควรหลีกเลี่ยงใช้สีอ่อน ชมพู สีเหลืองอ่อน เพราะจำทำให้สีผิวซีดเป็นไก่ต้ม ควรใช้สีขรึม ๆ จะทำให้มองน่าชวนพิศขึ้น
การเลือกสีเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้เด่นสะดุดตา และสีของเสื้อผ้ากลมกลืนกับสีของผิวนั้นเป็นการแสดงออกซึงรสนิยมอันดีงามของผู้สวมใส่ ดังนั้น ก่อนที่คุณหญิงจะตกลงใจตัดเสื้อผ้าไว้สวมใส่ จะพิจารณาเทียบดูกับผิวเนื้อของคุณเสียก่อน ถ้าตกลงใจว่าจะใช้สีใด ก็จะกล้าแต่งวางตัวให้เหมาะสมด้วยจะช่วยให้คุณแจ่มใสและเป็นสุขใจสวยงามขึ้น แต่ถ้าจะถือว่าพอใจของคนเสียอย่างก็จงเลือกแต่งตามใจเถิด แต่ไม่พ้น สีที่กล่าวมาหรอก
5. ควรสวมรองเท้าให้เหมาะสมกับโอกาสต่าง ๆ เช่นรองเท้าแตะให้สวมในบ้าน รองเท้า รัดส้น หรือรองเท้าหุ้มส้น ให้สวมเพื่อออกไปทำงาน หรือสวมออกไปในที่ชุมชน

การเลือกเครื่องแต่งกายโดยทั่วไป

การเลือกเครื่องแต่งกายทั้งชายและหญิง ไม่ควรสวมใส่เครื่องประดับมากเกินไป
ชาย : ควรมีนาฬิกา เนคไท เข็มกลัดเนคไท แหวนแบบเรียบ ๆ แหวนรุ่น แว่นกันแดด
หญิง : ควรมีสร้อยคอ สร้อยข้อมือ นาฬิกา แหวนทอง แหวนเพชรแบบเรียบ ๆ กำไล ต่างหู

 

 

กิริยามารยาทโดยทั่วไป

 กิริยามารยาทในที่นี้ หมายถึง กิริยาอาการท่าทางต่าง ๆ ที่นิยมใช้กันในสังคมทั่วไปควรปฏิบัติให้เป็นนิสัย ได้แก่

  • การเจรจาด้วยถ้อยคำสุภาพอ่อนหวาน
  • การเอ่ยคำ "ขอโทษ" และ "ขอบคุณ" ตามมารยาท
  • "การไหว้" เมื่อพบผู้ที่เคารพนับถือ
  • การยืน

 การยืนเป็นการแสดงถึงบุคลิกภาพอย่างหนึ่ง การยืนให้มีลักษณะที่สง่าผ่าเผย และสำรวจควรจะเป็น ดังนี้

  • การยืนตามปกติ
  • ชาย ให้ยืนตัวตรง ปล่อยมือตามสบายเข่าชิด ปลายเท้าห่างกันเล็กน้อย
    หญิง ให้ยืนตัวตรง ปล่อยมือตามสบาย ปลายเท้าและส้นเท้าชิดกัน

  • การยืนต่อหน้าผู้ใหญ่
  • การยืนฟังคำสั่ง
    ชาย / หญิง ยืนตัวตรง หน้ามองตรง ปล่อยมือแนบลำตัว ควรยืนเฉียงไปทางซ้ายหรือทางขวา เพื่อเลี่ยงลักษณะเผชิญหน้า
    การยืนฟังโอวาท
    ชาย / หญิง ยืนตัวตรง หน้าก้มเล็กน้อย มือประสานกันระดับเอว

    การเดิน

    การเดินจะทำให้ร่างกายเคลื่อนไหว หากเดินไม่สวนงาม ถึงแม้จะมีหน้าตาสวยงามก็ทำให้เสียบุคลิกภาพได้ เราจึงควรฝึกการเดินให้สง่างามและสำรวมมากที่สุด การเดินที่เหมาะสมควรเป็นดังนี้

  • ควรเดินตามปกติ ชายและหญิงเดินตัวตรง ไม่กางแขน แกว่งแขนเล็กน้อย ผู้หญิง
  • ไม่ควรเดินสะโพกส่ายไปมา ดูหน้าเกลียดและเสียบุคลิก

  • เดินตามผู้ใหญ่ ชายและหญิงเดินตัวตรงตามหลังผู้ใหญ่เยื่องไปทางซ้าย ประมาณ 1 – 2 ก้าว และควรน้อมตัวลงเมื่อผู้ใหญ่หันมาพูดด้วย
  • การนั่ง

     การนั่งมีความสำคัญต่อบุคลิกภาพและสุขภาพ การนั่งหลังงอ จะทำให้ปวดหลัง จึงควรฝึกนั่งให้สง่างามดูดีตลอดเวลา การนั่งที่ควรฝึกให้เหมาะสมมีดังนี้

  • การนั่งกับพื้น
  • ชาย นั่งพับเพียบตัวตรง วางมือคว่ำบนหน้าขาหรือประสานไว้บนตัก
    หญิง นั่งพับเพียบ ท้าวแขนข้างหนึ่ง วางมือประสานไว้บนตัก

  • การนั่งกับพื้นต่อหน้าผู้ใหญ่
  • ชาญและหญิง นั่งพับเพียบตัวตรงเก็บปลายเท้า มือประสานหรือประกบไว้บนตัก ก้มหน้าเล็กน้อยโน้มตัวลงเมื่อผู้ใหญ่พูดด้วย

  • การนั่งเก้าอี้โดยทั่วไป
  • ชาย นั่งห้อยขา ส้นเท้าชิดปลายเท้าห่างกันเล็กน้อย ตัวตรงหลังพิงพนัก มือวางคว่ำบนหน้าขาหรือประสานไว้บนตัก
    หญิง นั่งห้อยขาให้ส้นเท้าปลายเท้าและเข่าชิด ตัวตรง หลังพิงพนักมือประสานหรือประกบไว้บนตัก 

  • การนั่งเก้าอี้ต่อหน้าผู้ใหญ่
  • ชายและหญิง นั่งเหมือนกับนั่งเก้าทั่วไป แต่ให้วางมือประสานหรือประกบไว้บนตัก
    ห้ามนั่งไขว่ห้าง

    การพูดจา

     คนทุกคนควรมีวาจาการไพเราะ น่าฟัง จึงจะเป็นที่ชื่อชอบของผู้ที่ได้พบเห็น สิ่งที่ควรปฏิบัติให้เป็นนิสัย ได้แก่

    • พูดจานิ่มนวลอ่อนหวาน
    • ลงท้ายคำพูดด้วยคำว่า "ครับ" "ค่ะ"
    • พูดจาให้ชัดเจนไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป
    • รู้จักพูดและงดเว้นการพูดในบางเรื่องในบางเวลา
    • พยายามใช้สำนวนไทยให้ถูกต้อง
    • ใช้ภาษาสุภาพไม่พูดคำแสลง

    การรับประทานอาหาร

     การรับประทานอาหาร เป็นส่วนหนึ่งของการมีบุคลิกภาพที่ดีได้เช่นกันสังคมได้กำหนดมารยาทในการรับประทานอาหารที่ควรปฏิบัติตามไว้หลายประการ ได้แก่

    • อย่านั่งพิงพนัก
    • อย่านั่งไขว่ห้าง
    • อย่าแขวนผ้ากันเปื้อนไว้กับอก
    • อย่าใช้มีดส่งอาหารเข้าปาก
    • อย่าพูดคุยขณะรับประทานอาหาร
    • ไม่รับประทานอาหารคำโต มูมมาม ทำหกหล่น เลอะเทอะ
    • ไม่เคี้ยวอาหารเสียงดัง อย่าตักอาหารรอไว้ที่ปากขณะเคี้ยว และควรส่งอาหารเข้าปากให้หมดช้อน
    • เคี้ยวและกลืนอาหารให้หมดก่อนการดื่มน้ำ
    • ไม่ควรจิ้มฟัน แคะฟันบนโต๊ะอาหาร
    • อย่ารับประทานอาหารจนไม่สนใจผู้อื่นลักษณะทั่วไปของบุคลิกภาพที่ดี

     

    บุคลิกภาพภายนอก

    บุคลิกภาพภายใน

    • ร่างกายสมส่วนไม่อ้วนไม่ผอม
    • สุขภาพแข็งแรง
    • ร่างกายสะอาด
    • ผิวพรรณผ่องใส
    • หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
    • ใช้สีของเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับเพศ วัย และผิวพรรณ
    • กิริยาอาการสงบเสงี่ยม
    • ยืน เดิน นั่ง เรียบร้อยเสมอ
    • กิริยาท่าทางนุ่มนวล
    • ทำงานคล่องแคล่ว
    • พูดจาไพเราะ
    • พูดจาชัดถ้อยชัดคำ
    • น้ำเสียงชัดเจน
    • พูดจาคล่องแคล่ว

     ฯลฯ

    • มีความคิดริเริ่มสร้างสรร
    • มีความรู้รอบตัวดี
    • มีปฏิภาณไหวพริบดี
    • มีความจำดี
    • อารมณ์มั่นคง
    • รับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น
    • รับผิดชอบต่องานสูง
    • กระตือรือร้น
    • ซื่อสัตย์ จริงใจ
    • มีความเมตตากรุณา
    • ตรงต่อเวลาเสมอ
    • กตัญญูกตเวที
    • ช่างสังเกต
    • มีความอดทน
    • มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง

     ฯลฯ