อาหารลดความอ้วน

  • Tab 1
  • Tab 2
  • Tab 3
  • Tab 4
1. กินไขมันชนิดเต็มรูป
ผ่อนคลายลงบ้างก็ได้นะคะ หากตลอดปีที่ผ่านมาคุณบริโภคเฉพาะอาหารที่พร่องมันเนย และไม่กินอะไรที่เราโปรดปรานแต่มีไขมันอยู่บ้าง สังเกตมั้ยล่ะว่าน้ำหนักก็ไม่ได้ลดลงสักเท่าไรเลย รู้มั้ยคะว่าอาหารประเภทพร่องมันเนยที่มีไขมันน้อยนั้นมักจะเพิ่มความหวานหรือน้ำตาลมากๆเพื่อชดเชยไขมัน ซึ่งน้ำตาลจำนวนมากนั้นสามารถเปลี่ยนเป็นไขมันได้ภายหลัง จริงๆแล้วไขมันในอาหารจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มทำให้คุณไม่กินมากเกินไป

2. เลือกกินโปรตีนเป็นมื้อค่ำ
กินสลัดผักกับเนื้อสัตว์ที่ให้โปรตีนชนิดดี เช่น เนื้อปลาไม่ติดมันหรือเนื้อไก่ เต้าหู้หรือกินออมเล็ตใส่ผัก ถั่วต่างๆหรือผัดเนื้อต่าง การกินโปรตีนจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณคงที่ ทำให้คุณหลับดีขึ้น และช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อ การกินคาร์โบไฮเดรตจากแป้ง เช่น ขนมปัง พาสต้า และมันฝรั่งจะไปเก็บสะสมเป็นไขมันยามคุณหลับ....!!

3. ดื่มแอลกอฮอล์น้อยลงครึ่งนึง
ถ้าเลิกดื่มไม่ได้จริงๆก็ควรลดปริมาณลงครึ่งหนึ่ง ว็อดก้า 1 แก้ว ขนาด 30 ซีซี. ให้พลังงานถึง 295 กิโลจูลส์ (ก่อนเติมมิกเซอร์) ส่วนไวน์ 1 แก้วให้พลังงานถึง 533 กิโลจูลส์ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อต้นขาของคุณแน่ๆ คุณควรจิบช้าๆ หรือดื่มน้ำเปล่าคั่นระหว่างแก้ว เพื่อจะได้มีอะไรติดมือไว้ดื่มระหว่างเข้าสังคม

4. เลือกกินแต่อาหารที่มี GI ต่ำ
GI ย่อมาจาก Glycaemic Index ซึ่งเป็นการจัดอันดับของอาหารชนิดที่ให้คาร์โบไฮเดรตตามผลที่มันมีต่อระดับกลูโคสในเลือด อาหรที่มี GI ต่ำ จะเป็นผลดีต่อระดับน้ำตาลในเลือด ส่วนอาหารที่มี GI สูง จะถูกร่างกายดูดซึมรวมเร็วและทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูง อาหารที่มี GI ต่ำจะแตกตัวช้ากว่า และรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่มากกว่า ทำให้คุณอิ่มนานขึ้น ลองสังเกตข้างกล่องของอาหารของคุณดูสิคะ อาหารที่มีค่า GI ต่ำ ได้แก่ ขนมปังทำจากแป้งไม่ขัดขาว รำข้าว แป้งฮิวมัส ถั่วเมล็ดต่างๆ แป้งไม่ขัดขาว แอปเปิล ถั่วเปลือกแข็งต่างๆ ถั่วชิกพี นม และโยเกิร์ต

5. กินถั่วเมล็ดดิบ
เลือกกินถั่วดิบดีกว่าถั่วอบ อาหารจำพวกถั่วจะมีไขมันชนิดไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและเชิงเดี่ยวซึ่งเป็จไขมัน "ชนิดดี" และร่างกายนำไปใช้งานใส่วนที่เนื้อเยื่อของเซลล์ต่างๆในเส้นประสาท สมองและเซลล์ผิวหนังเพื่อช่วยดูดซึมวิตามินต่างๆ ชนิดที่ละลายไขมันได้เข้าสู่ร่างกาย แต่เมื่อนำถั่วไปอบ ก็ไม่ถือว่ามีไขมันชนิดดีอีก เพราะถั่วอบมักจะถูกนำไปชโลมน้ำมันเพื่อเพิ่มรสชาติ และเมื่อไขมันถูกความร้อนก็จะเปลี่ยนโครงสร้างสารเคมีกลายเป็นไขมันอิ่มตัว ที่เมื่อกินมากเกินไปอาจทำให้มีคอลเลสเตอรอลในเลือดสูงและเกี่ยวกับการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน โรคอ้วนและโรคเบาหวานขั้นต้น

6. เพิ่มไฟเบอร์ในอาหาร
ไฟเบอร์หรือกากใยในอาหารจะช่วยชะล้างสารพิษในระบบการย่อยและทำให้คุณรู้สึกอิ่มด้วย จะหาเพิ่มได้จากการกินผักสดที่มีไฟเบอร์สูง โดยเฉพาะในผักใบเขียวต่างๆ เช่น บร็อคโคลี่และปวยเล้ง อาหารอื่นๆที่มีไฟเบอร์สูงก็มีข้าวโอ๊ต ธัญพืชต่างๆ ถั่วฝักต่างๆและถั่วเมล็ดต่างๆ หรือคุณอาจกินอาหารเสริมไฟเบอร์ดูก็ได้

7. เผาผลาญไขมันด้วยน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาว
สักหนึ่งแก้วหลังตื่นนอนก็จะช่วยล้างสารพิษจากตับได้อย่างดี ที่ต้องกำจัดสารพิษออกจากตับ ก็เพราะตับมีหน้าที่เผาผลาญไขมันที่นำไปใช้เป็นพลังงาน ดังนั้นตับที่แข็งแรงดีจะช่วยทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้

8. ปรุงอาหารด้วยพริก ขิงและสาหร่ายทะเล
อาหารประเภทนี้จะเร่งระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย (รวมถึงชาเขียวด้วย) แถมยังเพิ่มรสชาติโดยไม่เพิ่มไขมันให้อาหารอีกต่างหาก นอกจากนี้การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ก็สำคัญมากเพราะร่างกายที่ขาดน้ำ อาจทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานช้าลงไปด้วย

9. กินน้ำตาลจริงๆ
การกินของหวานและอาหารที่ใส่น้ำตาลเทียม (เช่น หมากฝรั่ง อมยิ้ม โยเกิร์ต และเครื่องดื่มไดเอทรสผลไม้ต่าง) อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เพราะคุณไม่ได้รับพลังงานที่แท้จริงทำให้คุณยังรู้สึกหิวอยู่และยิ่งอยากกินน้ำตาลมากขึ้น กลายเป็นวงจรอุบาทว์ไม่สิ้นสุด ควรเลือกกินน้ำตาลจริงๆดีกว่าค่ะ แต่กินให้น้อยลง

10. รู้จักตั้งกฎให้ตัวเอง
ควรกินมื้อค่ำก่อนทุ่มตรงเพื่อให้ร่างกายมีโอกาสย่อยอาหารก่อนที่คุณจะเอนตัวลงนอน (ระบบเผาผลาญ พลังงานของคุณจะทำงานช้าเมื่อคุณหลับ) ควรกินอาหารทุก 4 ชั่วโมง เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ การอดอาหารบางมื้อจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้คุณอ่อนเพลียและเริ่มอยากได้น้ำตาลมากขึ้น ควรกินอาหารภายใน 20 นาที หลังออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ทันทีแทนที่จะสะสมไว้ในรูปไขมัน

สูตรอาหารลดความอ้วนตามแนวแมคโครไบโอติกส์

1. อาหารประเภทแป้งซึ่งไม่ขัดขาว เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท ""ปริมารอาหารประเภทนี้ ประมาณ 50 %ของแต่ละมื้อ"

2. ผัก ใช้ทั้งผักดิบและผักสุก อย่างละครื่ง ทำเป็นสลัดผักสดก็ได้ หรือเป็นผักสุกจิ้มน้ำพริกบ้าง หรือผัดโดยใช้น้ำมันแต่น้อย "ปริมาณอาหารประเภทนี้ประมาณ 25 % ของแต่ละมื้อ"

3. ถั่วต่าง ๆ และผลิตผลจากถั่ว เช่น เต้าหู้ โปรตีนเกษตร หรือผลผลิตซึ่งดัดแปลงจากถั่วในรูปต่าง ๆ "ปริมาณอาหารประเภทนี้ประมาณ 15 % นของแต่ละมื้อ" นอกจากนี้จะใช้โปรตีนจากสัตว์เป็นครั้งคราว คือปลาและอาหารทะเลประมาณอาทิตย์ละ 1 ครั้ง

4.เบ็ดเตล็ด คือ แกง หรือซุป ถ้าเป็นแกงแบบไทยก็ใช้แกงจืดหรือแกงเลียง หรือจะทำเป็นซุปมิโซ่หรือเต้าเจี้ยวญี่ปุ่นผสมในน้ำแกง

ถ้าเป็นของกินเล่นจะใช้เป็นเมล็ดพืชต่าง ๆ เช่นถั่วคั่ว เมล็ดฟักทอง ผลไม้ความเป็นผลไม้ที่ไม่หวานเช่น ฝรั่ง มะม่วงดิบ "ปริมาณอาหารประเภทนี้ประมาณ 10 %ของแต่ละมื้อ"

อาหารที่ควรงด

1. งดอาหารเนื้อสัตว์

2. งดน้ำตาลขาวทุกชนิด เช่น ทองหยิบ ฝอยทอง เค้ก ไอศครีม

3. งดอาหารมันที่ใช้น้ำมัน นม เนย กะทิ

4. งดแป้งขาวทุกชนิด เช่น ข้าวขาว ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ขนมปัง

 

สูตรนี้ลดความอ้วนได้และชะลอความแก่ได้นะจ๊ะ

วัยกับพลังงานที่ร่างกายต้องการ

สำหรับเด็ก ผู้หญิง (ทำงานนั่งโต๊ะ) และผู้สูงอายุ 1,600 Kcal.
สำหรับวัยรุ่นชาย หญิง และผู้ชาย (ทำงานนั่งโต๊ะ) 2,000 Kcal.
สำหรับผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร และนักกีฬา 2,400 Kcal.
เมื่อปริมาณความต้องการใช้พลังงานในแต่ละกลุ่ม แตกต่างกัน ทำให้ความต้องการกินอาหารของแต่ละกลุ่ม แตกต่างกันด้วยเช่นกัน

                                                           ตัวอย่างสารอาหารและพลังงาน


พลังงาน

หมวดอาหาร / วัน

(Kcal.)

ข้าว-แป้ง (ทัพพี)

เนื้อสัตว์ (ช้อน)

ผัก (ทัพพี)

ผลไม้ (ส่วน)

นม (แก้ว)

1,600

8

6

4

3

2

2,000

10

9

5

4

1

2,400

12

12

6

5

1

 ประเภทอาหารที่ควบคุมน้ำหนัก
  -  อาหารที่มีกากใยมาก เช่น ผักและผลไม้
  -  อาหารที่ให้พลังงานน้อย 
  -  กินอาหารประเภทปลาให้บ่อยขึ้น 
  -  กินอาหารเนื้อสัตว์ที่เป็นเนื้อล้วน 
  -  ปรุงอาหารด้วยวิธีการนึ่ง ปิ้ง ย่าง หรือต้ม แทนการใช้น้ำมันทอด 
  -  ลดปริมาณอาหารประเภท ข้าว แป้ง น้ำตาล 
  -  ลดอาหารที่มีไขมันแฝงอยู่ 
  -  ลดอาหารและผลไม้ที่มีน้ำตาลมาก 
  -  ดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนกินอาหารทุกครั้ง 
  -  ดื่มนมพร่องมันเนยหรือนมถั่วเหลือง 

             

ดังนั้นก่อนที่คุณจะเริ่มต้นลดน้ำหนักอย่างเร่งรัด ขอให้คุณทำความเข้าใจกับอาหารการกินเสียก่อน เพราะเป็นเทคนิคที่สำคัญที่จะทำให้คุณควบคุมน้ำหนักได้ และลดได้อย่างถาวรตลอดไป

1. เลิกกินไขมัน
ไขมัน 1 กรัมให้แคลอรี่ตั้ง 9 แคลอรี่
ถ้า 1 วันคุณกินไขมัน 100 กรัม คุณก็ได้ 900 แคลอรี่แล้ว และถ้าวันหนึ่งคุณใช้พลังงานไปแค่ 500 แคลอรี่ นั่นก็มายถึงว่ามีไขมันเหลือสะสมในร่างกายของคุณอีก 400 แคลอรี่ ซึ่งเมื่อสะสมไปอีก 5-6 วัน ก็จะได้ 3,500 แคลอรี่ ซึ่งหมายถึงน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น 2.2 กิโลกรัม ซึ่งแน่แนอนว่า วันหนึ่งคุณไม่ได้ทานอาหาร 900 แคลลอรี่ เท่านั้น เพราะไหนจะคาร์โบไฮเดรตและอาหารประเภทอื่น ๆ อีกนับพันแคลอรี่ ลองคิดดูสิว่าในความเป็นจริง สิ่งที่เหลือเป็นส่วนเกินในแต่ละวันจะมีสูงเพียงใด ต่อไปนี้ขอให้คุณ เลิกเด็ดขาด กับอาหารประเภททอด ผัด นมเนย ต่าง ๆ ตลอดจนตับ ไต เครื่องในสัตว์ และอาหารผสมกะทิทุกชนิด

2. เลิกกินขนม
ถ้าของโปรดของคุณคือ ไอศกรีม ช็อกโกแลต ปอปคอร์น (ข้าวโพดคั่ว) ขนมหวานประเภท กล้วยบวชชี ลอดช่องน้ำกระทิ คัสตาร์ด หรือขนมหวานทั้งปวง ขอให้ทำใจเลิกเหลียวมองตั้งแต่วันนี้

3. เลิกกินจุบกินจิบ
หมายถึงอาหารระหว่างมื้อ ของว่าง ขนม หรือที่เรียกว่าของทานเล่นนั่นแหละ ขอให้เลิกโดยสิ้นเชิง ถ้าว่างนักก็หาอะไรทำที่สร้างสรรค์กว่าการกินของจุบจิบจะดีกว่าเยอะเลย ให้กินเฉพาะมื้ออาหารเท่านั้น ดังนั้นคุณควรลองปฏิเสธงานเลี้ยงทั้งปวงที่ต้องไปกินแน่นอน อย่างเช่น งานแต่ง งานบวช งานเลี้ยงฉลอง งานวันเกิน เป็นต้น

4. กินแต่ผลไม้
ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ให้กินแต่ผลไม้ กินเข้าไปเถอะ ไม้ด้วนแน่นอน ถ้าใครถามก็ให้เชิดอกบอกไปเลยว่าคุณควบคุมน้ำหนักอยู่ หรือกำลังลดความอ้วนอยู่

 

คนไม่อ้วนไม่มีวันเข้าใจว่าไขมันในร่างกายเรานั้น ก่อความทุกข์ให้จิตใจมากขนาดไหน คิดไปแล้วก็แปลก ที่เราช่างสรรกิน โน่นกินนี่กัน เพื่อที่จะไปเอามันออกในภายหลัง ดูแล้วเกินเหตุเกินสภาพร่างกายจริงๆ เอาเป็นว่าวันนี้เราจะมาสรรกินอะไรที่มันไม่อ้วนกัน โดยเฉพาะดีกว่า ไม่ต้องไปกำจัดภายหลัง

วันนี้เรามีสูตรลดความอ้วนสูตรเด็ดมาฝากกัน ผู้เขียนรับประกันว่าได้ผลแน่นอนเพราะลองมาแล้ว ด้วยสูตรนี้ น้ำหนักจะหายไปประมาณ 5 กิโลกรัม โดยใช้เวลา 24 วัน น้ำหนักที่ลดจะมากหรือน้อยนั้น ขึ้นกับพฤติกรรมการกินเป็นสำคัญแต่เรารับประกันว่า ลดแน่นอน

ที่มาของสูตรนี้ได้มาจากชาวฝรั่งเศส ชื่อ อิวอนน์ ทรูแบรด์ เมื่อใช้สูตรนี้แล้วผิวหนังจะไม่เหี่ยวย่น ซึ่งเป็นข้อดีเด่นเหนือวิธีลดความอ้วนอื่นๆที่เมื่อลดน้ำหนักจำนวนมาก ผิวหนังเราปรับตัวไม่ทัน จึงปรากฏเป็นรอยเหี่ยวรอยย่นบนร่างกาย โดยสูตรนี้ออกแบบมาให้ร่างกายสามารถเผาผลาญอาหารที่กินเข้าไปได้มากที่สุด ไม่เหลือตกค้างสะสมเป็นไขมัน จึงไม่ใช่การอดอาหารและไม่ทำร้ายร่างกาย การจะใช้สูตรนี้ได้ต้องยอมรับในหลักการที่ว่า น้ำย่อยในร่างกายเราจะมีประสิทธิภาพดีที่สุดย่อยได้มากที่สุดเมื่อย่อยอาหารเพียงชนิดเดียวเท่านั้น เช่นย่อยแต่คาร์โบไฮเดรต โปรตีน เป็นต้น

ดังนั้นในมื้อหนึ่งๆ เราจึงกินอาหารได้เพียงชนิดเดียวเท่านั้น สูตรนี้แบ่งช่วงการกินอาหารออกเป็นสี่ช่วง สี่ระดับความอดทน เก้าวันสามวัน เก้าวัน สามวัน รวมกันแล้วเป็น 24 วัน ตลอดทั้ง 24 วันนี้ อาหารเช้าจะเหมือนกันทั้งหมดคือ ส้มโอกับชาหรือกาแฟที่ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่นม สามารถใช้ครีมเทียมและน้ำตาลเทียมแทนได้ ( ส้มโอนั้น ตำราฝรั่งจะใช้เกรปฟรุ้ตแทน ) นมและน้ำตาล เป็นอาหารต้องห้ามตลอด 24 วัน ส่วนอาหารที่ไม่ห้ามนั้น จะกินเท่าไหร่ก็ได้ เช่น สามารถกินส้มโอได้ไม่จำกัด 5 กิโลกรัมก็ได้ ยังอยู่ในสูตรนี้อาหารของเก้าวันแรก เช้าคือส้มโอและกาแฟหรือชา กลางวันเป็นเนื้อสัตว์ล้วนๆ ไม่มีข้าว ไม่มีผัก ไม่มีนมและไข่ สามารถใส่ซอสได้ กินได้มากเท่าที่ต้องการไม่จำกัด แต่มีข้อแม้ว่าในหนึ่งมื้อให้กินเนื้อสัตว์เพียงชนิดเดียวเท่านั้น เช่น หมูล้วนไก่ล้วน ปลาล้วน ( ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาจากตัวเดียวกันนะคะ ) เพื่อให้กระเพาะอาหารสามารถทำงานได้ดี มากกว่าการกินปนกันที่จะทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนักขึ้น ความรู้พื้นฐานที่เอาไปใช้ในการเลือกกินได้คือ หมูมีไขมันมากที่สุด เนื้อรองลงมา อาหารทะเลมีไขมันน้อย อาหารต้ม นึ่ง เผา มีแคลอรีน้อยกว่าอาหารทอด

ดังนั้นใครใคร่กินก็กินได้ไม่จำกัด แม้จะเป็นขาหมูก็ตามแต่ห้ามกินอย่างอื่นปนและน้ำหนักอาจลดน้อยกว่าที่คิด อาหารแนะนำคือสเต็กพริกไทย ปลาสำลีเผา กุ้งอบเกลือ สตูว์เนื้อไม่ใส่ผัก ปลา กระพงย่างบีบมะนาว หมูทอดกระเทียม แกงจืดหมูสับล้วน ระวังอย่ากินผักและข้าวเป็นพอ

สำหรับมื้อเย็น ให้กินแต่ข้าวกล้องล้วนๆ แต่สามารถเติมซอสได้ ผัดกับกระเทียมได้ ใส่ซีอิ้ว พริกไทยได้หมด ห้ามไม่ให้มีนมกับไข่ผสมเด็ดขาด ผักและเนื้อสัตว์กินไม่ได้เข่นกัน อาหารแนะนำได้แก่ ข้าวผัดกระเทียมใส่ซีอิ๊วขาว ข้าวผัดกะปิ ข้าวคลุกมันกุ้ง ข้าวผัดมันปู ข้าวคลุกน้ำพริกตาแดง ข้าวคลุกน้ำพริกต่างๆข้าวคลุกพริกป่นบีบมะนาว ( ผู้เขียนใช้กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแทน แต่ไม่ได้คุณค่าอย่างอาหารที่แนะนำ สำหรับเวลาต้องการความสะดวกเท่

สามวันต่อมา ( ท่านจะเริ่มสังเกตได้ว่าน้ำหนักลดลงจนมีกำลังใจ ) มื้อเช้ายังคงเหมือนเดิม มื้อกลางวันและเย็นเป็นผลไม้ล้วนๆ ใช่ค่ะ ผลไม้ล้วนๆ ห้ามมีอย่างอื่นเกี่ยวข้อง ผลไม้อะไรก็ได้ที่ใกล้มือ หาง่าย ทุเรียนก็ได้ มะม่วงก็ได้ กินเท่าไหร่ก็ได้ แต่ต้องกินเป็นมื้อ ไม่ใช่กินจุบจิบนะคะ ทีนี้ท่านที่จ้องจะกินแต่ทุเรียนและมะม่วงสุก น้ำหนักอาจลดน้อยกว่าที่ควร ระวังกันไว้หน่อยดีกว่าค่ะ

เก้าวันชุดที่สอง ระดับความอดทนมากขึ้นไปอีกคือ นอกจากอาหารเช้าที่เหมือนเดิมแล้ว มื้อที่เหลือเป็นผักล้วน แต่โชคดีที่ฝรั่งเค้านับมันฝรั่ง เผือก ข้าวโพดเป็นผักด้วยเหมือนกัน อาหารแนะนำได้แก่ คะน้าผัดน้ำมันหอย ผักนึ่งจิ้มน้ำพริก ผัดผักทุกอย่าง สลัดผักน้ำใส ( ที่ไม่ใส่นม ไข่ และน้ำตาล )

สามวันสุดท้าย ไม่ยากแล้วค่ะ มื้อเช้ายังเหมือนเดิม นอกนั้นเราจะกลับมากินแต่ผลไม้ล้วนๆ เมื่อครบสูตรนี้แล้วน้ำหนักจะลดลงทันตาเห็นค่ะ ยิ่งถ้าใครสามารถคุมอาหาร เลือก ที่มีแคลอรีและไขมันน้อยๆได้ น้ำหนักจะยิ่งลดมากกว่า 5 กิโลกรัมอีกค่ะ ตัวอย่างเช่น เลือกกินปลามากกว่าขาหมู ส้มมากว่าทุเรียน เป็นต้น ทีนี้เราต้องระวังอีก สูตรอาหาร 24 วันนี้ ถ้าพลาด ผิดหรือเผลอไปหมายถึงให้เริ่มวันแรกใหม่ เริ่มตั้งต้นใหม่หมดนะคะ เมื่อครบ 24 วันแล้ว เราสามารถกลับไปกินอาหารแบบก่อนเริ่มทำได้อีก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ระวังเรื่องน้ำหนักเลย สูตรไหนก็เอาไม่อยู่ค่ะ วิธีนี้เป็นวิธีลดน้ำหนักที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหารโดยเฉพาะ หลังจากทำครบสูตร ถ้าอยากผอมตลอดโดยไม่ต้องควบคุมปริมาณอาหารเลย ( ใช่ค่ะ หมายถึงกินมากเท่าไหร่ก็ได้ ) ขอแนะนำให้ใช้วิธีนี้ค่ะ คือ ถ้าจะกินเนื้อ ให้กินเนื้อชนิดเดียวกันในแต่ละมื้อและกินร่วมกับผัก ห้ามกินพร้อมกับอาหารพวกแป้ง ถ้าจะกินอาหารพวกแป้งเช่นข้าว ก็ห้ามกินพร้อมกับโปรตีน ให้กินกับผักแทน

ข้อแนะนำอีกอย่าง ผลไม้เป็นอาหารที่แนะนำให้ติดบ้านไว้ตลอดเลยค่ะ เพราะผลไม้ใช้เวลาอยู่ในกระเพาะเราน้อย แต่อาหารหนักจะอยู่นาน ดังนั้นเพื่อสุขถาพ เราควรกินผลไม้ก่อนกินอาหารหลัก ประมาณ 15 - 30 นาที ค่ะ วิธีนี้เราจะมีระบบย่อยอาหารที่ดีและมีผลไม้ไปตัดกำลังการกินอาหารหลักของเรา ทำให้เรากินน้อยลงเองโดยธรรมชาติ

เป็นยังไงกันบ้างคะ สนใจกันรึเปล่า หรือว่ายากเกินไป เราคงต้องเข้าใจว่าโลกนี้มีสมดุลนะคะ ถ้าเราไม่คิดจะควบคุมปริมาณก็เป็น เรื่องจำเป็นที่ต้องควบคุมคุณภาพค่ะ เป็นเรื่องช่วยไม่ได้จริงๆ