การออกแบบจัดสวน

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ การออกแบบจัดสวน

การออกแบบจัดสวน คือการจะทำให้สวนมีความสวยงาม จะต้องมีความรู้พื้นฐานค่อนข้างจะสูงมาก ในเรื่องของการออกแบบ นอกจากนี้ สวนสวย ไม่ใช่ว่า สวนจะอยู่ได้นาน จะต้องดูว่าสวนสวย จะต้องมีการดูแลรักษาที่ดี เพื่อให้เขามีชีวิต ที่อยู่ได้ยาวนาน ด้วย หลักการออกแบบ จึงมีความ จำเป็น ต่อการจัดสวนมาก เพราะถือว่าการออกแบบ การเขียนแบบ เป็นจุดเริ่มต้น ของงาน การออกแบบ ที่ดีต้องอาศัยความรู้อยู่ 2 อย่างด้วยกัน

1. องค์ประกอบของศิลป์ เป็นศิลปะที่เกิดจาก การผสมผสานของจิตใจ สอดคล้องกับวิถีชีวิต และเพื่ออำนวยประโยชน์สูง ทางด้าน ร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ องค์ประกอบของศิลป์ ที่สำคัญได้แก่ สี ต้องมีความเข้าใจเรื่องของสี เรื่องของเส้น เรื่องของพื้นผิว เรื่องของรูปทรง เรื่องของรูปร่าง เรื่องของช่องว่าง และก็ลวดลาย ซึ่งถือว่าเป็น องค์ประกอบของศิลปะ ผู้ออกแบบจะต้องทำ ความเข้าใจ

2.. หลักในการออกแบบ จะเน้นที่ความสมดุล จะเป็นสมดุลที่แท้จริง สมดุลแบบเชิงล้อเลียนธรรมชาติ อะไรก็แล้วแต่ ช่วงจังหวะทั่ว ๆ ไปที่เราเรียกว่า ลิทึม สำหรับมาตราส่วน ที่เหมาะสมกับพื้นที่ ความเป็นเอกภาพจัดไปแล้ว มีความเป็นหนึ่งเดียว ไม่หลากหลาย หรือสับสนมากเกินไป ความกลมกลืนของกลุ่มวัสดุที่ใช้ เช่น กลุ่มของหิน กลุ่มของพืชพันธุ์ ในระหว่างการสร้างจุดเด่น รวมถึง ความขัดแย้งถ้าเผื่อจำเป็น จะต้องมีอันนี้เป็น หลักของการออกแบบที่ดี ผู้ออกแบบที่ดี จะต้องศึกษา ข้อมูลเหล่านี้ให้ชัดเจนและเข้าใจ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีบางประเด็น ที่อยากจะให้ข้อเสนอแนะว่า ในการออกแบบเราก็มีข้อคิดหลาย ๆ ข้อคิดที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น กรณีของการใช้สีในการจัดสวน ถ้าหากเป็น ชาวตะวันออก จะนิยมใช้กลุ่มสีที่เป็น สีเย็นหรือสีพื้น หรือใส่เสื้อผ้าสีพื้นมากกว่า ฉูดฉาด เพราะฉะนั้นลักษณะพืชพันธุ์ สิ่งของที่นำมาใช้ วัสดุมักจะเป็นสีพื้น ๆ และดูได้นาน มีความกลมกลืนค่อนข้างยาวนาน แต่ถ้าเป็น การจัดสวน แบบชาวยุโรปตะวันตก เนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้าง จะแปรปรวนง่าย สีที่ใช้ส่วนใหญ่ของ พืชพันธุ์วัสดุ มักจะเป็น สีซ้อนและสีค่อนข้าง จะฉูดฉาด เน้นค่าของสีต่อพื้นที่ พื้นผิวที่ต่างกัน จะมีแปลงไม้ดอกสดใสมากมาย ในแถบยุโรปซึ่งแตกต่างกัน ในเรื่องการใช้สี นอกจากนี้จะพิจารณาถึง ฉากหลัง หรือ ผนังของอาคาร ต่าง ๆ อย่างเช่น กรณีของผนัง ถ้าเป็น ผนังของอาคาร ที่เป็นสีสว่าง ๆ ก็จะเลือกใช้วัสดุที่มีสีเข้ม เพื่อให้มองดูสวยขึ้น และในทำนองเดียวกัน ถ้าหาก ผนังอาคาร สีเข้มอยู่แล้ว อาจจะใช้วัสดุ พืชพันธุ์ สีสว่าง เพื่อมองดูเด่นชัด อาจจะมีความขัดแย้งกันอยู่บ้าง กรณีพื้นผิวต่อ งานออกแบบ อันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้ากรณีพื้นผิวหยาบ พืชพันธุ์ ที่นำมาใช้ก็ควร จะใช้ที่มีพื้นผิวละเอียด จะมองดู เป็นความขัดแย้งแต่ ถ้าหากเราต้องการให้มี ความกลมกลืนอาจจะ ใช้พื้นผิวที่หยาบ เช่น พันธุ์ไม้ที่มีใบใหญ่ใบหนา ถ้าหากว่าพื้นผิวหยาบ จะไว้ส่วนหลัง ส่วนหน้าก็จะเป็นพื้นผิวค่อนข้างจะปานกลาง หน้าสุดก็จะเป็นละเอียด ถ้าเป็นสนามหญ้าเปิดกว้าง ๆ จะใช้หญ้านวลน้อย ถ้าหากใต้ร่มไม้ ที่มีแสงไม่มากนัก จะใช้หญ้ามาเลเซีย หรือพื้นที่ขนาดเล็ก อาจจะใช้หญ้าที่ละเอียด เช่น หญ้าญี่ปุ่น การจัดสวน เพื่อให้เกิด ความสวยงาม บางทีสวนที่จัดซับซ้อนเกินไป ไม่ได้บ่งชี้ความสวยงาม ระยะยาว แต่สวนที่จัดให้เกิดความสวยงาม กลับกลายเป็นจัดสวนที่ง่าย มีสนามหญ้าเปิดกว้าง ดูแลรักษาง่าย ยาวนาน และเสริมสิ่งก่อสร้างหลักให้สวยงามมากขึ้น การจัดสวน อย่าให้เป็นเหมือน การจัดเรือนต้นไม้ หรือ ร้านขายต้นไม้ เป็นหลักการ ที่ค่อนข้างจะสำคัญ

การออกแบบจัดสวน

วัตถุประสงค์ของการจัดสวน มี 3 ประการ คือ

1. การจัดสวนในระบบของพืชผล จะต้องสนองตอบต่อ ความต้องการของคน คือ เอาคนเป็นศูนย์กลางจะต้องเน้น และก็เอื้ออำนวย ประโยชน์สูงสุด แก่คน ไม่ว่าจะเป็น ด้านร่างกาย หรืออื่น ๆ กิจกรรมที่คนกระทำอยู่ เช่น ในสวนจะต้องมีทางเดิน ทางเดินเท้า ทางถนนรถยนต์ ศาลาพัก ม้านั่ง สระว่ายน้ำ ที่ละเล่นกลางแจ้ง มีต้นไม้ยืนต้น เป็นร่มเงา ตามทางเดิน นอกจากนี้ยังมีไม้พุ่ม ไม้คลุมดินเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมต่าง ๆ มีการตัดเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อให้เกิดความสวยงาม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมภายใน ป้องกันมลพิษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางอากาศ เสียง ฝุ่นละอองที่เกิดขึ้น

2. การจัดสวน เพื่อความสวยงาม เน้นที่สุนทรียภาพต่างๆ มุ่งความงามให้เกิด ความสุขทางด้านจิตใจ อารมณ์ การจัดจะหลากหลาย บรรยากาศ มีมุมสงบมีมุมก่อให้เกิด ความประหลาดใจ เป็นการมุ่งเน้นให้เกิดคุณค่า มีความลี้ลับ เพื่อให้เกิดความคิด ความสนใจ ความระทึกใจ ความสร้างสรรค์ เช่น การจัดสวน ที่มีมุม น้ำพุ น้ำตก ทางน้ำไหล ไม้ดอกสวยงาม เป็นต้น

3. การจัดสวนเพื่อการทดลอง การศึกษา ทดลอง ค้นคว้า วิจัย ต่าง ๆ กรณีที่ได้รับ พืชพันธุ์ ใหม่มา วัสดุอุปกรณ์ ที่ใช้ใน การจัดสวน ใหม่ ๆ มา จะเป็น วัสดุอุปกรณ์ ที่มนุษย์ผลิตขึ้น หรือจาก ธรรมชาติ มาจัดประกอบเข้ากับ รูปแบบของสวนต่าง ๆ ก็ศึกษาว่า เหมาะสม หรือไม่ พืชพันธุ์ นั้นเจริญเติบโตได้ดีหรือไม่ เหมาะกับ รูปแบบของสวน หรือไม่ วัตถุประสงค์ส่วนใหญ่ที่มุ่งเน้นการศึกษาการค้นคว้า และการทดลอง เพื่อหาคำตอบ ที่เหมาะสมนั่นเอง หาความสัมพันธ์ระหว่างพืชพรรณ วัสดุกับรูปแบบของสวน หรือบางครั้ง อาจจะมี การจัดสวน แบบต่าง ๆ เพื่อเป็นต้นแบบของการศึกษา

ความสำคัญของ การจัดสวน

ภายในบริเวณบ้านจะทำให้บริเวณสะอาด เป็นระเบียบ ลดมลพิษ ต่าง ๆ โดยเฉพาะ สนามหญ้า จะสามารถ ลดมลพิษ ของแสง เสียง ฝุ่นละออง เพราะหญ้าเป็น ตัวกรองฝุ่นละออง และก็ขับแสงได้ดีที่สุดทีเดียว นอกจากนี้ยังทำให้พื้นที่เป็นสัดส่วน มีมุมสงบส่วนตัว เสริม บ้าน อาคารให้ดูดีขึ้น มีคุณค่ามากขึ้น ปรุงแต่ง สภาพแวดล้อม ต่าง ๆ ให้ดูดีขึ้นมา

การแบ่งพื้นที่ของ สวนบ้าน

การแบ่งพื้นที่ในสวนแต่ละประเภท จะแตกต่างกันไป สวนสาธารณะ ก็แตกต่าง แต่ สวนบ้าน ค่อนข้างจะใกล้ชิดกับ ประชาชน หรือคน หรือสมาชิกครอบครัวมากที่สุด การแบ่งพื้นที่ของ สวนบ้าน แบ่งได้เป็น 2 หลักใหญ่ ๆ โดยอาศัยลักษณะของ วัฒนธรรม ของต่างชาติ เป็น ต้นแบบ เช่น การแบ่งพื้นที่ของ การจัดสวน ของชาวตะวันตก หรือ อเมริกา ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไป บ้านของ ชาวตะวันตก และ อเมริกา นั้นไม่ค่อยมี รั้วบ้าน อาจจะมีรั้วเป็นรั้วเตี้ย ๆ อย่างนี้เป็นต้น การแบ่งพื้นที่ การจัดสวน ของชาวตะวันตก จึงแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนหลักใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ

1. พื้นที่ส่วนหน้า หรือ ส่วนสาธารณะ จะเป็นส่วนโชว์ การจัดสวน ส่วนนี้ควรจะเป็นสนามเปิด เป็นส่วนใหญ่ ต้นไม้ไม่มาก จะเสริมให้ บ้าน ดูสง่ามีคุณค่ามากขึ้น เป็นส่วนของพื้นที่ที่ติดถนน

2. พื้นที่บริการหรือการปฏิบัติงาน ส่วนนี้คล้าย ๆ กับครัว พื้นที่ซักล้างภายในบ้าน จะประกอบไปด้วยส่วนที่เก็บ เครื่องมืออุปกรณ์ ที่ใช้อำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็น ราวตากผ้า ถังขยะ หรือบางครั้งก็อาจจะดัดแปลงเป็น ส่วนพื้นที่ปลูก พืชผักสวนครัว ที่ใช้ ภายในบ้านก็ได้ เพราะฉะนั้นส่วนนี้ของพื้นที่จัดอยู่ใกล้ ๆ กับพื้นที่บริการ เช่น ห้องครัว ห้องซักล้าง ให้ได้เกิดความเชื่อมโยง ซึ่งกันและกัน

3. พื้นที่พักผ่อนส่วนตัว โดยทั่ว ๆ ไป สมาชิกครอบครัว ต้องการความสงบ ความสวยงาม พื้นที่ของสวนส่วนนี้ เปรียบเสมือนกับ ห้องพักอาศัย ห้องนอน ห้องรับแขก การจัดก็ควรให้อยู่ในสภาพใกล้ เคียงกับ ห้องนอน ห้องรับแขก หรืออื่น ๆ โดยส่วนใหญ่แล้ว ชาวตะวันตกจะใช้พื้นที่ของสวน ส่วนนี้อยู่หลังบ้าน เป็นพื้นที่เชื่อมโยงกับลานพัก จะมีการจัดอย่างพิถีพิถัน มีสิ่งอำนวยความสะดวก ครบครัน การจัดมีความเป็นพิเศษ หลายบรรยากาศ สนองตอบต่อ ความสุขของครอบครัว หรือผู้ที่อยู่อาศัยมากที่สุด

สำหรับการแบ่งพื้นที่อีกแบบหนึ่งก็คือ เป็นของชาวตะวันออก เมื่อปลูกบ้านแล้วมักจะมีรั้วบ้านรั้วโปร่งก็มี รั้วทึบก็มี รั้วค่อนข้างจะสูง การแบ่งพื้นที่จะแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ

  1. ส่วนหน้า เป็นส่วนที่ติดถนน การจัดจะเน้นใน เรื่องความเหมาะสม จัดขนาดของพื้นที่ ไม่มีวัตถุประสงค์ของการใช้เป็นที่พักผ่อน
  2. สวนครัว อันนี้เจาะลงสวนครัวโดยตรง ให้ทำหน้าที่รวบรวม เกี่ยวกับเรื่องพืชผักต่าง ๆ กิจกรรมเกี่ยวกับการดำรงชีวิต ของคนเป็นส่วนใหญ่ พื้นที่สวนส่วนนี้อยู่ระหว่าง สวนหน้ากับสวนใน และในส่วนของสวนครัว อาจจะเป็นที่เก็บวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อีก เช่น ราวตากฟ้า อุปกรณ์สำหรับงานสวน ระบบน้ำ ระบบไฟ
  3. ส่วนใน เป็นพื้นที่ด้านหลังบ้าน เปรียบเสมือนเป็นบ้าน หรือส่วนที่พักผ่อนจริง ๆ เพื่อให้ผู้อยู่ อาศัยได้ใช้ชีวิตสัมผัสกับ ธรรมชาติ การจัดแบบนี้จึงอุดมไปด้วยไม้ใหญ่ ไม้ดอกนานาชนิด แล้วในสวน ส่วนใน ยังแบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อย ส่วนแรกคือ
    ตอนหน้าสุด การจัดจะโปร่งบาง ถัดไปเป็น ตอนกลางอาจจะเป็นลักษณะของลำธารน้ำไหล หรือน้ำตกเตี้ย ๆ คลุมแมกไม้ที่มีการปักควบคุมทรง ส่วนด้านหลังนั้นจะเป็นเนินขา โขดหินแล้วก็ป่าไม้ใหญ่ เพราะฉะนั้น ลักษณะของการแบ่งพื้นที่ของการจัดสวนแบ่งตามลักษณะ ตามประเพณีนิยม ของชาวตะวันตกและตะวันออก

การออกแบบจัดสวน
การกำหนดรูปร่างหรือแบบ (Style)

ในการจัดสวนในส่วนของบริเวณ ที่เลือกแล้วนั้นขึ้นอยู่กับ รสนิยม และความชอบของเจ้าของบ้าน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ

1. แบบรูปทรงเรขาคณิต (Formal) คือ การจัดโดยอาศัย รูปทรงเรขาคณิต ต่าง ๆ มีการแสดงออกของ เส้นตรง ซึ่งเป็น เส้นนำสายตา ให้มุ่งตรงไปยัง จุดเด่นที่ต้องการ (Strong Axial Design) และเส้นนี้ จะแสดงความรู้สึกว่า บริเวณ ด้านซ้าย และขวามีความเท่า ๆ กัน (Balance) คือ ด้านซ้ายและด้านขวา เหมือนกันทุกประการ การจัดสวน แบบนี้ เหมาะกับ บ้านทรงยุโรป ประเภทกรีก โรมัน และบริเวณมุมเล็ก ๆ ในพื้นที่จำกัด หรือใน บริเวณส่วน ด้านหน้าของ หน่วยงานราชการ และบริษัทต่าง ๆ การจัดสวนประเภทนี้ จะดูเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่การดูแลรักษาค่อนข้างสูง เพราะต้องตัดแต่งต้นไม้ให้เป็นรูปทรงเรขาคณิตอยู่เรื่อย ๆ

2. แบบธรรมชาติ (Informal) คือ การจัดใช้เส้นอิสระ (Free Form) มักเป็นโค้งรูปตัว "S" ดูเป็นธรรมชาติ อ่อนช้อยไม่เป็น เหลี่ยมมุม ต้นไม้ใช้รูปทรงตาม ธรรมชาติ ไม่ตัดแต่งเป็นรูปทรงเรขาคณิต การจัดสวนแบบธรรมชาติ นี้เหมาะกับ บ้านทั่ว ๆ ไป ทั้งที่มีเนื้อที่กว้าง และ เนื้อที่แคบ หรือ สวนสาธารณะ และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ

Resource : รองศาสตราจารย์สมจิต โยธะคง